บทความ บทความวิชาการ

ประชาธิปไตยหลุดพ้นจากอิสลามหรือไม่ ? [ ตอนที่ 3 ]

คำตอบโดย ศ.ดร.ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวัย์ อดีตประธานสหพันธ์อุลามาอ์อิสลามนานาชาติ

คำสอนในซุนนะฮ์ ได้ตำหนิผู้นำทรราชอย่างรุนแรง

ซุนนะฮฺได้กล่าวตำหนิผู้นำทรราช ซึ่งปกครองประชาชนด้วยกฎเหล็กและด้วยวิธีการรุนแรง ประชาชนไม่มีใครกล้าตอบโต้และเห็นแย้งกับพวกเขาแม้แต่คำเดียว ซุนนะฮ์ได้ระบุว่า ในวันกิยามะฮ์ พวกเขาจะกระโจนเข้าในนรกเหมือนแมลงเม่าเข้ากองไฟ

นอกจากนี้ ซุนนะฮ์ยังกล่าวตำหนิผู้ที่คุกเข่าและประจบสอพลอกลุ่มทรราช หรือเป็นมือไม้ช่วยเหลือพวกเขา

ซุนนะฮฺยังได้กล่าวโทษอุมมะฮ์ที่ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว และไม่กล้าพูดกับผู้อธรรมได้ว่า โอ้ผู้กดขี่เอ๋ย

มีรายงานจากอบูมูซา ว่า ท่านศาสนทูต صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า

إن في جهنم واديًا وفي الوادي بئر يقال له هبهب، حق على الله أن يسكنه كل جبار عنيد”

“ มีหุบเขาในนรกญะฮันนัม และในหุบเขามีบ่อลูกหนึ่งชื่อว่า “ฮับฮับ” พระเจ้าทรงมีสิทธิที่จะให้ผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ดื้อรั้นทุกคนได้พำนักอาศัยอยู่”

[ รายงานโดยอัล อัตฏอบารอนี ด้วยสายรายงานที่ดี และอัลหากิม เห็นว่าเป็นหะดีษซอเฮี้ยะห์ และอัลซะฮะบีย์เห็นพ้องด้วย 4/332 ]

และรายงานจากมุอาวียะฮ์ ว่า ท่านศาสดา صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า

يكون من بعدي أئمة يقولون لا يرد عليه قولهم يتقاحمون في النار كما يتقاحم القردة

จะมีผู้นำยุคหลังจากฉัน พวกเขาพูดโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ และพวกเขาจะกระโจนลงในไฟนรกเหมือนกับฝูงลิง

[หะดีษรายงานโดยอบูยะลาและอัลตอบารอนีย์ ในหนังสือ Sahih Al-Jami Al-Sagheer เลขที่ 3615 ]

รายงานจากจาบิรว่า ท่านศาสดา صلى الله عليه وسلم กล่าวกับ กะอับ บินอัจเราะฮ์ ว่า

أعاذك الله من إمارة السفهاء يا كعب”. قال: وما إمارة السفهاء؟ قال: “أمراء يكونون بعدي، لا يهدون بهديي ولا يستنون بسنتي، فمن صدقهم بكذبهم، وأعانهم على ظلمهم، فأولئك ليسوا مني ولست منهم، ولا يردون على حوض، ومن لم يصدقهم بكذبهم ولم يعنهم على ظلمهم، فأولئك مني، وأنا منهم، وسيردون على حوضي

“ขอพระเจ้าปกป้องท่านจากการปกครองของคนพาล โอ้กะอับ ”

เขากล่าวว่า “การปกครองของคนพาลคืออะไรครับ ?

ท่านนบี صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า

“ ผู้นำยุคหลังจากฉัน พวกเขาไม่ปฏิบัติตามแนวทางของฉัน ใครก็ตามที่เชื่อในการโกหกของพวกเขา และช่วยพวกเขาในการกระทำความอยุติธรรม คนเหล่านั้นไม่ใช่พวกของฉันและฉันไม่ได้เป็นพวกเขา และพวกเขาไม่อาจมายังสระของฉันในสวรรค์

ส่วนคนที่ไม่เชื่อในคำโกหกของพวกเขา และไม่ช่วยพวกเขาในการกระทำความอยุติธรรม คนเหล่านั้นเป็นพวกของฉันและฉันก็เป็นพวกเขา และพวกเขาจะได้มายังสระของฉัน ในสวรรค์”

[รายงานโดยอะหมัด และอัลบัซซาร และผู้รายงานล้วนเชื่อถือได้ ]

หะดีษมัรฟูอ์ รายงานจากมุอาวียะฮ์ ว่า

لا تقدس أمة لا يقضى فيها بالحق، ولا يأخذ الضعيف منها حقه من القوي غير متعتع”

“ประชาชาติหนึ่งจะไร้ศักดิ์ศรี เมื่อไม่มีการพิพากษาด้วยความยุติธรรม และผู้อ่อนแอจะไม่สามารถเอาสิทธิของตนจากผู้แข็งแกร่งโดยปราศจากความหวาดกลัว”

[รายงานโดยอัลอัตฏอบารอนี โดยผู้รายงานที่น่าเชื่อถือ]

หะดีษมัรฟูอ์ รายงานจากอับดุลลอฮ์ บินอัมร์ ว่า

“إذا رأيت أمتي تهاب أن تقول للظالم : يا ظالم فقد تودع منهم”

เมื่อท่านเห็นประชาชาติของฉันกลัวที่จะกล่าวกับผู้กดขี่ว่า “โอ้ผู้กดขี่” ก็จะถึงกาลต้องสิ้นสูญแล้ว”

[ รายงานโดยอะหมัดใน อัลมุสนัด ชากิรเห็นว่าเป็นสายรายงานที่ศอเฮี้ยะห์/6521]

