ตะกอนความคิด บทความ

บาปเงียบ : มหันตภัยยุคสื่อไร้พรมแดน

           หนุ่มสาวที่แสนเรียบร้อย แสดงออกถึงบุคลิกภาพที่ควรค่าแก่การยกย่อง เป็นผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ศาสนาในสายตาของบุคคลทั่วไป ถ้าเป็นมุสลิมีนก็จะไว้เคราพองาม พิถีพิถันในเรื่องการแต่งกาย แลดูสะอาดสะอ้าน ถ้าเป็นมุสลิมะฮ์จะสวมใส่ฮิญาบอย่างมิดชิดเรียบร้อย บางคนปิดใบหน้าและฝ่ามือ เพื่อยึดมั่นตามแบบฉบับสุนนะฮ์  คบค้าสมาคมกับผู้รู้ทางศาสนา บรรดามิตรสหายอยู่ในหมู่ผู้ที่ใฝ่ศึกษาหาความรู้ ฯลฯ…..

          ปรากฏการณ์นี้ ถือเป็นภาพที่บ่งบอกถึงการยึดมั่นในศาสนาของกลุ่มเยาวชน แต่จะเป็นสิ่งดียิ่ง หากเบื้องหลังของพวกเขาจะใสสะอาดหมดจด ยิ่งกว่าเบื้องหน้าที่ปรากฏมาให้เห็น หรือยามที่พวกเขาสงบนิ่งในขณะเข้าเฝ้าต่อหน้าพระองค์อัลลอฮ์ นั้น จะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ใจไว้ได้ มากกว่ายามที่พวกเขาแสดงออกมาต่อหน้าผู้คน

          ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะมีข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า หนุ่มสาวหลายคนที่ดูแสนจะเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่ในที่ลับตาผู้คนแล้ว พวกเขากลับกลายเป็นสาวกของชัยฎอน จมดิ่งอยู่ในห้วงทะเลแห่งตัณหาและอบายมุขชนิดโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

          พวกเขาและพวกเธอ มักบริโภคสื่อไร้พรมแดนที่ไร้สาระ  เสพติดเว็บไซต์ที่ไร้จริยธรรมอยู่เนืองนิจ ครุ่นคิดติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตที่มักใช้นามแฝงเพื่อกลบเกลื่อนชื่อจริง ใช้กลยุทธ์ลับ ลวง พราง เพื่อสนองตัณหาอารมณ์ใฝ่ต่ำ บางครั้งก็ใส่ร้ายป้ายสีบุคคลอื่นๆ หรือองค์กรต่างๆ ให้พลอยได้รับความเสื่อม และเสียชื่อเสียงไปด้วย

          เยาวชนที่รัก …. เจ้าอย่ามองข้ามการเพ่งพินิจและการตรวจสอบของอัลลอฮ์ อย่างเด็ดขาด โดยยอมลงทุนฝ่าฝืนพระองค์ และตอบรับการเรียกร้องของชัยฏอน

          ท่านซะห์นูน (รอฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าวไว้ ความว่า

“เจ้าจงอย่าริประกาศตัวเป็นศัตรูคู่อริกับชัยฏอนในที่เปิดเผย  แต่กลับเป็นสหายรักกับมันยามลับตาผู้คน”

          เพราะแท้จริง บาป ที่คนๆ หนึ่งกระทำไว้ ณ ที่ลับตาผู้คนนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชักนำเขาสู่ความวิบัติ และบ่อนทำลายความดีงามที่สะสมไว้

 นบีมุฮัมมัด  صلى الله عليه وسلمได้กล่าวไว้ว่า

جاء  عَنِ النَّبِىِّ صلى الله عليه وسلم أَنَّهُ قَالَ   لأَعْلَمَنَّ أَقْوَامًا مِنْ أُمَّتِى يَأْتُونَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِحَسَنَاتٍ أَمْثَالِ جِبَالِ تِهَامَة بَيْضَاء فَيَجْعَلُهَا اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ هَبَاءً مَنْثُورًا  َقالَ ثَوْبَانُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ صِفْهُمْ لَنَا جَلِّهِمْ لَنَا أَنْ لاَ نَكُونَ مِنْهُمْ وَنَحْنُ لاَ نَعْلَمُ . قَالَ : أَمَا إِنَّهُمْ إِخْوَانُكُمْ وَمِنْ جِلْدَتِكُمْ وَيَأْخُذُونَ مِنَ اللَّيْلِ كَمَا تَأْخُذُونَ وَلَكِنَّهُمْ أَقْوَامٌ إِذَا خَلَوْا بِمَحَارِمِ اللَّهِ انْتَهَكُوهَا   رواه ابن ماجه و صححه الألبانى

          ความว่า “แน่แท้ ฉันรู้ว่า มีชนกลุ่มหนึ่งในประชาชาติของฉัน ที่พกพาความดีงามและกุศลทานอันมากมายสะสมไว้ในวันกิยามะฮ์

เปรียบเสมือนเทือกเขาติฮามะฮ์ที่ขาวสะอาด

แต่อัลลอฮ์   ทรงทำให้ความดีงามอันมากมายเหล่านั้น กลายเป็นเศษฝุ่นที่ปลิวว่อนเท่านั้น (ไม่มีคุณค่าใดๆ ทั้งสิ้น)

ท่านเซาบาน จึงถามว่า โอ้ ศาสนทูตของอัลลอฮ์

ได้โปรดบอกคุณลักษณะของพวกเขาให้เรา

ทราบด้วย และโปรดอธิบายให้พวกเราทราบอย่างแจ้งชัด เผื่อว่าเราจะได้ระมัดระวังมิให้เป็นเช่นกลุ่มนั้น ในสภาพที่เราไม่รู้ตัว

นบีมุฮัมมัด صلى الله عليه وسلم   จึงตอบว่า พวกเขาคือพี่น้องของท่านนั่นแหละ มีสีผิวเช่นเดียวกับพวกท่าน พวกเขาดำรงตนในเวลากลางคืนด้วยการละหมาดกลางคืนเช่นเดียวกับพวกท่าน แต่ยามใดที่พวกเขาอยู่ในที่ลับตาผู้คนแล้ว พวกเขาจะละเมิดและฝ่าฝืนคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์ ”

บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ/4245,ดู อัซซิลซิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ 2/18


โดย Mazlan Muhammad