เนทันยาฮูประชุมคณะรัฐมนตรีในอุโมงค์ใต้มัสยิดอัลอักศอ

นายเนทันยาฮูนายกรัฐมนตรีอิสราเอลจัดประชุมคณะรัฐมนตรีในอุโมงค์ใต้มัสยิดอัลอักศอ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566 หลังจากก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง รัฐมนตรีคนหนึ่งสังกัดพรรครัฐบาลยิวได้บุกเข้าไปยังลานมัสยิดท่ามกลางการรุมประณามจากชาวปาเลสไตน์ ชาติอาหรับและโลกอิสลาม

.

เนทันยาฮูกล่าวว่าการต่อสู้ของเรายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องเพื่อความเอกภาพของอัลกุดส์ เขากล่าวในที่ประชุมอีกว่ารัฐบาลต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในเนื่องจากมีฝ่ายต่อต้านร่างกฎหมายปฏิรูปศาลและระบบยุติธรรม

“การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโต้ถ้อยแถลงของนายมะห์มูด อับบาส ผู้นำรัฐปาเลสไตน์ ที่ให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดว่าชนไม่ใช่มุสลิมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับมัสยิดอัลอักศอ” เนทันยาฮูกล่าวย้ำ

สำนักข่าวอัลจาซีร่าห์รายงานว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่รัฐเถื่อนอิสราเอลจัดขึ้นใต้อุโมงค์ที่พวกเขาขุดใต้มัสยิดจำนวน 57 แห่งโดยในปี 2017 พวกเขาเคยจัดประชุมคณะรัฐมนตรีใต้อุโมงค์นี้มาแล้ว

ในขณะที่ฮาซิม กอซิม โฆษกกลุ่มหะมาสแถลงว่า การกระทำของอิสราเอล เป็นการกระตุ้นให้เกิดสงครามทางศาสนา นายฮาซิมยังกล่าวอีกว่า การปฏิบัติของรัฐอิสราเอลในครั้งนี้ถือเป็นความพยายามในการเปลี่ยนอัตลักษณ์ของอัลกุดส์ ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดอย่างรุนแรงต่อศาสนาและประเทศชาติของเรา

แหล่งข่าว

https://www.aljazeera.net/news/2023/5/21/%D8%B9%D8%A7%D8%AC%D9%84-%D9%86%D8%AA%D9%86%D9%8A%D8%A7%D9%87%D9%88-%D8%A8%D8%A7%D8%AC%D8%AA%D9%85%D8%A7%D8%B9-%D9%84%D8%AD%D9%83%D9%88%D9%85%D8%AA%D9%87-%D9%81%D9%8A-%D9%86%D9%81%D9%82?fbclid=IwAR0j3c00B-qcCDbjRygAsNxGLCuDdO8ngm5BBu2yKfVxQ6AThoED8JdLPLE&mibextid=Zxz2cZ


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ theustaz.com

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.3)

พึงระวังมนุษย์สองหน้า

Hati-hati manusia berwajah dua

إنَّ شَرَّ النَّاسِ ذُو الوَجْهَيْنِ، الذي يَأْتي هَؤُلَاءِ بوَجْهٍ، وهَؤُلَاءِ بوَجْهٍ

(متفق عليه)

“Seburuk-buruk manusia adalah dzul-wajhain (orang yang bermuka dua), iatu orang yang ketika di tengah sekelompok orang, ia menampakkan suatu wajah, namun di tengah sekelompok orang lain, ia menampakkan wajah yang lain”

แท้จริงมนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุดคือมนุษย์สองหน้า เขาจะไปอยู่กับชนกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าหนึ่ง และอีกชนกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าอื่น

مَنْ كان لهُ وجْهانِ في الدنيا كان لهُ يومَ  القيامةِ  لِسانانِ من نارٍ

Siapa yang memiliki dua wajah di dunia, ia akan memiliki dua lidah dari api di akhirat” (HR. Abu Daud no. 4873, disahihkan Al Albani dalam Silsilah Ash Shahihah no. 892).

