ข่าว ข่าวในประเทศ

โลภไร้พรมแดน (บทความนี้เขียนและเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2007)

พี่น้องอ่านถูกต้องแล้วล่ะครับ โลภไร้พรมแดน หาใช่โลกไร้พรมแดนยุคไซเบอร์แต่อย่างใดไม่ เพราะที่จะพูด ณ ที่นี้คือความโลภอันไร้พรมแดนจริงๆ ขบวนการ “แชร์ลูกโซ่” กลับมาอีกแล้วครับท่าน …. มางวดนี้เรียกว่า “แชร์ข้าวสาร” คือค้าขายข้าวสารเป็นสินค้าหลัก เริ่มดังมาจากเชียงใหม่ แล้วมาเจ๊งระเนระนาดที่ภูเก็ต สงขลา แต่ก็นึกแปลกใจ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ยังเป็นที่นิยมและดูเหมือนกำลังระบาดอย่างหนักด้วย (น่าจะเป็นเหยื่องวดสุดท้ายสำหรับมื้อนี้)

นึกๆ แล้วก็แปลก ทั้งๆ ที่มุกเรื่องแชร์สินค้าต่างๆ (ทั้งโสม ของใช้ในครัว ยารักษาสารพัดโรค) เป็นมุกที่เก่ามาก มีการหยิบเอามาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายยุคหลายสมัย เจ๊งให้เห็นคาตาก็บ่อยครั้ง สิ้นเนื้อประดาตัวกันไปมิใช่น้อย แต่ไม่ยักค่อยมีใครหลาบจำ พอเปิดวงใหม่ก็เล่นกันใหม่อีกจนได้ ความอยากรวยแบบ กศน. หรือความโลภนี่แหละครับ ที่ทำให้คนบางคน แม้กระทั่งอุสต๊าซแถวบ้านเราหน้ามืดจนลืมหลักการอัลกุรอานและหะดีษไปเสียสนิท และก็ความโลภนี่เช่นเดียวกัน ที่ทำให้คนเราตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะสังคมมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ ที่คล้ายถูกมนต์สะกดให้อยู่ในวังวนแห่งการถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พี่น้องลองย้อนพลิกแฟ้มของมหกรรมการถูกหลอกของสังคมมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ดูซิครับ (เอาแบบถล่มทลายทั่วทั้ง 3 จังหวัดน่ะครับ) เชื่อว่าผู้คนที่มีอายุขึ้นต้นด้วยเลข 4 (วัยแก่ตอนต้น) ยังจำกันได้ว่า กาลครั้งหนึ่ง ที่เมืองปัตตานีดารุสสลาม(หลัง มอ.ปัจจุบัน) มีผู้แอบอ้างว่ามีพละกำลังเหนือมนุษย์มนา ท้าประลองแข่งชักคะเย่อกับรถสิบล้อ ถึงขนาดว่านั่งอยู่บนลูกมะพร้าวก็ยังไม่กระดิกเลย ตามตำนานเล่าว่า คนเรือนแสนตีตั๋วเข้าชมการแสดงอภินิหารที่ผู้แสดงระดับโต๊ะวาลีในครั้งนี้ สุดท้าย พระเอกตายตอนจบครับ โต๊ะวาลีโดนจับในข้อหาหลอกลวง (ก็ช่วงที่เขานั่งสมาธิประกาศห้ามผู้คนเข้าใกล้บริเวณเต้นท์ทำพิธีที่ปิดมิดชิดก่อนแข่งจริง 7 วัน จริงๆแล้วพี่แกดันไปขุดตอม่อผูกเชือกยัน) แต่งานนี้ ทราบว่าโต๊ะครูในปอเนาะดังแห่งหนึ่งนับเงิน(ค่าตั๋ว) แทบไม่ทันเลยทีเดียว แค่ 2-3 คนถูกหลอกยังพอไหว แต่สังคมโดนต้มทั้ง 3 จังหวัด มันสะท้อนถึงอะไร

