ข่าว ข่าวโลกอิสลาม

6 เหตุผลที่สหรัฐฯแค้นเคืองตุรกีและพยายามโค่นแอร์โดอาน

1. รัฐประหารล้มเหลวปี 2016 ที่ตุรกี

เป็นที่รู้กันทั่วว่า กลุ่มกุเลนด้วยความร่วมมือกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่สหรัฐฯที่บัญชาการในฐานทัพอากาศ Incirlik ที่จบด้วยทหารระดับนายพลถูกจับกุมนับร้อย โดยเฉพาะนายทหารคนสำคัญของสหรัฐ 15 นายรวมทั้งสายลับในคราบนักบุญอย่างบาทหลวงแอนดรูว์ บรอนสันชาวอเมริกัน ที่ทางการตุรกีมีหลักฐานแน่นหนาว่ามีส่วนพัวพันกับปฏิวัติล้มเหลวครั้งนี้ รวมทั้งกุเลนที่พำนักในสหรัฐและได้รับการปกป้องดุจไข่ในหิน ถึงแม้ตุรกีจะหอบหลักฐานและกดดันสหรัฐฯให้ส่งตัวหัวหน้าก่อการร้ายในคราบฮาฟิศอัลกุรอานคนนี้ไปยังตุรกี ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ทุกอย่างล้มเหลว ทั้งๆที่ตุรกีส่งผู้ร้ายสัญชาติต่างๆทั้งสหรัฐฯและกลุ่มประเทศยุโรปจำนวนนับพันๆคน

รัฐประหารล้มเหลวครั้งนี้ถือเป็นการลอกคราบสหรัฐฯและปอกเปลือกธาตุแท้ประชาธิปไตยฉบับสหรัฐฯได้อย่างล่อนจ้อนทีเดียว

2.การปราบปรามก่อการร้ายในภูมิภาค

แผนปฏิบัติการที่สำเร็จลุล่วงของโล่ห์ยูเฟรทีส และกิ่งมะกอก ที่ตุรกีใช้สิทธิ์อำนาจปกป้องความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศด้วยศักยภาพของตนเอง โดยไม่พึ่งพากองทัพพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯที่ดูเหมือนกับหมอเลี้ยงไข้ ที่ยิ่งปราบ ก็ยิ่งโตวันโตคืน โดยเฉพาะกลุ่มก่อการร้ายที่สร้างความปั่นป่วนบริเวณชายแดนอิรักและซีเรีย ซึ่งครอบคลุมทั้ง PKK ,IS หรือ PYD ทั้งๆที่ตุรกี ตะโกนสุดเสียงว่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายที่แท้จริงคือสหรัฐฯและประเทศยุโรป และมีความพร้อมที่จะเชิญชวนนักข่าวทั่วโลก เพื่อเป็นสักขีพยานร่วมกันว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ตุรกียึดได้จากเขตพื้นที่กลุ่มก่อร้ายดังกล่าว ผลิตจากประเทศไหนและใช้เส้นทางลำเลียงเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายอย่างไร

ปัจจุบัน ตุรกีได้สร้างอาณาเขตที่ปลอดภัยตามแนวชายแดนซีเรียและอิรัก พร้อมพัฒนาด้านสาธารณูปโภค การศึกษา สังคมและอื่นๆที่ทำให้ประชาขนใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง ทำให้สหรัฐฯหรือแม้กระทั่งนายบัชชาร์และรัฐบาลอิหร่านแสดงอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง

3. ข้อตกลงการซื้อขายอาวุธที่ไม่ลงตัว

ตุรกีในฐานะสมาชิกนาโต้ได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ร่วมลงขันโครงการผลิตฝูงบินรบสุดไฮเทค F-35 แลกกับการมีส่วนร่วมผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยีฝูงบินรบนี้ด้วย แต่เมื่อถึงเวลาส่งมอบตามสัดส่วนที่ตุรกีพึงได้จำนวน 100 ลำ สภาคองเกรสสหรัฐฯออกกฎหมายยับยั้งการขาย F-35 อย่างหน้าตาเฉย ทำให้ตุรกีจำเป็นต้องย้ายค่ายหันไปทำข้อตกลงซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 ของรัสเซียแทน จากข้อตกลงนี้ ตุรกีสามารถส่งนักวิทยาศาสตร์ 300 คนร่วมผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยีกับรัสเซีย เพื่อสร้างความพร้อมผลิตในตุรกีต่อไป