ชูรอ (การให้คำปรึกษา) นาซีฮัต (การให้คำแนะนำ) อัมร์บิลมะรูฟ (ส่งเสริมความดี) และนะห์ยุอานิลมุงกัร (ห้ามปรามความชั่ว)

ศาสนาอิสลามได้บัญญัติให้การชูรอ-ปรึกษาหารือ- เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ของวิถีชีวิตอิสลาม บังคับให้ผู้ปกครองต้องขอคำปรึกษา และบังคับให้อุมมะฮฺต้องให้คำแนะนำ ถึงขั้นถือว่าการให้คำแนะนำนั้นเป็นแกนหลักของศาสนาอิสลาม อันรวมถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้นำของชาวมุสลิม

นอกจากนี้ อิสลามยังถือว่า การส่งเสริมความดีและการยับยั้งความชั่ว(อัมร์บิลมะรูฟ และนะห์ยุอานิลมุงกัร) เป็นหน้าที่บังคับ

ยิ่งไปกว่านั้น อิสลามยังถือว่า การญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการพูดความจริงต่อหน้าทรราช

أفضل الجهاد كلمة حق تقال عند سلطان جائر

“การญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการพูดความจริงต่อหน้าทรราช”

ซึ่งหมายความว่า การต่อต้านการกดขี่ข่มเหงและการคอร์รัปชั่นภายใน เป็นที่ชื่นชมของพระเจ้ามากกว่าการต่อต้านศัตรูจากภายนอก เพราะประการแรกมักเป็นสาเหตุของประการหลัง

ผู้ปกครองในมโนทัศน์ของศาสนาอิสลาม

ผู้ปกครองในมโนทัศน์ของศาสนาอิสลาม คือตัวแทนของอุมมะฮฺหรือพนักงานที่ได้รับการว่าจ้าง และเป็นสิทธิของตัวการที่จะตรวจสอบตัวแทนหรือถอนการเป็นตัวแทนได้ตามประสงค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวแทนละเมิดพันธกิจที่ได้รับมอบหมายจากตัวการ

ในศาสนาอิสลาม ผู้ปกครองไม่ใช่เป็นผู้มีอำนาจโดยเด็ดขาด แต่ถือเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อาจมีถูกมีผิด อาจเป็นคนยุติธรรมและไม่ยุติธรรม และเป็นสิทธิของประชากรมุสลิมทั่วไป ที่จะทำการแก้ไข หากผู้ปกครองทำผิด

นี่คือสิ่งที่ประกาศโดยผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวมุสลิมรองจากศาสนทูตของพระเจ้า – ขอให้พรของพระเจ้าและสันติจงมีแด่ท่าน- คอลีฟะฮ์ทั้งสี่ คุลาฟาอ์รอชิดูนอัลมะฮ์ดียูน ที่เราถูกบัญชาใช้ให้ปฏิบัติตามซุนนะห์ของพวกเขาอย่างเข้มงวด เนื่องจากถือเป็นการสืบทอดจากครูคนแรก นบีมูฮัมหมัด – ขอให้พรของพระเจ้าและสันติจงมีแด่ท่าน

ในสุนทรพจน์ครั้งแรกของคอลีฟะฮ์ท่านแรก อาบูบักร์ ท่านกล่าวว่า“ โอ้ประชาชนของฉัน หากพวกท่านเห็นว่าฉันทำถูก ก็จงสนับสนุนฉัน แต่หากเห็นว่าฉันทำผิดก็จงแก้ไขให้ถูก จงเชื่อฟังฉันตราบเท่าที่ฉันเชื่อฟังอัลลอฮ์ หากฉันฝ่าฝืนต่อพระองค์ พวกท่านก็ไม่ต้องเชื่อฟังฉันต่อไป”

ท่านอุมัร คอลีฟะฮ์ท่านที่ 2 กล่าวว่า ” ขอพระเจ้าทรงเมตตาบุคคลที่ชี้แนะฉันถึงความผิดพลาดของฉัน” และว่า “หากเห็นว่าฉันทำผิดก็จงแก้ไขให้ถูก” พวกเขาจึงกล่าวว่า “โอ้บุตรคอตตอบ หากเราเห็นท่านทำผิด เราจะแก้ไขด้วยดาบของเรา”

ครั้งหนึ่งสตรีนางหนึ่งตอบโต้ท่านขณะปราศรัยอยู่บนแท่นมิมบัร ท่านอุมัรไม่ได้โกรธคืองอะไรเลย ซ้ำยังกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้ถูก อุมัรผิด”

ท่านอาลี ได้กล่าวกับชายคนหนึ่งที่โต้แย้งท่านว่า “ฉันมีทั้งที่ถูกและผิด”

{وفوق كل ذي علم عليم} (يوسف : 76).

“และพระองค์ทรงรู้เหนือผู้รู้ทุกคน” (ยูซุฟ : 76)

อิสลามนำหน้าในการกำหนดหลักการ

อิสลามนำหน้าประชาธิปไตยในการกำหนดหลักการที่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยดังกล่าว แต่ปล่อยรายละเอียดไว้สำหรับความอุตสาหะพยายามของมุสลิมในการวิเคราะห์วินิจฉัยจากแหล่งมาของบทบัญญัติ และสอดคล้องกับผลประโยชน์ทางโลก พัฒนาการชีวิต ตามความเหมาะสมของเวลา สถานที่และบริบทของสังคม

(มีต่อ)

อ่านบทความต้นฉบับ

https://www.al-qaradawi.net/node/3775?fbclid=IwAR2CCbcZr-E1yiMBQ2wFqZ_TsvmpzPrQ-Vmuwh2KT0mB5RnEgQL0ZIbHDqo


แปลสรุปโดย Ghazail Benmad