บทความ บทความวิชาการ

ขุดโคตรรอฟิเฎาะฮฺ ตอนที่ 1

อุละมาอฺอุศูลได้ตั้งกฎกติกาไว้ว่า “การวินิจฉัยชี้ชัดสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถือเป็นส่วนหนึ่งของทัศนวิสัยต่อสิ่งนั้น” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เราไม่สามารถชี้ชัดฟันธงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนกว่าเราจะรู้แจ้งเห็นจริงสิ่งนั้นอย่างชัดเจนด้วยปัญญาของตนเองอย่างทะลุปรุโปร่งเสียก่อน

เช่นเดียวกันกับกรณี รอฟิเฎาะฮฺ ก่อนที่เราจะตัดสินว่ากลุ่มลัทธินี้จะผิดถูกอย่างไร เราควรต้องศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อนว่ารอฟิเฎาะฮฺคือใคร อะไรคือแก่นแกนคำสอนของพวกเขา หลักอะกีดะฮฺและหลักชะรีอะฮของพวกเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไร อะไรคือเป้าหมายและความใฝ่ฝันสูงสุดของพวกเขา สภาพปัจจุบันของพวกเขาเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้คือโจทย์สำคัญและกุญแจหลักที่เราจะไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกทางมากขึ้น

รอฟิเฎาะฮฺคือใคร
ก่อนอื่น ผู้เขียนต้องขอเรียนว่า บางครั้งผู้เขียนใช้”รอฟิเฎาะฮฺ” แทนคำว่า”ชีอะฮฺ” ซึ่งคิดว่า
ท่านผู้อ่านคงจะเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้ เมื่ออ่านบทความนี้จนจบครับ

ความจริงมันไม่ใช่เป็นปัญหาทางภูมิศาสตร์ ชาติพันธุ์ หรือปัญหาด้านพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้านตามที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นปัญหาที่ได้หยั่งลึกจนกระทบถึงแก่นแกนทางอะกีดะฮฺ ชะรีอะฮฺและประวัติศาสตร์ที่เราต้องหวนกลับศึกษารากเหง้าของปัญหาทั้ง 3 ประเด็นนี้อย่างเข้าถึงจริงๆ

