ตะกอนความคิด บทความ

ให้รอมฎอนรักษาหัวใจ

ในอิสลามมีโรคประเภทหนึ่งที่อันตรายยิ่งกว่าโรคภัยไข้เจ็บทางกายทั่วไป นั่นคือโรคทางใจ ซึ่งใจในที่นี่ไม่ได้หมายถึงอวัยวะเท่ากำปั้นมือที่ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต เพื่อนำพาออกซิเจนและธาตุอาหารไปยังทุกส่วนของร่างกาย แต่หมายถึงตัวตนของมนุษย์อีกมิติหนึ่งที่มีความรู้สึก มีวิญญาณ มีสามัญสำนึก อารมณ์ความต้องการ พลังแห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์ ซึ่งถูกสร้างมาพร้อม ๆ กับความเป็นมนุษย์เหมือนอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

นอกจากที่ร่างกายต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ ที่คอยหล่อเลี้ยงให้เติบโตและแข็งแรงแล้ว ร่างกายยังต้องเฝ้าระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่คอยมาบั่นทอนสุขภาพ โรคบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายป่วยทรุดโทรมแล้ว ยังทำให้อวัยวะบางส่วนไม่ทำงานหรือไม่ทำหน้าที่ตามปกติอีกด้วย

จิตใจมนุษย์ก็เช่นกัน มีโรคทางจิตใจมากมายที่อาจประสบแก่ทุกคน ทั้งนี้เนื่องจากจิตใจเป็นนายของร่างกาย จึงเป็นที่หมายปองของศัตรูที่คอยบุกโจมตี ในสมรภูมิสงคราม ศัตรูจึงต้องหาทุกวิถีทางเพื่อเข้าประชิดแม่ทัพและเมื่อใดที่สามารถควบคุมหรือสังหารแม่ทัพได้เหล่าทหารอื่น ๆ ก็จะยอมศิโรราบโดยปริยาย

นบีมูฮัมมัด صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า

ألا وإنَّ في الجَسَدِ مُضْغَةً، إذا صَلَحَتْ، صَلَحَ الجَسَدُ كُلُّهُ، وإذا فَسَدَتْ، فَسَدَ الجَسَدُ كُلُّهُ، ألا وهي القَلْبُ ( متفق عليه)

 ความว่า : พึงทราบเถิดว่า ในร่างกายมีก้อนเลือดอยู่ก้อนหนึ่ง หากก้อนเลือดนี้ดี ร่างกายทุกส่วนก็จะดีไปด้วย หากก้อนเลือดนี้มีสภาพที่ไม่ดี ร่างกายทุกภาคส่วนก็จะไม่ดีตามเช่นกัน มันคือจิตใจนั่นเอง

ชัยฏอนซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์จึงคอยดักซุ่มและจู่โจมให้สามารถควบคุมจิตใจ เมื่อควบคุมสำเร็จแล้วมันจะสั่งการให้อวัยวะทุกส่วนปฏิบัติตามแผนร้ายของมันทันที นั่นคือให้มนุษย์ทุกคนฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ ยอมเป็นทาสชัยฏอนอย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้มนุษย์หันเหหลงผิดและหลงทาง จนกระทั่งไม่พบกับทางนำของพระองค์ เพราะคนเราเป็นไปได้ 2 สถานะเท่านั้น ไม่มีทางเลือกที่ 3 นั่นคือหากหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮ์ เขาจะต้องตกเป็นเหยื่อของชัยฏอนทันที ซึ่งสามารถพลิกผันได้ทุกเวลานาที

نسأل الله السلامة

พี่น้องร่วมศรัทธาทุกท่าน

โรคจิตใจมีมากมาย แต่แบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

ประเภทแรก คือประเภทที่นอกจากทำให้จิตใจป่วยอัมพาตแล้ว ยังเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย บางครั้งถึงขนาดนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร สีหน้าหม่นหมอง หน้าตาไม่สดชื่นและร่างกายซีดผอม โรคประเภทนี้ได้แก่ 1) การโอ้อวด 2) โกรธและอารมณ์ฉุนเฉียว 3) หลงลืม 4) ย้ำคิดย้ำทำ 5) ท้อแท้สิ้นหวัง 6) ละโมบโลภมาก 7) หลงตัวเอง 8) หยิ่งยโส และ 9) อิจฉาริษยา

โรคทั้ง 9 ชนิดนี้ถือเป็นคุณสมบัติอันไม่พึงประสงค์และน่ารังเกียจที่ทุกคนต้องเฝ้าระวังให้มาก บางกรณีสามารถหาทางเยียวยาหรือปรึกษาจิตแพทย์เฉพาะทางได้

