จุฬาราชมนตรีพร้อมด้วยอธิการบดีมฟน.ร่วมประชุมสุดยอดอุละมาอฺโลกที่อิสตันบูล

13 พฤษภาคม 2567

10.00 น.

ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้มีนักวิชาการระดับโลกกว่า  200 คนเข้าร่วมประชุม ซึ่งได้รับเกียรติจากประธานาธิบดี ฯพณฯ เราะญับ ต็อยยิบ แอร์โดอาน เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้เข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้ ณ สำนักงานประธานาธิบดี ประจำกรุงอิสตันบูล พระราชวังโดลมาบาห์เช่

ประธานสำนักงานกิจการศาสนา Prof.Dr.Ali  Erbas ในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุมสุดยอดครั้งนี้ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “การฟื้นฟูวาระหลักของสนธิสัญญาปกป้องผู้ถูกกดขี่ (สนธิสัญญาอัลฟุฎูล) ศึกษากรณีชาวกาซ่า

การประชุมครั้งนี้มีการนำเสนอประเด็นย่อย 4 หัวข้อได้แก่ 1) การเสริมสร้างการตื่นรู้ของประชาชาติอิสลามต่อความท้าทายร่วมสมัย 2) ยุทธศาสตร์การสื่อสารและแสวงจุดร่วมในการสกัดการรุกคืบของแนวคิดสุดโต่งอันเป็นภัยคุกคามต่อประชาชาติอิสลาม 3) วาทกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความสงบสุขของมนุษยชาติ 4) วิกฤติกาซ่าและบททดสอบแห่งมนุษยธรรม


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

ปธน.แอร์โดอานย้ำ การสังหารหมู่ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติได้เกิดขึ้นแล้วที่กาซ่า

https://www.facebook.com/diyanetbasin/videos/1177096986793875

ประธานาธิบดีแอร์โดอานได้เน้นย้ำว่าการสังหารหมู่ที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้เกิดขึ้นแล้วที่ฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023

ส่วนหนึ่งของเนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้นำตุรเกียสรุปได้ดังนี้

“อิสราเอล ซึ่งได้ขยายอาณาเขตผ่านการยึดครอง การกดขี่และการสังหารหมู่อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง จนกระทั่งวินาทีนี้ ซึ่งยังคงทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือด จนกระทั่งปัจจุบัน มีเด็ก 15,000 คนถูกสังหารอย่างโหดร้าย พี่น้องชาวปาเลสไตน์ถูกสังเวยชีวิต 35,000 รายส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและพลเรือน และอีก 80,000 คนได้รับบาดเจ็บ ผู้คนประมาณ 2 ล้านคนถูกบังคับให้อพยพออกจากบ้านและประเทศของตน กาซ่าซึ่งเคยเป็นเรือนจำเปิดขนาดใหญ่ ก่อนวันที่ 7 ตุลาคม ได้กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่โตที่สุด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เราพบเห็นเฉพาะในเยอรมนียุคฮิตเลอร์เท่านั้น “

“ในช่วง 219 วันที่ผ่านมา เราได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มีการทิ้งระเบิดถล่มโรงพยาบาล สถานที่มีเกียรติทางศาสนา โรงเรียน มหาวิทยาลัย ทำลายระบบส่ธารณูปโภคและชุมชนพลเรือน ซึ่งไม่มีใครแตะต้องได้ แม้กระทั่งเอ่ยถึงแม้เพียงประโยคเดียว”

 “หลักการ กฎเกณฑ์และแนวปฏิบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ได้ถูกเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตาชาวโลก”

“เราสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของระบอบและองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกกระชากอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันได้ประจักษ์ชัดว่าประเทศที่พูดถึงสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในทุกโอกาสสนับสนุนผู้ที่สังหารชาวกาซ่าจำนวน 35,000 คนต่อหน้าสายตาชาวโลก”