ขอเริ่มประเด็นทางประวัติศาสตร์ก่อนครับ

นักประวัติศาสตร์ได้มีทัศนะที่หลากหลายว่า ชีอะฮฺมีจุดเริ่มต้นอย่างไร แต่เกือบทุกทัศนะเห็นพ้องกันว่าหลังจากฟิตนะฮฺการฆาตกรรมท่านอุษมาน บินอัฟฟาน ชาวมุสลิมยุคนั้นได้แตกออกมาเป็นสองขั้วใหญ่ๆ(ถึงแม้มีกลุ่มน้อยที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดก็ตาม) ขั้วแรกเป็นกลุ่มที่สนับสนุนอะลีเป็นเคาะลีฟะฮฺ ซึ่งถือเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ ส่วนขั้วที่สองสนับสนุนท่านมุอาวิยะฮฺที่ปักหลักที่เมืองชาม แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มที่สนับสนุนท่านอะลี คือกลุ่มที่มีหลักอะกีดะฮฺและชะรีอะฮฺที่เหมือนกับกลุ่มชีอะฮฺในปัจจุบัน ประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มนี้คือประเด็นทางการเมืองและที่มาของอำนาจการปกครองเท่านั้น ท้้ั้งสองฝ่ายยังยึดมั่นตามหลักการชาวสุนนะฮฺทุกประการ และท่านอะลีก็ไม่ได้
เรียกร้องและเชิญชวนสู่อะกีดะฮฺและชะรีอะฮฺใหม่ตามความเชื่อของชีอะฮฺยุคปัจจุบัน แม้กระทั่งชาวสุนนะฮฺส่วนใหญ่ในยุคนั้นจนถึงยุคนี้ก็เห็นว่า ฝ่ายอะลีมีความชอบธรรมมากกว่าฝ่ายมุอาวิยะฮฺด้วยซ้ำ ชาวสุนนะฮฺ ยังรักและชื่นชมท่านและครอบครัวท่านเหมือนเศาะฮาบะฮฺท่านอื่นๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพวกเขาได้ขอบะเราะกะฮฺจากอัลลอฮฺด้วยการตั้งชื่อลูกหลานตามชื่อของท่านและลูกหลานของท่านเสมอมา นี่คือจุดยืนของชาวสุนนะฮฺที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน ในขณะเดียวก็เห็นว่าฝ่ายมุอาวิยะฮฺก็ได้อิจญ์ติฮาดแล้ว แต่การอิจญ์ติฮาดของเขาอาจพลาดพลั้งไป ซึ่งตามหลักการแล้ว เมื่อมุจญ์ตะฮิดได้อิจญ์ติฮาดในประเด็นหนึ่ง หากเขาถูก เขาจะได้ผลบุญสองเท่า คือผลบุญของการอิจญ์ติฮาดและผลบุญของความถูกต้อง ส่วนผู้ที่อิจญ์ติฮาดพลาดพลั้งไป เขาจะได้รับเพียงผลบุญเดียวคือผลบุญของการอิจญ์ติฮาดเท่านั้น ท่านมุอาวิยะฮฺจึงเข้าข่ายของผู้อิจญ์ติฮาดที่พลาดพลั้ง เราจึงขอดุอาให้อัลลอฮฺทรงอภัยโทษในความผิดพลาดของเขา เราไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านในทางที่เสียหาย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ปักใจเชื่อว่าพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มะอฺศูม(ได้รับการปกป้องไม่ให้กระทำบาปเหมือนบรรดานบี) พวกเขาคือมนุษย์ปุถุชนที่มีทั้งถูกต้องและพลาดพลั้ง แต่ความประเสริฐของพวกเขายิ่งใหญ่กว่าและสามารถลบล้างความผิดพลาดของพวกเขาได้ พวกเขาคือประชาชาติที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ละคนก็ได้รับผลการตอบแทนจากอัลลอฮฺอย่างยุติธรรมที่สุด ทั้งการกระทำที่ดีและไม่ดี แล้วเราเป็นใครที่หาญกล้าฟันธงว่าใครผิดใครถูก ในขณะที่เราเพิ่งเกิดมาตามหลังพวกเขาเป็นพันๆปี หากการบริจาคทานของเรามีจำนวนมากมายก่ายกองเท่ากับโลกนี้ทั้งใบ ยังไม่สามารถเทียบได้กับการบริจาคของพวกเขาเท่าอุ้งมือ ท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัร บินอับดุลอะซีส เราะหิมะฮุลลอฮฺได้กล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ทำให้มือของเราปลอดภัยจากการหลั่งเลือดพวกเขา ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่ต้องรักษาลิ้นของเรามิให้ใส่ร้ายเกียรติศักดิ์ศรีของพวกเขา” เพราะการรักพวกเขาคือสัญลักษณ์ของอีมาน ในขณะที่ชิงชังและเคียดแค้นพวกเขาคืออัตลักษณ์ของชาวมุนาฟิกและซินดีก(ผู้บิดเบือน)

สรุปแล้ว ชีอะฮฺตามสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านอะลีเลย และท่านอะลีก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับหลักอะกีดะฮฺและหลักชะรีอะฮฺของลัทธิกลุ่มนี้ ชีอะฮฺอะลียุคแรกคือกลุ่มที่สนับสนุนท่านอะลีและเห็นว่าท่านอะลีมีความเหมาะสมกับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺมากกว่าท่านมุอาวียะฮฺ ทั้งสองฝ่ายนี้มีความขัดแย้งประเด็นทางการเมืองและที่มาของอำนาจทางการปกครองเท่านั้น ไม่ได้ขัดแย้งด้านอะกีดะฮฺและชะรีอะฮฺแต่ประการใด ชีอะฮฺอะลีในยุคแรกคือชาวสุนนะฮฺที่สนับสนุนอะลีในประเด็นความเหมาะสมการเป็นเคาะลีฟะฮฺเท่านั้น ไม่ใช่เหมือนชีอะฮฺที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักการอิสลามเหมือนปัจจุบัน

ต่อภาค 2 >> https://www.theustaz.com/?p=4378


โดย ทีมงานวิชาการ