การย้ายค่ายของตุรกี ซึ่งจะเริ่มต้นการส่งมอบในปี 2020 นี้ ทำให้ลุงแซมเคืองมาก ถึงขั้นออกมาข่มขู่ว่า ประเทศพันธมิตรทางยุทธศาสตร์และพันธมิตรหลักในนาโต้ ควรใส่ใจกับความเสี่ยงต่างๆจากการยอมอ่อนข้อทางยุทธศาสตร์แก่มอสโก พร้อมเตือนตุรกีว่า การจัดซื้อดังกล่าว อาจนำมาซึ่งมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งอังการ่าได้ตอบโต้ทันควันว่า ตุรกีมีความอิสระซื้ออาวุธเพื่อเสริมศักยภาพในการป้องกันประเทศจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ หากเป็นไปตามข้อตกลงของกฎหมายการซื้อขายระหว่างประเทศ

4. ตุรกีคือเด็กดื้อในสายตาสหรัฐฯ

ไม่เพียงเป็นเด็กดื้อเท่านั้น แต่ตุรกีดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯที่พยายามวัดรอยเท้าขาใหญ่ตลอดเวลา ปัจจุบันตุรกีมีฐานทัพ 6 แห่งทั่วโลก (กาตาร์ โซมาเลีย ไซปรัส อัฟกานิสถาน โมซุล(อิรักและเขตพื้นที่ปฏิบัติการโล่ห์ยูเฟรทีส) และเขตปฏิบัติการกิ่งมะกอกที่ซีเรีย ฐานทัพเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการสกัดกั้นแผนร้ายไม่ให้ลุกลามใหญ่โตดังที่เกิดที่กาตาร์ หรือชายแดนตุรกี-อิรักและตุรกี-ซีเรีย

ตุรกียังท้าทายมหาอำนาจด้วยการส่งดาวเทียมเพื่อการสอดแนมและการป้องกันประเทศ หนำซ้ำยังเปิดตาให้ประชาคมโลกรับรู้ผ่านเวทีนานาชาติด้วยว่า โลกนี้ยิ่งใหญ่กว่า 5 ประเทศสมาชิกถาวรความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เป็นไปไม่ได้ที่ชาวมุสลิมที่มีจำนวน 1/3 ของประชากรโลก แต่กลับไม่มีตัวแทนในสมาชิกถาวรความมั่นคงแห่งสหประชาขาติแม้แต่ประเทศเดียว ซึ่งที่ผ่านมา เรายังไม่ค่อยเห็นผู้นำอิสลามหรือขาติอาหรับคนไหนที่กล้าพูดประเด็นนี้ในเวทีนานาชาติ

ล่าสุดในที่ประชุมสภาเตอร์กเมื่อวันที่ 2/9/61 ที่ประเทศกีร์กิสถาน แอร์โดอานได้เรียกร้องให้ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทนสกุลดอลล่าร์ในการประชุมสุดยอดผู้นำ 7 ประเทศที่ใช้ภาษาเตอร์ก เพื่อประกาศสงครามดอลล่าร์&ลีร่าอย่างเต็มรูปแบบ

ยังไม่รวมโครงการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ที่ตุรกีประกาศจะผลิตอาวุธด้วยตนเองพร้อมส่งขายไปยังมิตรประเทศด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายช่องทางทำมาหากินของพ่อค้าอาวุธระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

5. การประมูลแห่งศตวรรษ

โครงการนี้มีเป้าหมายดังนี้
ก. ยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างอาหรับกับยิว และสานสัมพันธ์อย่างปกติระหว่างสองฝ่ายเหมือนไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งใดๆมาก่อน
ข. อพยพชาวปาเลสไตน์ให้ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ ดินแดนนอกแผ่นดินปาเลสไตน์ ที่มีการตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว และยุติการเรียกร้องกลับสู่บ้านเกิดของชาวปาเลสไตน์
ค. สถาปนาเมืองอัลกุดส์เป็นเมืองยิวตลอดกาล