10 ปีที่ผ่านมา มีสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงเรียงนามเป็นภาษาอาหรับ ใช้ระบบเงินปันผลแก่สมาชิกในอัตราที่สูงมาก นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการธุรกิจที่ได้สร้างกระแสการตอบรับจากชาวบ้านอย่างล้นหลาม ระดับแกนนำก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือทั้งนั้น สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า ทิ้งรอยแผล สร้างตราบาปหลอกหลอนสังคมมุสลิมตราบเท่าทุกวันนี้ หลังจากนั้น วงจรแห่งการหลอกลวงก็ยังเวียนว่ายในสังคมมุสลิม 3 จังหวัดอย่างไม่ขาดสาย ควบคู่กับเหยื่อรายเก่ารายใหม่คนแล้วคนเล่า อาทิ แก๊งแลกเงินอิหร่าน คาถาเสกเงิน การค้นหาเหล็กไหล(จนสมองเลอะ) ก็ยังหากินได้ตราบถึงทุกวันนี้

สดๆ ร้อนๆ 1 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านแถวบ้านเราหลายหมู่บ้านได้เหมารถมุ่งสู่ จ.สุราษฎร์ธานี เพราะไปจับจองที่ดินราคาถูกที่ว่ากันว่า ไม่ได้รับการต่อสัมปทานจากรัฐบาลใหม่ ท้ายสุดก็ต้องรอเก้อ ที่ดินก็ยังเป็นของบริษัทเดิม เราแค่เสียค่าจองจริงๆ ออกข่าวหน้าหนึ่ง นสพ. อยู่ช่วงหนึ่งก็เงียบหายไปพร้อมๆกับน้ำตาตกในของนักล่าฝันทั้งหลาย (ทั้งๆ ที่น่าจะฉุกคิดว่า ถ้าราคาไร่ละ 300 บาท ตามราคาคุยจริง คงไม่ถึงมือเราแน่)

ที่เพิ่งเจ๊งไปหมาดๆ ชนิดที่ว่าเลียแผลยังไม่หายก็คือแชร์น้ำมันครับ รายนี้มาไฮเทคหน่อย ซึ่งแน่ล่ะ เหยื่อก็ต้องระดับไฮเทคเช่นเดียวกัน สมัครสมาชิกทางอินเตอร์เน็ท เพราะบริษัทอยู่ที่มาเลเซีย(ความจริงอาจอยู่ในเมืองไทยใครจะไปรู้) สิ้นเดือนก็สามารถเช็คยอดทางอินเตอร์เน็ทได้ แถมยังใช้ Pass Word ส่วนตัวเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล ช่วงแรกๆ บรรดาสมาชิกต่างก็ลูบเคราลูบท้องจนพุงกาง (ก็กำไรวันละ 1 พันบาทต่อการลงทุน 4-5 หมื่นบาท) นานๆ เข้า อาการชักไม่ค่อยดี ทราบว่าบางรายใช้นิ้วจิ้ม Key Bord สั่นระรัว จิ้มยังไงเงินไม่ปรากฎ ฝันค้างยิ้มเจื่อนจนถึงปัจจุบัน

นี่ยังไม่รวมถึงหมอโต๊ะวาลีรักษาสารพัดโรค(หมอเทวดา) ที่มีวาลีอินโดฯ สิงอยู่เป็นช่วงๆเอย มหัศจรรย์คนเปลี่ยนสีเอย น้ำศักดิ์สิทธิ์ลัยละตุลก็อดรฺเอย หรือสมุนไพรวิเศษตามความฝันถึงขนาดตัดหญ้ากินแทนอาหารก็มีให้เห็นแล้ว

ที่กำลังระบาดหนักปัจจุบันคือการขุดหินดำที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวจังหวัดปัตตานี ซึ่งถูกปรุงแต่งด้วยเรื่องราวแปลกพิศดารมากมาย (ระดับนักการตลาดยังต้องชิดซ้ายเลยครับ) เห็นว่าตามความฝันแล้วห้ามซื้อขายกัน แต่ลงเอยด้วยการเสียเงินทุกที (ซื้อไม่ได้แต่ให้เช่าแทน วิธีนี้เป็นลิขสิทธิ์ของคนอื่นเค้านะครับ) ล่าสุดทางจังหวัดปัตตานีเพิ่งประกาศว่าหลังจากตรวจสอบแล้ว เป็นเพียงแร่ถ่านไฟฉายกัน งานนี้พ่อค้าคนกลางรวยไม่รู้เรื่องเช่นเคย