“เราได้เห็นแล้วว่าองค์กรสื่อระหว่างประเทศไม่สามารถเอ่ยถึงนักข่าว 150 คนแม้เพียงประโยคเดียว ที่ถูกอิสราเอลสังหารอย่างเลือดเย็น เราได้เห็นแล้วว่าสหประชาชาติไม่สามารถปกป้องแม้แต่บุคลากรในสังกัดของตนเอง นับประสาอะไรกับชีวิตของชาวปาเลสไตน์”

“เราได้เห็นแจ้งแล้วว่าผู้ที่กล่าวเมื่อวานนี้ว่า “สิทธิในการประท้วงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์’ แต่วันนี้พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อการแสดงจุดยืนของกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ได้”

ประธานาธิบดีแอร์โดอานกล่าวอีกว่า ดูเหมือนว่าสหภาพยุโรปยอมจำนนต่ออิสราเอลมากเกินไปที่จะเรียกร้องให้มีการหยุดยิง และกล่าวว่า “เราเห็นอธิการบดีที่ถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล นักการเมืองก็สิ้นสภาพทั้งตำแหน่งและเกียรติภูม ศิลปินถูกคุกคาม และนักศึกษาไม่มีสิทธิพูดและเสนอความคิดเห็นใด ๆ ทั้ง ๆ ที่เราป่าวประกาศเรื่องเสรีภาพทางความคิด”

 “เราได้เห็นแล้วว่าบรรดาผู้ที่โฆษณาตัวเองว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งเสรีภาพ’ จู่ ๆ ก็หันไปพึ่งพาลัทธิฟาสซิสต์ เมื่อผลประโยชน์ของอิสราเอลตกเป็นเดิมพัน”

ประธานาธิบดีแอร์โดอานกล่าวย้ำว่า เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและอยู่เคียงข้างกับชาวปาเลสไตน์ตั้งแต่วันแรก และจุดยืนนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

“เราเคยเห็นคนที่บิดเบือนความจริง นิ่งเงียบ โกหกและสร้างข้อมูลเท็จเพื่อสนับสนุนมาตรการโฆษณาชวนเชื่อของอิสราเอล เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตราหน้าว่าฆาตกรสงคราม ในฐานะชาวตุรกี เราได้แสดงน้ำใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างเต็มที่กับชาวปาเลสไตน์ตั้งแต่วันแรก เรากำลังใช้ความพยายามอย่างเข้มข้นเพื่อหยุดยั้งการนองเลือดในฉนวนกาซ่าและป้องกันการโจมตีของอิสราเอล เราเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฉนวนกาซ่ามากที่สุด โดยมีจำนวนความช่วยเหลือประมาณ 54,000 ตัน เราส่งน้ำดื่มสะอาด 127 ตันทุกสัปดาห์ไปยังฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลได้ทำลายทรัพยากรน้ำของตน ผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บจากฉนวนกาซามากกว่า 400 ราย รวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลในประเทศของเรา”

ประธานฝ่ายกิจการศาสนา ศ. ดร. อาลี อัรบาช ชี้ให้เห็นในสุนทรพจน์ของท่านว่าทุกวันนี้ โลกกำลังผันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ ภายใต้ปัญหาอันสลับซับซ้อน เช่น สงคราม ความยากจน การก่อการร้าย และความสิ้นหวัง ท่านกล่าวว่า “โลกต้องการค่านิยมสากลของศาสนาอิสลาม ศีลธรรมอันดีงามและหลักการที่ยึดถือความจริงมากขึ้นกว่าเดิม ในทางกลับกัน เราสังเกตด้วยความเสียใจว่าชาวมุสลิมผู้ซึ่งควรนำความหวังมาสู่โลกด้วยข้อความแห่งความเมตตาของศาสนาอิสลาม ต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรงในโลกนี้”

ท่านระบุว่า ระยะห่างระหว่างความจริงของอิสลามกับชีวิตและความสับสนยุ่งเหยิงของชาวมุสลิมยังเบียดบังความหมายของศาสนาอิสลามสำหรับมนุษยชาติด้วย