ผู้ใดเป็นบุรุษสองหน้าบนโลกดุนยา เขาจะมีลิ้นสองอันที่มาจากไฟนรก

———————————————-

มนุษย์ที่อยู่ในภาพนี้ เป็นถึงนักวิชาการคนหนึ่งในมาเลเซีย เมื่อปี 2020 ช่วงที่อันวาร์ อิบราฮีมกำลังโดนมรสุมทางการเมืองอย่างหนัก แทนที่เขาจะให้กำลังใจและร่วมดุอาให้เพื่อนร่วมสถาบัน เขากลับได้ทีเหยียบซ้ำและโจมตีอันวาร์ รวมทั้งยกเหตุผลมากมายเพื่อตอกย้ำว่าอันวาร์ไม่สมควรได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แถมทิ้งท้ายด้วยคำว่า نعوذ بالله من ذلك (เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พระองค์คุ้มครองจากการนำของอันวาร์)

แต่เมื่ออันวาร์กลับมาบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพบปะนายกรัฐมนตรีกับอุละมาอฺเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาที่ผ่านมา พร้อมชื่นชมอย่างภูมิใจว่า เคยเป็นศิษย์ร่วมสถาบันและเคยทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน และยังบังอาจให้ข้อเสนอแนะแก่นายกรัฐมนตรีด้วยข้อเสนอแนะที่ล้วนแล้วมาจากหัวใจที่อคติและทัศนคติอันคับแคบของตนเอง

เป็นอุละมาอฺที่อันวาร์ควรระมัดระวังและหนีห่างเป็นพิเศษครับ


โดย Mazlan Muhammad

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.2)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม  2565 เวลา 16.30 น. ณ อาคาร Seri Perdana, Putrajaya นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของผู้นำประเทศ ด้วยการเชิญผู้รู้ทางศาสนาและนักวิชาการอิสลามกว่า 100 คนร่วมพบปะในงาน Program Pertemuan Mahabbah (โครงการพบปะด้วยความรักและเอื้ออาทร) ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

ไฮไลท์ของงานไม่พ้นคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่พูดโดยไม่มีสคริปต์ตามสไตล์ แต่แฝงด้วยสาระ เนื้อหาสำคัญสรุปได้ดังนี้

– บทบาทของผู้รู้ศาสนาที่ต้องชี้นำสังคม ให้การอบรมสั่งสอนและเผยแผ่ศาสนารวมทั้งปกป้องจรรยาบรรณของความรู้ เมื่อผู้นำ (Umara’) และผู้รู้ศาสนา ( Ulama’) สามารถผนึกกำลังอย่างลงตัว ย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีงามของสังคมและชาติบ้านเมือง

– ยังมีความเชื่อมั่นว่า ชาวมลายูและศักดิ์ศรีของศาสนาอิสลามสามารถพัฒนาได้ด้วยผู้นำที่แน่วแน่ที่จะปกป้องชะตากรรมของประชาชนตลอดจนผู้ที่มีจริยธรรมในการบริหารสูง

– เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงมติไว้วางใจ และการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในรัฐสภามีความสำคัญมาก ตราบใดที่เราต้องการมอบอำนาจที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนประเทศและประชาชน

– ไม่ประนีประนอมกับวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด คำเตือนนี้ไม่ใช่วาทศิลป์ทางการเมือง แต่เป็นสัญญาประชาคมที่จะปราบปรามวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นไม่ให้แพร่กระจายต่อไป และพร้อมถอดถอนรัฐมนตรีในสังกัดทันทีที่มีหลักฐานว่ามีส่วนพัวพันกับทุจริตคอร์รัปชั่น

– ความเชื่อมั่นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีที่จะแสดงให้เห็นว่าระบบการบริหารระดับชาติด้วยหลักธรรมาภิบาล สามารถส่งเสริมวัฒนธรรมและจริยธรรมอันสูงส่งและซื่อสัตย์ต่อประชาชนและประเทศ