เจ้าภาพหลักโครงการนี้คือสหรัฐฯ โดยเฉพาะยุคปธน. ทรัมป์ ที่กล้าแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ชาวโลกรับทราบอย่างชัดเจนว่า เมืองหลวงที่แท้จริงของสหรัฐฯคือเทลอาวีฟ หาใช่กรุงวอชิงตัน และเมืองหลวงของอิสราเอลที่แท้จริงคือกรุงวอชิงตัน หาใช่เทลอาวีฟ

ที่น่าไว้อาลัยที่สุดคือ จุดยืนของประเทศอิสลามและอาหรับบางประเทศที่คอยเป็นฝูงแกะ ยอมให้สหรัฐฯรีดนมจนแห้งเหือดเพื่อแลกกับการเป็นผู้นำประเทศ และหากนมไม่เพียงพอ ก็พร้อมถวายเลือด เนื้อและวิญญาณเพื่อประกันความปลอดภัยของตนเองและราชบัลลังค์ โดยหารู้ไม่ว่า บัดนี้หัวใจของเรือนร่างเดียวกันถูกบดขยี้อย่างหนัก ถึงแม้อวัยวะบางส่วนอาจสุขสบาย แต่ตราบใดหัวใจยังมีปัญหา เรือนร่างอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน

ท่ามกลางบรรยากาศที่กลมกล่อมด้วยเสียงเพลงและเต้นระบำของประเทศสมาชิกประมูลแห่งศตวรรษ ก็มีเพียงหะมาส ซึ่งเป็นตัวแทนประชาสังคมภาคสนามที่ยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางการโอบล้อมของศัตรูผู้บุกรุกและรังสีแห่งความเกลียดชังจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี แม้กระทั่งพี่น้องร่วมศาสนาบางกลุ่มที่สบประมาสพวกเขาเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีหลักคิดที่บิดเบือน ในขณะตุรกได้เป็นตัวแทนของประชาชาติอิสลามบนเวทีโลกที่กล้าทวนกระแสคอยสกัดกั้นการรุกคืบของแผนร้ายนี้ ตุรกีภายใต้การนำของแอร์โดอานได้ชี้หน้านายเปเรสในที่ประชุมสุดยอดเศรษฐกิจโลกกรุงดาโวส สวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2009 พร้อมกล่าวว่าคุณคือฆาตกร ยังไม่รวมการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์อย่างมากมายและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเป็นหัวเรือใหญ่ต่อต้านคำประกาศทรัมป์กรณีอัลกุดส์เป็นเมืองหลวงยิว และย้ายสถานทูตสหรัฐจากเทลอาวีฟไปที่อัลกุดส์ ถึงแม้ สหรัฐฯใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้ ในการออกเสียงพิจารณาร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่ระบุให้การรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลถือเป็นโมฆะ ก็ตาม ส่งผลให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ไม่สามารถออกข้อมติดังกล่าวได้ แม้ชาติสมาชิกที่เหลืออีก 14 ประเทศ ต่างออกเสียงสนับสนุนทั้งหมด

หลังจากนั้นไม่กี่วัน สหรัฐฯถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกในเวทีประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ด้วยการลงมติ 128 ชาติโหวตเป็นโมฆะกับการรับรองของสหรัฐฯที่ให้อัลกุดส์เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย ขณะที่มีเพียง 9 ประเทศที่ออกเสียงโหวตให้กับสหรัฐฯและไม่ออกเสียงอีก 35 ชาติ

ทั้งหมดนี้คือการตบหน้าประเทศมหาอำนาจที่สอนให้ชาวโลก จดจำเป็นบทเรียนว่า อำนาจหาใช่ความถูกต้องเสมอไป วิถีอันธพาลไม่มีทางที่จะครองใจชาวโลกได้
การข่มขู่ไม่มีผลใดๆ นอกจากประเทศที่ยอมเป็นทาสบริวารเท่านั้น

และผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการถอดบทเรียนนี้คือตุรกี

พวกเขาย่อมแค้นเคืองตุรกีเป็นธรรมดา

6. ความสำเร็จของตุรกีในระดับประเทศ ภูมิภาคและบนเวทีโลก

ตุรกีเสมือนกองคารวานที่เดินรุดหน้าไปไกลลิบแล้ว ในขณะที่ฝูงสุนัขก็ยังเห่าหอน ณ ที่ประจำของมันโดยไม่ไปไหนเลย ตุรกีได้โลดแล่นนำพาประเทศสู่ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทัดเทียมประเทศพัฒนา ตุรกีถูกวางยากลายเป็นเจ้าชายนินทรานานเกือบร้อยปี แต่พอตื่นขึ้นมาก็พร้อมวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดความสามารถ ถึงเเม้จะมีกักระเบิดมากมายที่ถูกวางไว้ แต่ตุรกีก็สามารถฝ่าฟันวิกฤตให้เป็นโอกาสเสมอ