โรคบางชนิดเป็นเสมือนไฟไหม้ที่ทำลายความดีงามให้หมดเกลี้ยงดังเช่น ความอิจฉาริษยา โรคบางชนิดเป็นสิ่งปิดกั้นมิให้เข้าสวรรค์เลยทีเดียวดังเช่นความหยิ่งยโส ในขณะที่โรคหลงตัวเอง ก็ได้ทำให้อิบลีสกลายเป็นผู้ถูกสาปแช่งมาแล้ว 

نعوذ بالله من ذلك

ประเภทที่สอง เป็นโรคที่ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกาย ใบหน้าอาจดูสดชื่นตลอดเวลา หัวใจเบิกบานร่าเริง ร่างกายแข็งแรงดี แต่เขาติดโรคทางจิตใจที่ร้ายแรงกว่าโรคประเภทแรก เพราะโรคประเภทนี้จะไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดไหนสามารถตรวจสอบได้ ส่วนหนึ่งของโรคชนิดนี้ได้แก่

 1. โรคเขลาและไม่มีความรู้ทางศาสนา(ญาฮิล) จนไม่สามารถแยกแยะอันไหนถูกอันไหนผิด สิ่งไหนบาปสิ่งไหนบุญ

 2. โรคกลับกลอก (นิฟาก) ซึ่งเป็นโรคที่ลึกลับยิ่งกว่ามดดำตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในโพรงถ้ำในเวลากลางคืนเสียอีก ไม่มีใครสามารถตรวจสอบโรคนี้ยกเว้นผู้ทรงสร้างจิตใจเท่านั้น ผู้ที่ติดโรคนี้จะมีอาการต่าง ๆ เช่น เกียจคร้านการละหมาด ซิกิร์ต่ออัลลอฮ์เพียงเล็กน้อย ผิดสัญญา พูดจาโกหก ทุจริตคอรัปชั่น ใช้คำพูดที่ก้าวร้าวโดยเฉพาะเวลาขัดใจกัน ไม่ชอบการบริจาคกุศลทานและสัญญาณอื่น ๆ ที่เป็นนิฟากเล็ก แต่หากละเลยและไม่รีบรักษา มันอาจลุกลามจนกลายเป็นนิฟากใหญ่ได้ نعوذ بالله من ذلك

 3. โรคชอบสร้างสิ่งอุตริกรรมในศาสนา ทั้ง ๆ ที่นบีได้สอนเกี่ยวกับศาสนาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

 4. โรคเสน่หาฟังนิยายปรัมปรา งมงาย ชอบบริโภคและเผยแพร่ข่าวลือ โดยเฉพาะการเผยแพร่หะดีษปลอม โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ดังตัวอย่างการเผยแพร่ความประเสริฐและผลบุญการละหมาดตะรอวีห์ในแต่ละคืนตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนสุดท้าย ทั้ง ๆ ที่เป็นหะดีษปลอมที่นบีไม่เคยพูด เศาะฮาบะฮ์ไม่เคยรายงานและบรรดาผู้รวบรวมหะดีษก็ไม่เคยบรรจุหะดีษนี้ในตำราหะดีษ แต่ก็ยังแพร่หลายในสังคม  ดังนั้น ผู้ใดที่รายงานหะดีษนี้หรือหะดีษปลอมอื่น ๆ เขาจะได้รับโทษสถานหนักถึงขนาดนบีกล่าวว่า ขอให้เขาจองที่ในนรกเลยทีเดียว

 5. โรคการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ (ชิริก) ซึ่งถือเป็นบาปใหญ่ที่สุดและถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายของชัยฏอน หากชัยฏอนสามารถล่อลวงมนุษย์ให้หลงทางถึงขั้นนี้ ก็จะถือว่ามันปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว

อัลลอฮ์กล่าวว่า

إِنَّ ٱلشِّرْكَ لَظُلْمٌ عَظِيمٌ (لقمان/13)

ความว่า : แท้จริงชิริกคืออธรรมอันใหญ่หลวง

إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِۦ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَآءُ ۚ وَمَن يُشْرِكْ بِٱللَّهِ فَقَدْ ضَلَّ ضَلَٰلًۢا بَعِيدًا ( النساء/116)

ความว่า : แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษบาปการตั้งภาคีกับพระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดตั้งภาคีแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล

พี่น้องร่วมศรัทธาทั้งหลาย

รอมฎอนจึงเป็นโรงซ่อมจิตใจขนาดใหญ่ที่สุดที่เป็นความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ซึ่งทรงประสงค์ให้บ่าวทุกคนใช้เวลาช่วงประเสริฐที่สุดนี้ยกระดับตัวเอง ขัดเกลาจิตใจ ทบทวนอดีต เพิ่มพูนความดีงาม สะสมเสบียงบุญ สำนึกตนด้วยการกลับไปหาอัลลอฮ์ และขออภัยโทษจากพระองค์ด้วยการตัดใจจากความผิดพลาด เสียใจต่อการกระทำในอดีต และตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะไม่หวนกลับทำบาปซ้ำ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เราสามารถรวบเบ็ดเสร็จภายใต้เป้าประสงค์ของการถือศีลอดนั่นคือ