– การบริหารจะมุ่งเน้นไปที่แก้ไขปัญหาความยากจนขั้นรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงหลอกหลอนชาวมลายู เช่นเดียวกับชาวอินเดียและโอรัง อัสลี และชนเผ่าที่ยากจนกว่าที่ซาบาห์และซาราวัก

– นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้ยกเนื้อหาบทสุดท้ายของกิตาบมุนยะตุลมุศอลลีย์ ผลงานเขียนอุละมาอฺปาตานีนามอุโฆษชัยค์ดาวูด อัลฟาฏอนี โดยเนื้อหาหนังสือเป็นคำสอนว่าด้วยการละหมาด และจบบทสุดท้ายด้วยการตักเตือนผู้นำให้บริหารบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องความยุติธรรม

บรรยากาศในงานพบปะครั้งนี้ เป็นไปด้วยความชื่นมื่น เพียงแต่ผู้เขียนสังเกตว่ามีจุดด่างเล็กๆจุดเดียวที่แปดเปื้อนบรรยากาศนี้ นั่นคือการปรากฏตัวของนักวิชาการสายอะห์บาชและฏอรีกัตสายนักซะบันดีย์ ผู้เป็นสาวกของชัยค์นาซิม ฮักกอนีย์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของศูฟีย์ชาวไซปรัสตุรกี เสียชีวิตปี 2014 ซึ่งสำนักงานบริหารกิจการศาสนา (JAKIM) ได้เคยออกฟัตวาว่า ลัทธิศูฟีย์สายนี้มีแนวคำสอนที่บิดเบือนและผิดเพี้ยนจากคำสอนอิสลาม ซึ่งในคำพูดของนักวิชาการสายศูฟีย์นิยมนาซิม ฮักกอนีย์คนนี้ ได้กล่าวพาดพิง “วะฮ์ฮาบี” อย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นสำนักคิดสายสุดโต่งที่ต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีทบทวนหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาเตาฮีดที่สอนเรื่องเตาฮีด 3 ประเภทอีกด้วย

ยังไม่รวมการปรากฏตัวของ Ust. Ahmad Awang แกนนำพรรค PAS ในอดีตที่แยกตัวจาก PAS ไปเป็นที่ปรึกษาพรรคอะมานะฮ์ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีกลิ่นอายของกระแสปฏิวัติโคมัยนี่ติดตัวอยู่

ยอมรับว่าการพบปะกับนักวิชาการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ถูกกำหนดโดยอุละมาอ์สายสัรบั่นเขียวและสายสัรบั่นดำไป ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

รึว่าเป็นเพียงแค่ปฐมบทของละครซีรีย์ที่มีเป็นร้อย ๆ ตอน

รอดูตอนต่อไปครับ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เพจ Anwar Ibrahim

ดูคลิปบรรยากาศเต็ม

https://fb.watch/hmgNPhOVYN/?mibextid=cr9u03


โดย Mazlan Muhammad

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.1)

ช่วงปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด อันวาร์ อิบราฮิมได้ย้ำตลอดว่าคนแรกที่จะเป็นไข้ตัวสั่นหากตนก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศคือตุนมหาธีร์ โมฮัมมัด

คำพูดนี้ไม่ได้หมายความว่าอันวาร์ต้องการล้างแค้น หรือกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ทางการเมืองของตน แต่เป็นการประกาศจุดยืนว่าตนจะไม่ประนีประนอมกับการใช้อำนาจในทางที่ผิด การทุจริตคอร์รัปชั่นและเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกและบุคคลในตระกูลเดียวกัน

ถึงแม้จะมีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายด้วยสารพัดรูปแบบเพื่อสกัดกั้นความฝันของอันวาร์ แต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์ อันวาร์สามารถก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สานฝันที่รอคอยมานานเกือบ 30 ปี

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของมาเลเซีย จนกระทั่งปัจจุบัน เรายังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าตุนมหาธีร์เป็นไข้ตัวสั่นหรือไม่ เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้เก็บตัวเงียบและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