“น่าเสียดายที่ชาวมุสลิมอ่อนแอเกินไปและไม่มีศักยภาพพอที่จะนำเสนอหลักการสากลของศาสนาอิสลามแก่มนุษยชาติ เรารู้ว่าอิสลามมีวิสัยทัศน์ของมนุษย์ที่เน้นไปที่สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน พระองค์ทรงมีหลักความจำเป็นพื้นฐานคือ รักษาศาสนา ชีวิต สติปัญญา ทรัพย์สิน ศักดิ์ศรีและวงศ์ตระกูล มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เน้นการตระหนักถึงความรับผิดชอบและศีลธรรมอันดี มีแนวคิดเรื่องกฎหมายที่รับรองชีวิตที่มีเกียรติและปลอดภัย “มีวิสัยทัศน์ของศิลปะที่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและสุนทรียศาสตร์”

https://www.facebook.com/diyanetbasin/videos/467237259197378

เอื้อเฟื้อรูปและข่าว : Diyanet İşleri Başkanlığı 


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

โลกอิสลามได้สูญเสียปูชนียบุคคลอีกราย

หากเป็นดาราฮอลีวู้ด นักธุรกิจหมื่นล้าน หรือนักกีฬาระดับตำนานเสียชีวิต ข่าวคราวการเสียชีวิตของพวกเขาคงได้รับการเผยแพร่ไปจนถึงดาวอังคาร

แต่นี่เป็นเพราะเป็นอุละมาอฺ มุร็อบบีย์ นักต่อสู้เพื่ออิสลาม นักผสมผสานระหว่างองค์ความรู้กับการปฎิบัติในภาคสนามได้อย่างลงตัว ผู้มีจุดยืนอันเข้มแข็งดุจภูผา บ้านของท่านที่เยเมนถูกกบฏฮูซีย์ถล่มย่อยยับพร้อมกับญาติพี่น้องและสหายที่ต้องสังเวยชีวิต ทำให้ท่านตัดสินใจลี้ภัยไปยังซาอุฯ 5 ปี และสุดท้ายต้องหาแหล่งพักพิงที่อบอุ่นกว่าคืออิสตันบูลจนกระทั่งเสียชีวิต

ข่าวคราวการเสียชีวิตของท่าน อาจดูเงียบเชียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่อาจสร้างความเสียใจอย่างใหญ่หลวงให้แก่ชาวฟากฟ้าก็เป็นได้


โดย Mazlan Muhammad

ความช่วยเหลือรอบ 4 ถึงมือพี่น้องแล้ว

ตามที่มูลนิธิเรือนร่างเดียวกันพร้อมคณะกรรมการสำนักงานอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกาซ่าผ่าน AL-Quds Foundation- Malaysi จำนวน 841,294บาท ที่สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา บัดนี้มูลนิธิอัลกุดส์ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวจัดทำอาหารกล่องแก่พี่น้องกาซ่าทางภาคเหนือจำนวน 5,000 คน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ถึงขนาดบางคนน้ำหนักลดกว่า 30 กิโลกรัม และเด็กทารกจำนวนมากต้องเสียชีวิตเนื่องจากมารดาไม่มีน้ำนมและไม่สามารถหาอาหารมาประทังชีวิต

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
الحمد لله رب العالمين، تمكن فريق مؤسسة القدس في غزة من تنفيذ المرحلة الأولى من المشروع وهو توزيع الطعام على العائلات المتضررة والنازحين في شمال قطاع غزة، وهي منطقة تعاني بشدة من حالة تجويع ونقص في الإمدادات العذائية نتيجة الحصار الصهيوني ومنع المساعدات والطعام من الوصول إلى منطقة شمال غزة.
أكثر من ٥٠٠٠ شخص استفاد من الوجبات الساخنة التي تم إعدادها.
كل الشكر والتقدير لكم أستاذنا وللجسد الواحد والمجلس الاسلامي في ناراتيوات ولكل الجمعيات المشاركة في هذا المشروع المبارك.
كتبه الدكتور شريف أبو شمالة
رئيس مؤسسة القدس – ماليزيا
٢٠ ابريل ٢٠٢٤

ส่งความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องได้ที่

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

เลขบัญชี : 054-1-25763-3

ชื่อบัญชี : กองทุนเรือนร่างเดียวกันเพื่อมนุษยธรรม (The One Body Foundation)

———————————————————

ธนาคารกสิกรไทย

เลขบัญชี : 172-3-89822-2

ชื่อบัญชี : มูลนิธิเรือนร่างเดียวกัน

ภารกิจRAMADAN4UGAZA(4)

15 เมษายน 2567
08.00 น. -13.00 น.