วิสัยทัศน์ 2023 ที่ถือเป็นปีแห่งการกำเนิดตุรกียุคใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม มีประขาชนที่คอยเป็นเจ้าของตรวจสอบและสอดส่องพฤติกรรมของโจรร้าย มีรัฐบาลที่มั่นคงที่คอยทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกและผู้ให้บริการที่ดี มีระบอบการเมืองการปกครองที่เข้มแข็งและเสถียรภาพ มีฐานเศรษฐกิจที่สามารถพึ่งพาตนเองในทุกๆด้าน และมีระบบสวัสดิการที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน รวมทั้งอภิมหาโปรเจ็กส์ที่ถือเป็นโครงการแห่งศตวรรษได้สำเร็จลุล่วงตามแผนอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศเข่นนี้ ทั้งสหรัฐฯและยุโรป ต่างคาดหวังกันว่า จะไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศโลกอิสลาม เพราะในสายตาพวกเขา ประชาชาติอิสลามคู่ควรกับบ้านเมืองที่ล่มสลายไปแล้ว มีชีวิตอย่างถาวรในศูนย์อพยพ ประทังชีวิตด้วยอาหารบริจาคหรือขุดคุ้ยตามกองขยะ พวกเขาจึงเหมาะสมกับอดีตที่ปวดร้าว ปัจจุบันที่แสนลำบากและอนาคตที่มืดมนเท่านั้น

นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นจริงแล้วที่ปาเลสไตน์ อิรัก ซีเรีย ลิเบีย อาระกัน แอฟริกาและอื่นๆ

สโลแกนของพวกเขาคือ เราจะทำให้โลกใบนี้เป็นซากปรักหักพังที่กองไว้พะเนินเทินทึกที่หลอมละลาย แล้วเราจะประมูลขาย

โลกที่พวกเขาหมายถึง หาใช่ที่อื่นนอกจากโลกอิสลาม

หากมีผู้นำคนไหนที่สามารถเนรมิตประเทศที่ล่มจมพังพินาศในลักษณะนี้ ผู้นำคนนั้นจะต้องได้รับการปกป้องเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี บัชชาร์ที่สังหารประชาชนชาวซีเรียไปแล้วล้านกว่าคน ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัยกว่าสิบล้านคน บ้านเมืองกลายเป็นทุ่งสังหารและซากปรักหักพัง แต่เราไม่เคยเห็นความพยายามที่จริงจังของชาติมหาอำนาจที่จะโค่นล้มผู้นำทรราชคนนี้ ในขณะที่ปธน. แอร์โดอานได้ก้าวมาบริหารประเทศตามวิถีประชาธิปไตย ที่แม้แต่ศัตรูทางการเมืองยังยอมรับ พร้อมพัฒนาประเทศด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ในระดับโลก พวกเขาก็พร้อมใจกันกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ อาชญากรสงคราม บ้าอำนาจ และเป็นภัยต่อความมั่นคงในภูมิภาคและจะต้องได้รับโทษหนักด้วยการโค่นล้มสถานเดียว

ถึงแม้ปธน. แอร์โดอานจะนำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ไม่มีวันที่จะสร้างความพึงพอใจให้ชาติมหาอำนาจ ตราบใดที่ไม่ยอมเป็นเด็กในคาถาเหมือนบทบาทของตุรกีที่เคยเป็นในอดีต

สรุป
อัลกุรอานได้เปิดโปงจุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของพวกเขาในกรณีนี้คือ
‎ولن ترضى عنك اليهود ولا النصارى حتى تتبع ملتهم (البقرة/120)

‎لَتَجِدَنَّ أَشَدَّ النَّاسِ عَدَاوَةً لِّلَّذِينَ آمَنُوا الْيَهُودَ وَالَّذِينَ أَشْرَكُوا ۖ (المائدة/83)

ปล. บทความอยู่ในระหว่างแก้ไขเพิ่มเติม

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