แต่ที่แน่ ๆ อันวาร์ยังสงวนท่าทีที่จะเปิดศึกกับตุนมหาธีร์ ทั้ง ๆ ที่จังหวะและโอกาสสุกงอมเต็มที

หลังประชุมครม.นัดแรกและเข้าปฏิบัติงานที่กระทรวงการคลังในฐานะรมว.การคลัง อันวาร์ได้แสดงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชาติและภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดก่อน

อันวาร์ยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นคณะรัฐมนตรีเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบายหลายประการตั้งแต่ ธรรมาภิบาล การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดภาระด้านค่าครองชีพให้กับประชาชน

การประกาศนโยบายเบื้องต้นของอันวาร์ เชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนกันแล้ว

หลังประชุมครม.นัดแรก อันวาร์ประกาศให้ครม.ทั้งชุดยอมลดเงินเดือน 20% นาน 3 ปี หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยที่ตนเองได้ประกาศตอนหาเสียงแล้วว่าจะไม่ขอรับเงินเดือนประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลดงวดสลากกินแบ่งรัฐบาลจาก 22 ครั้งต่อปีเป็น 8 ครั้งต่อปี ยอมรับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดก่อนใช้เงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นทุนในการหาเสียงเลือกตั้ง PRU15 ที่ผ่านมา ทำข้อตกลงกับ Syed Mokhtar Al-Bukhary (70 ปี) นักธุรกิจจากรัฐเคดาห์และประธานมูลนิธิเพื่อการกุศล Al-Bukhary เพื่อให้การสนับสนุนช่วยเหลือชาวนาจำนวน 10 ล้านริงกิตในปีนี้ และ 50 ล้านริงกิตในปีหน้า  ทบทวนแผนเครือข่าย 5G มูลค่า 1.1 พันล้านริงกิต ที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดก่อนเนื่องจากมีข้อกังวลว่าไม่ได้จัดทำขึ้นอย่างโปร่งใส พร้อมทั้งตรวจสอบการรั่วไหลของงบประมาณมูลค่า 600 พันล้านริงกิตช่วงมาตรการแก้ไขและเยียวยาวิกฤตโควิดของรัฐบาลที่ผ่านมา

อันวาร์ยังสั่งให้ทบทวนโครงการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมจากงบประมาณที่ตั้งไว้ในรัฐบาลชุดก่อน 15 พันล้านริงกิต เป็น 7 พันล้านริงกิต เนื่องจากตรวจสอบว่าผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อตกลง

“ผมขอย้ำว่าสิ่งดังกล่าวจะไม่ดำเนินอีกต่อไปเพื่อรักษาความโปร่งใสและการปฏิบัติตามข้อกฎหมายของบ้านเมือง” อันวาร์กล่าวหนักแน่น

อันวาร์ยืนยันว่า ตนมีแฟ้มหลักฐานแน่นหนาที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากองสลากกินแบ่งถูกเบิกใช้เพื่อเป็นทุนในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด

นี่คืองานปัดกวาดบ้านครั้งใหญ่ของอันวาร์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

ส่วนท่าทีการยอมรับจากโลกภายนอก เริ่มต้นจากอาเซียน ถือว่าอันวาร์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั่วโลก ถึงขนาดกษัตริย์บรูไนดารุสสลามทรงเสด็จเยือนกัวลาลัมเปอร์ครั้งแรกในรอบ 3 ปี พร้อมทรงขับรถด้วยพระองค์เองนำอันวาร์จากสนามบิน KLIA สู่ปุตราจายา นอกจากนี้ประธานาธิบดีแอร์โดอานแห่งตุรกี ได้ส่งลูกชายนำคณะนักธุรกิจเพื่อเจรจาทวิภาคีถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมปูทางการมาเยี่ยมเยือนมาเลเซียของประธานาธิบดีแอร์โดอานที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้

ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim

แม้กระทั่งแกนนำหะมาสอย่างอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ ยังโทรศัพท์แสดงความยินดีกับอันวาร์ อันแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานและการยอมรับของชาติอาหรับที่มีต่ออันวาร์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ อันวาร์ถูกกลั่นแกล้งด้วยข้อหาจากพรรคฝ่ายค้านว่า อันวาร์เป็นสมาชิกฟรีเมสันและสวามิภักดิ์ต่อองค์กรลับยิวสากล โดยทั้งแกนนำระดับอุละมาอฺและสมาชิกพรรค ต่างก็เชื่อข่าวสุดสกปรกนี้อย่างสนิทใจ

ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim

เชื่อว่ารัฐนาวาของอันวาร์ยังมีคลื่นลูกใหญ่ที่ต้องฝ่าฟัน และคลื่นใหญ่ที่สุดที่อันวาร์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือคลื่นใต้น้ำที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

กาลเวลาและระยะทางเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์


โดย Mazlan Muhammad

ฆอนิม อัลมุฟตาห์ เยาวชนกาตาร์ ผู้ที่อ่านอัลกุรอานพิธีเปิด บอลโลก 2022

เรื่องราวของเยาวชนกาตาร์ที่อ่านคัมภีร์กุรอานในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022

 โลกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของฆอนิม อัลมุฟตาห์ เยาวชนกาตาร์   ผู้ที่เป็นโรคถดถอยของไขสันหลัง  ในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก กาตาร์  2022 World Cup  ที่อ่านอัลกุรอานและสนทนากับมอร์แกน ฟรีเเมน  ดาราระดับนานาชาติที่อยู่ข้าง ๆ

ฆอนิม อัลมุฟตาห์ คือใคร ?

❝ ร่างกายฉันเล็ก แต่ใจใหญ่  พระเจ้าประทานสิ่งดีๆให้ฉันมากมาย แล้วทำไมฉันจะไม่ยิ้มล่ะ

ความหมายเชิงบวกที่สำคัญที่สุดของคนคือความพึงพอใจในสิ่งที่พระเจ้าเลือก ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา และมนุษย์ต้องยอมรับของประทานจากพระเจ้า เพื่อที่เขาจะได้เห็นโลกในแง่ดี ❞

ด้วยคำพูดเหล่านี้  ฆอนิม อัลมุฟตาห์แนะนำตัวเอง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อหลายปีก่อนในงาน Third Arab Media Forum ระหว่างการสนทนากับนักข่าว

ความพิการอย่างหนักที่เกือบจะขัดขวางไม่ให้ใช้ชีวิตตามปกติ ฆอนิม อัลมุฟตาห์ พูดถึงมันว่า  ❝ ฉันยอมรับความพิการของฉันและอยู่ร่วมกับมันด้วยความรักและความสบายใจ ฉันต้องพบเจอสิ่งไม่ดีจากการมองที่เด็กบางคนมีต่อฉัน แต่ก็ไม่ได้กวนใจฉัน ทุกคนที่มองมาที่ฉัน จะสรรเสริญอัลลอฮ์สำหรับสิ่งดีๆที่เขามี และฉันจะได้รับผลบุญเพราะฉันเป็นเหตุให้พวกเขาระลึกถึงอัลลอฮ์  ❞

ความท้าทายใหญ่ที่ ฆอนิม อัลมุฟตาห์ ต้องเผชิญ เนื่องจากความทุพพลภาพอันเนื่องมาจากการที่เขามีร่างกายเพียงท่อนเดียว

ไม่มีทหารนิรนามในชีวิตของเขา ยกเว้นแม่ของเขา

ที่ดูแลเขา สอนการเข้ากับสังคม และมีส่วนร่วมในสังคม

แนะนำให้ติดต่อ พูดดีๆกับคนอื่น และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา เพื่อไม่ให้อยู่คนเดียว

เธอพิมพ์เรื่องราวและหนังสือเกี่ยวกับเขา แจกจ่ายให้กับโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ พยายามทุกวิถีทาง  มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนมองคนพิการ  ซึ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น