เพื่อส่งมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกาซ่ารอบที่ 4 จำนวนเงินทั้งสิ้น 1,682,588 บาท รวมเงินสมทบจากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสจำนวน 500,000 บาทโดยมอบผ่าน Ghirass for Society Development – สำนักงานกัวลาลัมเปอร์จำนวน 841,294 บาท และ AL-Quds Foundation – Malaysia จำนวน 841,294 บาท

ผศ. มัสลัน กล่าวว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นยอดบริจาคของพี่น้องมุสลิมและต่างศาสนิกในประเทศไทยผ่านการจัดดิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ ทั้งบรรยาย อ่านคุตบะฮ์ รณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทางและแจกกระปุก #Ramadan4UGAZA

ประธานมูลนิธิเรือนร่างเดียวกันกล่าวทิ้งท้าย

ประมวลภาพ 4UGAZA1/2024

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

อธิการฯมฟน.เข้าเฝ้ากษัตริย์โมร็อกโก

#Alhumdulilah

อาบี รศ.ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เเละ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา(กิตติมศักดิ์) ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายศาสนธรรม ( الدروس الحسنية الرمضانية ) เป็นการบรรยายเบื้องหน้ากษัตริย์โมฮำหมัด ที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนรอมฎอน 


Cr.สมาคมนักศึกษาไทยในโมร็อกโก

ภารกิจประธานรัฐสภาฯไทย และคณะ ณ ซาอุดีอาระเบีย

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศาสนา อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์อิสลามสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บินอับดุลอาซีส อัลซาอุด ในประเทศไทย และการเชิญผู้แทนกระทรวงกิจการศาสนาฯ เยือนประเทศไทย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนาฯ ย้ำถึงบทบาทของซาอุดีอาระเบียในการให้ความช่วยเหลือประชาชนของทุกชาติโดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนาเพื่อเสริมสร้างสันติภาพตามแนวทางที่ถูกต้องแท้จริงของหลักศาสนาอิสลาม

เอื้อเฟื้อภาพและข่าว

Royal Thai Embassy, Riyadh

อิสราเอลใช้โดรนพิฆาต ลอบสังหารแกนนำฮามาส 7 คนในเลบานอน

กลุ่มฮามาสประกาศไว้อาลัยชัยค์ซอและห์  อัลอารูรี รวมถึงคนอื่นๆ รวมเจ็ดคน ได้แก่

– อัซซาม อัลอัครอ์ ซึ่งรับผิดชอบกองพลน้อยกอซซามในเลบานอนและนอกปาเลสไตน์ โดยที่อัซซาม อัลอัครอ์ เป็นนักโทษที่ได้รับการปลดปล่อยและเป็นผู้ถูกเนรเทศจากเหตุการณ์ Marj Al-Zuhur

– ซามิน  ฟินดี้  ซึ่งรับผิดชอบปฏิบัติการของกองพลน้อยกอซซามในเลบานอน

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ช่อง 14 ของอิสราเอลได้ประกาศว่า กอลกำลังราชการลับ Shin Bet ของอิสราเอลได้ขึ้นบัญชีซามิร ฟินดี  ไว้ในรายชื่อการลอบสังหาร

– อาเหม็ด ฮัมมูด, มาห์มูด ชาฮีน, มูฮัมหมัด อัลราเยส และมูฮัมหมัด บาชาชา”

ทันทีหลังจากข่าวการลอบสังหารอัลอารูรียื  และคณะถูกเผยแพร่ออกไป  การเดินขบวนก็เกิดขึ้นในค่ายทั้งหมดในเลบานอน  รวมถึงค่าย Rashidieh ในเมือง Tyre ซึ่งเป็นที่ที่ซามิร ฟินดี พำนักอยู่


Cerdit : Ghazali Benmad

Golden time เวลาทองที่ Gaza รอคอย

ประมวลภาพงาน ” เวลาทองที่ กาซ่า รอคอย “

.

