บทความ บทความวิชาการ

มหัศจรรย์​แห่งผู้​สร้าง : อูฐ.. สุดยอดพาหนะ​แห่งทะเลทราย

ทะเลทรายดินแดนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 55 องศาเซลเซียส ไม่ต่างจากเตาอบขนาดใหญ่บนโลกใบนี้ พื้นทรายที่แผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา นอกจากจะบรรจุความร้อนไว้เต็มที่แล้ว ก็ยังอาจมีพายุทรายที่พัดอย่างรุนแรง จนสามารถทำอันตรายต่อดวงตาได้ นอกจากนี้ พายุทรายยังอาจพัดทรายเข้าจมูกจนถึงหายใจไม่ได้อีกด้วย บางคนจึงเรียกทะเลทรายว่าแดนมรณะ ซึ่งก็น่าจะจริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการเดินทางฝ่าทะเลทราย

พาหนะที่ใช้ในทะเลทรายจำเป็นต้องถูกออกแบบมาอย่างเฉพาะเจาะจง มีการป้องกันเป็นอย่างดี ถึงจะใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมอันหฤโหดเช่นนี้ มันจะต้องถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีการป้องกันไม่ให้ทรายเข้าไปสร้างความเสียหายได้เมื่อเกิดพายุทราย

นอกจากนี้ ผู้ที่คิดจะสร้างพาหนะที่เดินทางฝ่าทะเลทรายไปได้โดยลำพัง จะต้องทำให้มันเดินทางได้ไกลๆโดยใช้พลังงานเพียงน้อยนิดและไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อยๆ สิ่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสมดังกล่าวไม่ใช่ยานยนต์ชนิดใดๆเลย แต่เป็นสัตว์ที่เรียกว่า”อูฐ” นั่นเอง

อูฐรับใช้ชาวทะเลทรายมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของทะเลทราย

ความร้อนในทะเลทรายเปรียบเสมือนเพชฌฆาตที่คร่าทุกชีวิตได้อย่างง่ายดาย นอกจากกิ้งก่าและแมลงตัวเล็กๆแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่จะมีชีวิตอยู่รอดกลางทะเลทรายได้อีกนอกจาก​อูฐ

อูฐเป็นสัตว์ใหญ่ชนิดเดียวที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางความหฤโหดของสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้ อัลเลาะห์ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสร้างอูฐให้มีคุณสมบัติพิเศษในการที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายสุดขีดแบบนี้ พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างมันขึ้นมาเพื่อประดับประดาทะเลทรายเท่านั้น แต่จะอำนวยให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างมากมาย ดังที่ทรงยกสิ่งถูกสร้างต่างๆมากล่าวไว้ในพระคัมภีร์อัลกุรอานให้มนุษย์ได้คิดใคร่ครวญพิจารณาถึงการมีอยู่ของพระผู้ทรงสร้าง  หนึ่งในนี้คืออูฐ

(أَفلا يَنظُرُونَ إِلى الإِبِلِ كَيْفَ خُلِقَتْ)

พวกเขาไม่พิจารณาดูอูฐดอกหรือว่ามันถูกวันเกิดมาอย่างไร (อัล-ฆอซียะห์ : 17)

หากเราได้พิจารณาดูอูฐดังที่พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ จะพบว่าคุณสมบัติที่พระผู้สร้างมอบให้แก่มันนั้น มีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตอยู่ในทะเลทรายอย่างน่าอัศจรรย์ เราจะเห็นถึงรายละเอียดต่างๆของความมหัศจรรย์แห่งการสร้างที่สำคัญที่สุดเพื่อใช้ชีวิตท่ามกลางความร้อนระอุก็คือการดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย ซึ่งน้ำและอาหารคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ฉะนั้นสัตว์ชนิดใดก็ตามที่จะมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ จะต้องมีความทนทานต่อความหิวความกระหายได้อย่างทรหดอดทนที่สุด และแน่นอนอูฐถูกสร้างให้เป็นสัตว์ที่มีความทรหดที่สุดชนิดหนึ่งในโลก

อูฐสามารถมีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุโดยไม่ต้องกินและดื่มเลยติดต่อกันเป็นเวลา 8 วัน และเมื่อใดก็ตามที่มันไปเจอแหล่งน้ำอันแสนจะหายากกลางทะเลทราย มันก็มีความสามารถในการดื่มกินเข้าไปเป็นจำนวนมาก เพื่อสำรองไว้เป็นเสบียง อูฐสามารถกินน้ำได้มากมายคิดเป็นน้ำหนักถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักตัวของมันภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้นนั่นหมายถึงว่ามันกินน้ำได้มากถึง 130 ลิตรภายในครั้งเดียว อวัยวะส่วนที่อูฐใช้เก็บน้ำก็คือโหนกซึ่งมีไขมันสะสมอยู่มากถึง 40 กิโลกรัม และโหนกนี้แหละที่ทำให้อูฐอยู่ในทะเลทรายได้เป็นวันๆโดยที่ไม่ต้องกินหรือดื่มอะไรเลย

อาหารกลางทะเลทรายส่วนใหญ่จะแห้งและมีหนามแหลมคม แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงสร้างกระเพาะอาหารและระบบการย่อยอาหารของอูฐให้รองรับกับสภาพอาหารที่โหดร้ายต่ออวัยวะภายในเช่นนี้ได้ ฟันและปากของมันถูกสร้างมาให้เคี้ยวหนามที่แหลมคม กระเพาะก็ถูกออกแบบมาให้ทนทานและย่อยกิ่งไม้ได้แทบทุกชนิดที่มีในทะเลทราย