ชมฉากการอ่านอัลกุรอานของฆอนิมในฟุตบอลโลก กาตาร์  2022 World Cup

#ฟีฟ่าเวิลด์คัพ


โดย ผศ.ดร.Ghazali Benmad

โลกมุสลิม 20 ประเทศและองค์กร ประนามโฆษกพรรคบีเจพี พรรครัฐบาลอินเดีย

โลกมุสลิมและองค์กรอิสลามระหว่างประเทศ 20 ประเทศและองค์กร ร่วมกันประนามโฆษกพรรคบีเจพี พรรครัฐบาลอินเดีย และขอให้อินเดียจัดการกับผู้กระทำการดังกล่าว

ประเทศที่แถลงประนามในนามรัฐบาล ประกอบด้วย คูเวต กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย  สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรต  บาห์เรน  โอมาน   ปากีสถาน  มาเลเซีย   อัฟกานิสถาน อินโดนีเซีย  จอร์แดน  มัลดีฟส์  อิรัก  และลิเบีย

โดยมี 4 ประเทศที่เรียกทูตอินเดียหรือตัวแทนสูงสุดของอินเดียเข้าพบเพื่อประท้วงและประนาม ได้แก่  คูเวต  กาตาร์  อินโดนีเซียและมาเลเซีย

ส่วนตุรกีออกแถลงการประนามโดยพรรคเอเค พรรครัฐบาลของตุรกี  ในขณะที่อียิปต์ออกแถลงการณ์ประนามโดยสถาบันอัซฮัร และสำนักมุฟตีย์แห่งอียิปต์

ส่วนระดับองค์กรระหว่างประเทศที่แถลงประนามได้แก่องค์กรความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี)  องค์กรความร่วมมืออ่าวอาหรับ(จีซีซี)  และฟอรัมเยาวชนโอไอซี (OIC Youth Forum)

ไม่นับรวมองค์กรนักวิชาการอิสลามที่ต่างออกมาประนามกันมากมาย

พรรคเอเคของตุรกีประณามคำหยามหมิ่นนาบีมุฮัมมัด ของโฆษกพรรคบีเจพี พรรครัฐบาลอินเดีย

เมื่อ 7 มิถุนายน อุมัร ซีลิก โฆษกพรรคยุติธรรมและการพัฒนาของตุรกี (พรรค AK) ประณามการหมิ่นหยามต่อท่านศาสดามุฮัมหมัด  ศอลฯ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่พรรคดังกล่าวได้ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่แล้ว พร้อมขอให้รัฐบาลอินเดีย “ดำเนินมาตรการ ที่จำเป็น” เพื่อต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นของกระแสอิสลามโมโฟเบียใน ประเทศ

อุมัร ซีลิก กล่าวในแถลงการณ์ว่า: “เราขอประณามอย่างรุนแรงคำกล่าวดูถูกของเจ้าหน้าที่จากพรรครัฐบาลอินเดีย (BJP) ต่อท่านศาสดามุฮัมมัดด”  และว่า “นี่เป็นการดูถูกไม่เฉพาะกับชาวมุสลิมในอินเดียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวมุสลิมทั่วโลกอีกด้วย”

“เรายินดีที่นักการเมืองดังกล่าวถูกไล่ออกจากตำแหน่งในพรรค เนื่องจากคำพูดของเขาและการประณามคำพูดเหล่านี้โดยทางการอินเดีย  แนวทางนี้ควรเป็นแบบอย่าง  เราคาดหวังให้รัฐบาลอินเดียใช้มาตรการที่จำเป็นในการเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของโรคกลัวอิสลามและเสริมสร้าง เสรีภาพทางศาสนาของชาวมุสลิม”

ในขณะเดียวกัน ฟอรัมความร่วมมืออิสลามสำหรับเยาวชน (OIC Youth Forum) ได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อศาสดามูฮัมหมัดโดยพรรคบีเจพี พรรครัฐบาลของอินเดีย”

ทางรัฐบาลอินเดียได้ออกมาแถลงว่า คำเหยียดหยามดังกล่าวเป็นเรื่องบุคคลนอกรัฐบาล โฆษกพรรคบีเจพี ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และได้พักงานโฆษกที่เกี่ยวข้อง 1 ราย และปลดออก 1 ราย