วันนี้ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ภาพแห่งความประทับใจกับงาน ” เวลาทองที่ กาซ่า รอคอย ” เต็มไปด้วยพี่น้องประชาชนจากทั่วสารทิศ ไม่ต่ำกว่า 900 คน หลังไหลมารวมพลังแสดงจุดยืนเคียงข้างชาวปาเลสไตน์

ณ ห้องประชุม คณะวิทยาการสื่อสาร มอ.ปัตตานี

.

ขอขอบคุณทางไวท์แชนแนลที่ได้จัดอีเว้นท์ดีๆ แบบนี้ขึ้นมา และหวังอย่างยิ่งว่า พี่น้องปาเลสไตน์จะได้รับแรงดูอาอฺ กำลังใจจากพี่น้องทุกท่าน


ขอบคุณ ภาพและข่าว : White news

เนทันยาฮูประชุมคณะรัฐมนตรีในอุโมงค์ใต้มัสยิดอัลอักศอ

นายเนทันยาฮูนายกรัฐมนตรีอิสราเอลจัดประชุมคณะรัฐมนตรีในอุโมงค์ใต้มัสยิดอัลอักศอ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566 หลังจากก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง รัฐมนตรีคนหนึ่งสังกัดพรรครัฐบาลยิวได้บุกเข้าไปยังลานมัสยิดท่ามกลางการรุมประณามจากชาวปาเลสไตน์ ชาติอาหรับและโลกอิสลาม

.

เนทันยาฮูกล่าวว่าการต่อสู้ของเรายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องเพื่อความเอกภาพของอัลกุดส์ เขากล่าวในที่ประชุมอีกว่ารัฐบาลต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในเนื่องจากมีฝ่ายต่อต้านร่างกฎหมายปฏิรูปศาลและระบบยุติธรรม

“การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโต้ถ้อยแถลงของนายมะห์มูด อับบาส ผู้นำรัฐปาเลสไตน์ ที่ให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดว่าชนไม่ใช่มุสลิมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับมัสยิดอัลอักศอ” เนทันยาฮูกล่าวย้ำ

สำนักข่าวอัลจาซีร่าห์รายงานว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่รัฐเถื่อนอิสราเอลจัดขึ้นใต้อุโมงค์ที่พวกเขาขุดใต้มัสยิดจำนวน 57 แห่งโดยในปี 2017 พวกเขาเคยจัดประชุมคณะรัฐมนตรีใต้อุโมงค์นี้มาแล้ว

ในขณะที่ฮาซิม กอซิม โฆษกกลุ่มหะมาสแถลงว่า การกระทำของอิสราเอล เป็นการกระตุ้นให้เกิดสงครามทางศาสนา นายฮาซิมยังกล่าวอีกว่า การปฏิบัติของรัฐอิสราเอลในครั้งนี้ถือเป็นความพยายามในการเปลี่ยนอัตลักษณ์ของอัลกุดส์ ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดอย่างรุนแรงต่อศาสนาและประเทศชาติของเรา

แหล่งข่าว

https://www.aljazeera.net/news/2023/5/21/%D8%B9%D8%A7%D8%AC%D9%84-%D9%86%D8%AA%D9%86%D9%8A%D8%A7%D9%87%D9%88-%D8%A8%D8%A7%D8%AC%D8%AA%D9%85%D8%A7%D8%B9-%D9%84%D8%AD%D9%83%D9%88%D9%85%D8%AA%D9%87-%D9%81%D9%8A-%D9%86%D9%81%D9%82?fbclid=IwAR0j3c00B-qcCDbjRygAsNxGLCuDdO8ngm5BBu2yKfVxQ6AThoED8JdLPLE&mibextid=Zxz2cZ


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ theustaz.com