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ความอันตรายอีกประการหนึ่งของทะเลทรายก็คือพายุทราย เมื่อต้องเผชิญกับพายุทะเลทรายที่มีทรายเม็ดเล็กๆนับล้าน ซึ่งอาจทำให้ดวงตาบอดได้ แต่อัลเลาะห์ผู้​ทรงเมตตาได้สร้างระบบป้องกันดวงตาจากเม็ดทรายให้กับอูฐ โดยให้อูฐมีเปลือกตาที่พิเศษกว่าสัตว์อื่นคือ ให้เปลือกตาที่ปิดลงมากั้นทรายจำนวนมากจากพายุนั้นทนทานและปกป้องดวงตาของมันอย่างปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นเปลือกตาของมันยังมีลักษณะโปร่งใส เพื่อให้มันสามารถมองเห็นได้ แม้ในขณะที่ปิดเปลือกตา ทั้งนี้เพื่อป้องกันเม็ดทรายมิให้เข้ามาทำลายดวงตา นอกจากนี้ยังให้มันมีขนตาที่ยาวและหนาเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่งด้วย

จมูกของอูฐก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษแบบที่สัตว์ชนิดอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้อีกเช่นกัน โดยเมื่อมีความจำเป็นต้องเผชิญกับพายุทะเลทราย จมูกของมันจะสามารถยื่นมาปิดรูจมูกได้สนิทจนเม็ดทรายจากพายุไม่สามารถเล็ดลอดผ่านเข้าไปได้

สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดของพาหนะที่เดินทางในทะเลทรายก็คือการติดหล่ม ซึ่งทำให้เคลื่อนตัวไปไหนไม่ได้อีกต่อไปแต่อูฐปลอดจากความเสี่ยงนี้ ถึงแม้ว่าในบางครั้งมันต้องบรรทุกสัมภาระหนัก 100 กิโลกรัม

ทั้งนี้เพราะเท้าของอูฐได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้เดินบนทรายโดยเฉพาะ โดยให้มีนิ้วเท้าที่มีขนาดใหญ่ซึ่งใช้งานได้เหมือนกับรองเท้าที่ใช้ใส่เดินบนหิมะ ทำให้เท้าของอูฐไม่จมลงในพื้นทราย ขาที่ยาวทำให้ลำตัวของอูฐอยู่ห่างจากพื้นทรายที่ร้อนระอุ ลำตัวของอูฐมีขนที่แข็งและดกหนาเพื่อป้องกันจากแสงแดดที่แผดเผา แล้วเมื่อตกค่ำก็ช่วยป้องกันมันจะอากาศที่หนาวเย็นลง บางส่วนบนผิวหนังของอูฐถูกสร้างให้มีความหนาเพื่อเป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้มันสามารถนั่งอยู่บนผืนทรายที่ร้อนได้ จุดที่เป็นหนังหนาอยู่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากการนั่งหลายๆครั้ง จนเกิดเป็นหนังหนาด้านขึ้น แต่มันมีอยู่แล้วตั้งแต่มันคลอดออกมา การสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะเจาะจงเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความสมบูรณ์ของการสร้างของพระผู้สร้าง เมื่อเราพิจารณาถึงลักษณะเฉพาะของอูฐด้านต่างๆ เช่น ระบบพิเศษที่ถูกสร้างให้กับอูฐให้ทนต่อความกระหายน้ำ

โหนกที่ทำให้มันเดินทางได้โดยไม่ต้องกินอาหารและน้ำ

โครงสร้างของเท้าที่ทำให้เท้าไม่จมลงในทราย หนังตาที่ใสและขนตาที่ปกป้องดวงตาของอูฐจากเม็ดทราย

จมูกที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายที่พัดมากับพายุเข้าไปได้

โครงสร้างของริมฝีปากและฟันที่ทำให้อูฐกินกิ่งไม้ที่แข็งและแหลมคมได้ ระบบการย่อยที่สามารถย่อยได้ทุกอย่าง

หนังหนาที่เป็นเหมือนฉนวนกันผิวหนังจากความร้อนระอุของผืนทราย

ขนที่ถูกออกแบบสร้างมาอย่างพิเศษที่ช่วยป้องกันทั้งอากาศร้อนและหนาว

สิ่งต่างๆที่เป็นปรากฏการณ์เหล่านี้ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่สิ่งเหล่านี้คือความจริงที่เป็นหลักฐานอันชัดเจนที่ชี้ให้เห็นถึงความสามารถอันล้ำเลิศเหนือคำบรรยายใดๆ อัลลอฮ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสร้างอูฐเพื่อให้มันเป็นสุดยอดพาหนะกลางทะเลทราย เพื่ออำนวยให้มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากมันด้วยความเมตตาของพระองค์และเพื่อเป็นหลักฐานอันแจ้งชัดถึงการมีอยู่และความยิ่งใหญ่ของพระองค์


อ้างอิง

http://midad.com/article/219378/%D8%A7%D9%84%D8%A5%D8%B9%D8%AC%D8%A7%D8%B2-%D8%A7%D9%84%D8%B9%D9%84%D9%85%D9%8A-%D9%81%D9%8A-%D9%82%D9%88%D9%84%D9%87-%D8%AA%D8%B9%D8%A7%D9%84%D9%89-%D8%A3%D9%81%D9%84%D8%A7-%D9%8A%D9%86%D8%B8%D8%B1%D9%88%D9%86-%D8%A5%D9%84%D9%89-%D8%A7%D9%84%D8%A5%D8%A8%D9%84-%D9%83%D9%8A%D9%81-%D8%AE%D9%84%D9%82%D8%AA?fbclid=IwAR1AysW1O51NBnRj-X-cYKKMfYKLn3JO_7A4agmEAJG5-FfOsrPYoHHQYRU

แปลโดย Ismail Rao