Credit : Ghazali Benmad

ปากีสถานได้นายกคนใหม่

( สนข.อัลจาซีร่าและอื่นๆ )  ฝ่ายนิติบัญญัติของปากีสถานเลือก ชาห์บาซ ชารีฟ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการประชุมวานนี้ 11/4/2022 หลังจากที่อิมราน ข่าน ผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อนถูกขับออกจากตำแหน่ง ซึ่งแสดงอารยะขัดขืนลาออกจากที่นั่งในรัฐสภาพร้อมกับสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ของพรรคก่อนลงคะแนนเสียง

ชาห์บาซ ชารีฟ  ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี” ด้วยคะแนนเสียง 174 จาก 342 ในรัฐสภา  เท่ากับคะแนนเสียงที่ชนะข่าน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด

ทั้งนี้ เอพีรายงานว่า ฝ่ายค้านของปากีสถานได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 2 เสียง  โดยได้ 174 เสียงจากที่นั่ง 342 ที่นั่งในรัฐสภา  เพื่อสนับสนุนการไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลของอิมราน ข่าน ในการลงคะแนนตามข้อเสนอของฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 8 มีนาคม

ชารีฟ วัย 70 ปี แกนนำกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านที่ลงมติไม่ไว้วางใจข่านในรัฐสภาหลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองหลายสัปดาห์

บรรดา สส. จากพรรคของอิมรอน ข่าน (พรรคอินซอฟ) ได้แสดงอารยะขัดขืน โดยการยื่นใบลาออกจากสภาล่างเพื่อประท้วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของพวกเขา

“เราขอประกาศว่าเราทุกคนลาออก” ชาห์ มาห์มูด กูเรชี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและรองประธานพรรคของข่าน กล่าวในสุนทรพจน์ก่อนการลงคะแนนเสียง

ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดที่มาจากการเลือกตั้งครบวาระตั้งแต่ปากีสถานได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 2490

ในขณะที่ผู้สนับสนุนข่านหลายๆพันคนเดินขบวนในเมืองหลวง อิสลามาบัด และเมืองใหญ่ๆ ในปากีสถานอีกหลายแห่ง รวมถึงในประเทศต่างๆ ในยุโรป โดยที่ผู้เข้าร่วมแสดงการสนับสนุนต่ออิมราน ข่าน โดยปฏิเสธสิ่งที่พวกเขาอธิบายว่าเป็นการแสดงอำนาจของอเมริกา

หลังแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ชารีฟจะต้องจัดตั้งรัฐบาลจากสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน (กลาง) พรรคประชาชนปากีสถาน (กลางซ้าย) และสมาคมอุลามาอ์อิสลาม ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมขนาดเล็ก


โดย Ghazali Benmad

อิมรอน ข่าน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปากีสถาน

(อัลจาซีร่า) รัฐสภาปากีสถานลงมติไม่ไว้วางใจ นายกฯรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน  9 เมษายน วานนี้ ด้วยคะแนน 174 เสียง จากเสียง สส.ทั้งหมด 342 เสียง  ส่งผลทำให้หลุดจากตำแหน่ง

การอภิปรายกินเวลา 14 ชั่วโมง ประธานรัฐสภาและรองประธาน ซึ่งเป็นคนของพรรคของอิมรอน ข่าน  ร่วมมือกับฝ่ายค้าน พากันลาออก ทำให้ฝ่ายค้านได้เป็นประธานแทน อีกทั้ง สส.พรรคของอิมรอน ข่าน บางส่วน งดออกเสียง และออกจากรัฐสภาไป

ทั้งนี้ รัฐสภาจะเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คาดว่าจะเป็นนายชาห์บาซ ชารีฟ น้องของนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรี

ขอบคุณและขอให้อัลลอฮ์ตอบแทนความดีในผลงานที่ท่านได้ทำเพื่อประชาชาติอิสลาม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :

https://www.aljazeera.net/news/politics/2022/4/9/%D8%B9%D8%A7%D8%AC%D9%84-%D8%A7%D8%B3%D8%AA%D9%82%D8%A7%D9%84%D8%A9-%D8%B1%D8%A6%D9%8A%D8%B3-%D8%A7%D9%84%D8%A8%D8%B1%D9%84%D9%85%D8%A7%D9%86