ขณะนี้ข่าวเริ่มหนาหูถึงกรณีแชร์ฮัจญ์ 6 คือผู้ใดที่ประสงค์จะไปทำฮัจญ์ ก็สมัครได้ในราคา 7,500 บาท แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องหาสมาชิกใหม่เพิ่ม 6 คน โดยที่แต่ละคน ต้องจ่ายค่าสมัคร 7,500 บาท เช่นเดียวกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ตามระบบแชร์ลูกโซ่ทั่วไป ก็ได้แต่สงสารโต๊ะเยาะฮฺ พอถึงเวลาแล้วไม่แน่ใจว่าจะได้สิทธิไปทำฮัจญ์ สมดั่งความตั้งใจหรือปล่าว

มลายูมุสลิมน่าจะถูกโฉลกกับการถูกหลอกจนเป็นยี่ห้อประจำตัวแล้วกระมัง

แม้กระทั่งอุตส่าห์อพยพทิ้งบ้านเรือนไปขุดทองที่มหานครมักกะฮฺ ก็มิวายยังถูกหลอกซะน่วม กว่าจะละเมอตื่น ก็โดนยัดเข้าใส่ในเครื่องบินถูกตะเพิดกลับเมืองไทยชนิดไม่ทันตั้งตัวเป็นพันๆ คน (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้วครับ)

ครั้นพอไปตั้งหลักไปเปิดร้านต้มยำกุ้งที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีข่าวถูกหลอกเล็ดรอดอยู่เป็นเนือง ทั้งเรื่องทำวีซ่า ต่ออายุพาสปอร์ต ถูกเรี่ยไรเงิน แม้กระทั่งการทำบัตรประชาชนเปลี่ยนสัญชาติ ที่แน่ๆ แชร์ลูกโซ่ไม่มีวันหายจากสังคมมุสลิม และที่น่าประหลาดใจคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของแชร์ประเภทนี้นอกจากผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพแล้ว ยังมีบรรดาอุสต๊าซ โต๊ะครู บาบอ ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือในสังคมรวมอยู่ด้วย ก็โลภไม่มีพรมแดนงัยครับ

ข่าวที่กรองแล้ว แจ้งว่า โต๊ะอิมามคนหนึ่ง ยอมลงทุนรณรงค์เชิญชวนสัปปุรุษให้เข้าสมาชิกแชร์อย่างว่าขณะอ่านคุตบะฮฺในวันศุกร์เลยทีเดียว

นึกไม่ถึงว่า แชร์ลูกโซ่ที่เต็มไปด้วยร้อยเล่ห์เพทุบาย มีกรรมวิธีที่แยบยลและชั้นเชิงอันแพรวพราว สามารถยืนตระหง่านอย่างสง่าผ่าเผยบนแท่นมิมบัรฺในมัสยิดกันแล้ว

สังคมมุสลิมในทุกระดับจำเป็นต้องทบทวนตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น สังคมเราขาดภูมิคุ้มกันและตีบตันทางปัญญาถึงระดับนี้เชียวหรือ ความโลภทำให้ผู้คนลืมหลักการไปหมดสิ้นและยอมถูกกัดในรูเดียวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบเลยหรือ นบีมูฮำมัดกล่าวความว่า “สุนัขจิ้งจอกที่กำลังหิวโซ 2 ตัว ที่ถูกปล่อยเข้าไปในฝูงแกะ ยังมีศักยภาพสร้างอันตรายน้อยกว่าบุคคลที่มีความโลภต่อทรัพย์สมบัติเสียอีก” (หะดีษรายงานโดยติรมิซีย์)

ทุกคนพึงสังวรณ์ว่า ไม่มีการทำธุรกิจใดๆ ในโลกนี้ ที่สามารถปันผลกำไรให้สมาชิกจำนวน 300% ภายในเวลาเพียง 50 วันหรอกครับ เว้นแต่ธุรกิจ 2 ประเภทเท่านั้นคือ
1) ธุรกิจที่ผิดทั้งกฎหมายและชะรีอะฮฺ
2) ธุรกิจถูกกฎหมายและถูกชะรีอะฮฺโดยผิวเผิน แต่แฝงด้วยกลยุทธ์การหลอกลวงและมอมเมาประชาชน

ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ ที่คนไม่รู้จักมักคุ้นกัน แต่ใจดีเชิญทำธุรกิจร่วมกันพร้อมเสนอผลกำไรมากมายมหาศาลเช่นนี้หรอกครับ

ตามทฤษฎีการหลอกลวงของชัยฏอน (ทั้งชัยฏอนญินและชัยฏอนมนุษย์) หากชีวิตมนุษย์มีจำนวน 100 ยก มันยอมลงทุนแกล้งแพ้เราตลอดทั้ง 99 ยก เพียงเพื่อแน่ใจว่าจะชนะแค่ยกเดียว

แต่ในกรณีแชร์ลูกโซ่ เราชนะแค่ยกเดียวครับ นอกนั้นชัยฏอนเหมาเรียบ

พี่น้องคงรู้จักการละเล่นพื้นเมืองชื่องูกินหางมั้ยครับ นั่นแหล่ะ ใช่เลย

มุอฺมินไม่สามารถเป็นคนไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกและพอใจที่จะเป็นแค่เหยื่ออีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทันกับเขาบ้าง เราไม่จำเป็นลงทุนเข้ารูแย้ตามแฟชั่นหรอก คำว่าจุดยืนอันมั่นคงและเที่ยงตรง สะกดเป็นมั้ย (ขอถามด้วยศักดิ์ศรีของมุอฺมินครับ)

โดยเฉพาะกับการหาเงินเลี้ยงชีพและครอบครัว ขึ้นชื่อว่าเงิน ใครๆก็ปฏิเสธยากครับ แต่อย่าลืมว่าเราจะถูก สตง.ของอัลลอฮฺสอบสวนเรื่องทรัพย์สมบัติ 2 กระทง คือแหล่งมาและแหล่งไป(รายได้และรายจ่าย) ถามว่าเงินกำไร 300% ภายในเวลาเพียง 50 วันนั้น เรามั่นใจแค่ไหนว่าเอามาจากไหน ด้วยวิธีการอะไร(ถึงเวลานั้น เราจะบีบน้ำตาขอคะแนนสงสารพร้อมให้เหตุผลว่าผิดโดยสุจริตไม่ได้อีกแล้วครับ)

แต่ที่แน่ๆ การทำนาบนหลังคน สร้างเสียงหัวเราะบนคราบน้ำตาของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เป็นวิถีมุสลิม เงินที่ได้จากธุรกิจประเภทนี้ไม่น่าจะเป็นริสกีที่มีความบะเราะกะฮฺแน่นอน หางงูที่เราสวาปามเข้าไป มันจะฟาดเข้าบนหน้าเรา ดุอาของคนที่ถูกอธรรมนั้น อัลลอฮฺจะตอบรับโดยไม่มีข้อแม้และปราศจากสิ่งสกัดกั้นนะครับ พี่น้องลองกวาดสายตาไปยังบรรดานายหน้าแชร์ประเภทนี้ทั้งหลาย จะมีสักคนไหมที่เสวยเงินอย่างมีความสุข และมีบั้นปลายชีวิตที่น่าเคารพยกย่อง

หะดีษกล่าวไว้ความว่า “ผู้สำเร็จที่แท้จริงคือผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮฺ ได้รับปัจจัยยังชีพที่พอเพียง และอัลลอฮฺทรงให้ความรู้สึกเพียงพอในสิ่งที่พระองค์ฮฺทรงประทานให้แก่เขา” (รายงานโดยมุสลิม)

ทุกคน(อุสต๊าซ บาบอและนักวิชาการทั้งหลาย) น่าจะทบทวนความทรงจำของหะดีษที่ได้หยิบยกมาข้างต้นมาขบคิดกัน เผื่อดวงตาจะเห็นสัจธรรมขึ้นมาได้บ้าง

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ
14/11/2007

ปล. บทความนี้เขียนและเผยแพร่เมื่อเกือบ 13 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเกิดกระบวนการแชร์ลูกโซ่ มากมายที่สลับซับซ้อนและแนบเนียนตามยุคสมัย แต่ยังไม่พ้นวงจรอุบาทว์แชร์ลูกโซ่อยู่ดี