لعلكم تتقون

เผื่อว่า ท่านทั้งหลายจะได้ยำเกรง

ด้วยการยำเกรงต่อพระองค์เท่านั้นที่เป็นยาวิเศษและทิพย์โอสถที่สามารถทำให้โรคร้ายทั้งปวงที่ได้กล่าวมาแล้ว หายไป และด้วยตักวาเท่านั้นที่สามารถขัดเกลาจิตใจให้สะอาดผ่องแผ้ว ไร้สิ่งเจือปน จนกระทั่งสามารถเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่สะอาดบริสุทธิ์

يَوْمَ لَا يَنْفَعُ مَالٌ وَلَا بَنُونَ  إِلَّا مَنْ أَتَى اللَّهَ بِقَلْبٍ سَلِيمٍ  ( الشعراء /89-88)

ความว่า : วันที่ทรัพย์สมบัติ ลูกหลานและบริวารไม่มีประโยชน์อันใดเลย เว้นแต่ผู้ที่เข้าเฝ้าอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่สะอาดผุดผ่อง

ดังนั้นรอมฎอนจึงเป็นโรงพยาบาลที่สามารถเยียวยารักษาโรคร้ายเหล่านี้ได้และกิจกรรมอันมากมายในเดือนรอมฎอนตั้งแต่การถือศีลอด การละหมาดตะรอวีห์ การบริจาคทาน การให้อาหารละศีลอด การอ่านอัลกุรอาน การซิกิร์และอิสติฆฟาร์ การทำความดีในรูปแบบต่าง ๆโดยเฉพาะอิอฺติก้าฟช่วง 10 วันสุดท้ายถือเป็นชุดยาสามัญประจำผู้ศรัทธาที่ต้องหมั่นรับประทานให้ครบชุดอย่างเหมาะสม พี่น้องต้องเข้าใจว่ารอมฎอน ไม่ใช่เพียงการอดอาหารในภาคกลางวันอย่างเดียวเท่านั้น แต่คือชุดยาสามัญประจำศรัทธาชนที่จิตใจต้องได้รับอย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับตนเองให้เป็นผู้ที่เหมาะสมเข้าสวรรค์ของอัลลอฮ์และรอดพ้นจากไฟนรกทีเดียว

พี่น้องร่วมศรัทธาทุกท่าน

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันสังคมโลกได้รับภัยคุกคามจาก โควิด-19 โดยเฉพาะดาวร้ายใหม่สายพันธุ์โอไมครอน ที่ขณะนี้ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกในฐานะผู้ศรัทธา เราต้องเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นด้วยผลการอนุมัติจากพระเจ้า พระองค์จะทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ด้วยวิธีการหลากหลายโดยมีเป้าหมายให้บ่าวของพระองค์กลับเนื้อกลับตัว ยอมศิโรราบต่ออำนาจของพระองค์ ไม่ดื้อรั้นและไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์

ผู้ศรัทธาจึงต้องใช้โอกาสอันประเสริฐในเดือนรอมฎอนนี้ ขออภัยโทษจากอัลลอฮ์มอบตนแด่พระองค์ และพยายามหามาตรการที่จะหยุดการแพร่กระจายของโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ พึงทราบว่าการปฏิบัติตนในคำสอนศาสนาไม่ได้สอนให้เราปฏิเสธมาตรการการรักษา การเยียวยาและการป้องกันด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพราะอิสลามไม่เคยปฏิเสธภูมิปัญญาที่มีประโยชน์และไม่เคยหันหลังให้กับการคิดค้นสร้างสรรค์ที่ดี ๆ ตราบใดที่อยู่ในกรอบของศาสนา มุสลิมจึงสามารถเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮ์และเป็นพลเรือนที่ดีของสังคมในเวลาเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่มุสลิมจะมีความผูกพันที่ดีกับอัลลอฮ์เพียงมิติเดียว แต่เขากลับไปสร้างปัญหาให้กับสังคมหรือทำให้สังคมเดือดร้อน หากเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่ได้รับอานิสงส์ใด ๆ จากรอมฎอนยกเว้นการอดน้ำ อดข้าว อดหลับอดนอนเท่านั้นเอง

قال الله تعالى

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا كُتِبَ عَلَيْكُمُ الصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ (البقرة/183)


โดย Mazlan Muhammad