แปลโดย Ghazali Benmad

การจากไปของเฒ่าทระนง

ชัยค์สุไลมาน อัลฮาซลีน (70 ปี) ชายชราจากเมืองคอลีล ทางตอนใต้เขตเวสต์แบงค์ ได้เสียชีวิตอย่างสงบหลังจากมอบชีวิตทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับกองกำลังยิวจอมปล้นแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2022 กองกำลังผู้รุกรานได้เข้าตรวจค้นหมู่บ้าน “อุมมุลคอยร์” ณ เมืองคอลีล ซึ่งอยู่ทางตอนใต้เขตเวสต์แบงค์ ปาเลสไตน์ โดยอ้างว่าเพื่อตรวจค้นรถยนต์ผิดกฎหมายซึ่งในความเป็นจริงเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนและเข้าจับกุมชัยค์สุไลมาน อัลฮาซาลีน เฒ่าทระนงผู้ยืนหยัดต่อสู้กับกองกำลังก่อการร้ายในนามรัฐเถื่อนอิสราเอล

ทหารอิสราเอลใช้รถเกราะล้อยางเหยียบร่างของเฒ่าทระนงผู้นี้จนทำให้ศีรษะและร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำไปโรงพยาบาลและได้รับชะฮีดในวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2022 ท่ามกลางความเศร้าโศกของชาวปาเลสไตน์ที่ได้สูญเสียบุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับการกดขี่และอธรรมที่รุนแรงที่สุดในโลกปัจจุบัน

ถึงแม้สื่อกระแสหลักจะบอดใบ้เช่นเคยก็ตาม


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

ประกาศผู้ได้รับรางวัลกษัตริย์ไฟศอลประจำปี 2022

เจ้าชายคอลิด อัลไฟศอล อะมีร์มักกะฮ์ ในฐานะองค์ประธานรางวัลกษัตริย์ไฟศอล ได้เป็นองค์ประธานพิจารณาผู้ที่สมควรได้รับรางวัล ใน 5 สาขา โดยในปีนี้มีนักวิชาการระดับโลกได้รับรางวัลจำนวน 8 ท่าน แยกเป็น สาขาวิทยาศาสตร์จำนวน 2 ท่าน สาขาแพทยศาสตร์จำนวน 1 ท่าน สาขาภาษาอาหรับและวรรณคดี จำนวน 2 ท่าน สาขาบริการอิสลามจำนวน 2 ท่าน ส่วนสาขาอิสลามศึกษา ไม่มีผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน

รศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัลกษัตริย์ไฟศอลสาขาบริการอิสลามได้มีมติเลือก Professor Dr. Mahmoud AL Shafei (91 ปี) ชาวอิยิปต์อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ กรุงอิสลามมาบัด อดีตประธานสภาภาษาอาหรับและวรรณคดีประจำกรุงไคโร ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาอุละมาอ แห่งอิยิปต์ ได้รับรางวัลกษัตริย์ไฟศอลสาขาบริการอิสลาม พร้อมด้วย Mr.Hassan Mwinyi (96ปี) อดีตประธานาธิบดีแทนซาเนีย สมัย 1985-1995 ซึ่งคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้คือ อบุล อะอฺลา อัลเมาดูดีย์ นักเคลื่อนไหวอิสลามนามอุโฆษขาวปากีสถานเมื่อ ค.ศ.1979

ผู้ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา ได้รับโล่รางวัลพร้อมเช็คเงินสดจำนวน 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หากมีผู้ได้รับรางวัลในสาขาเดียวกันมากกว่าหนึ่งคน ก็จะแบ่งเงินรางวัลจำนวนเท่ากัน

ติดตามรายละเอียดได้ที่

https://www.facebook.com/KingFaisalPrize/


โดย Mazlan Muhammad