ข่าว ข่าวต่างประเทศ

ตุรกีกับการกลับสู่อ้อมกอดอิสลาม

เหตุการณ์ที่กลุ่มก่อการร้ายระเบิดพลีชีพไนท์คลับที่นครอิสตันบูล เมื่อกลางดึกในคืนต้อนรับปีใหม่ปี 2017 โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลแอร์โดอานที่เป็นรัฐแซคิวล่าร์ เป็นรัฐบาลนอกรีต นิยมชื่นชอบ(วะลาอฺ)ศัตรูอิสลาม ส่วนพรรคยุติธรรมและพัฒนา(AK) เป็นพรรคที่ไม่มีส่วนใดๆกับอิสลาม อีกทั้งยังอนุญาตให้มีการเปิดโสเภณีอย่างกว้างขวาง อนุญาตให้ชายหาดเป็นที่เปลือยกายอย่างเสรี ลดภาษีเหล้าและสถานอบายมุข โดยที่พวกเขาไม่เคยนำหลักฐานการใส่ร้ายเหล่านี้มาแสดงต่อสาธารณชนแม้แต่ชิ้นเดียว

ผู้คนที่เสพข่าวลวงประเภทนี้ จะคล้อยตามการโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้จรรยาบรรณนี้อย่างหัวปักหัวปำ โดยเฉพาะข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อโชเชี่ยลที่มีเทคนิกการหลอกลวงแพรวพราว หลายคนจึงตกกับดักของแนวคิดตักฟีรีย์(ตัดสินมุสลิมตกเป็นกาฟิร)ชนิดกู่ไม่กลับ هدانا الله جميعا

ตุรกียุคแอร์โดอานและพรรค AK ได้รับมรดกบาปที่สืบทอดจากรัฐบาลเซคิวล่าร์ที่ได้หยั่งลึกเข้าไปในสังคมตุรกีเกือบ 1 ศตวรรษ พวกเขาได้วางกฎเหล็กและรัฐธรรมนูญเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบเพื่อปราบปรามอิสลามโดยเฉพาะ ในขณะที่ฝ่ายทหารก็ใช้อำนาจก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า

ลองพลิกดูประวัติศาสตร์ของรัฐบาลตุรกีช่วง 1950-1960 ที่นายอัดนาน แมนดรีสเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านได้พยายามฟื้นฟูและเรียกคืนตัวตนแห่งอิสลามของตุรกีด้วยการอนุญาตอะซานเป็นภาษาอาหรับอีกครั้ง อนุญาตเปิดโรงเรียสอนศาสนาอิสลามและภาษาอาหรับ สร้างมัสยิดจำนวน 10,000 หลัง สร้างโรงเรียนท่องจำอัลกุรอาน 20,000 แห่ง สร้างวิทยาลัยผลิตนักเผยแพร่อิสลาม 22 แห่ง ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับโลกอาหรับ ตลอดจนขับไล่ทูตอิสราเอลเมื่อปี 1957 แต่เขาถูกทหารยึดอำนาจในปี 1960 และถูกตัดสินชีวิตด้วยการแขวนคอพร้อมด้วยรัฐมนตรีอีก 2 ท่าน ด้วยข้อหาเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติและบริหารแผ่นดินที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันเคมาลิสต์

เราไม่เคยลืมโศกนาฏกรรมทางการเมืองของ ศ.ดร.นัจมุดดีน อัรบะกาน บิดาแห่งการเมืองตุรกี ที่ถูกอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญครอบงำและเฝ้าระวังทุกจังหวะก้าว ตลอดระยะเวลาของการโลดเล่นบนถนนทางการเมืองของท่าน

คนฉลาดมักจะใช้คนอื่นเป็นบทเรียน แต่คนโง่มักจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นเสมอ

แอร์โดอานจึงใช้บทเรียนในอดีตเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ที่พยายามเพาะหน่อไม้ต่างพันธุ์ท่ามกลางกอไผ่ที่หนาทึบ การที่มันจะชูช่อแข่งขันกับดงหนามที่คอยทิ่มแทงและสกัดกั้น ย่อมต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ชาญฉลาด ผ่อนปรน ใจกว้างและมองการณ์ไกล ไม่บุ่มบ่ามใจร้อนหรือสร้างปราสาททราย

บทความนี้มีวัตถุประสงค์นำเสนอผลงานเชิงประจักษ์ในมิติทางศาสนาและความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมสู่กลิ่นไอแห่งอิสลามอย่างชัาๆแต่มั่นคงภายใต้การบริหารประเทศของพรรค AK โดยไม่พูดถึงความสำเร็จด้านต่างๆทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยรวม ซึ่งสรุปได้ดังนี้

1. ระหว่างปี 2002-2013 รัฐบาลตุรกีสร้างมัสยิด 17,000 หลัง และบูรณะซ่อมแซมสถานอิบาดะฮ์ยุคอุษมานียะฮ์หลายพันแห่ง

2. ยกเลิกกฎหมายห้ามมุสลิมะห์แต่งฮิญาบตามสถานราชการและสถานศึกษา โดยกรณีนางมัรวะห์ (Merve Safa Kavakci) สส. หญิงคนแรกที่ใส่ฮิญาบสังกัดพรรคคุณธรรมอิสลามที่ชนะเลือกตั้งเป็น สส. ในปี 1999 สุดท้ายนางถูกขับไล่ออกจากสภาฯในสภาพที่น่าหดหู่ท่ามกลางเสียงโห่ไล่ของสมาชิกสภาฯผู้ทรงเกียรติ ต่อมานางถูกถอนสัญชาติและเนรเทศจนต้องลี้ภัยที่สหรัฐฯ แต่ยุคแอร์โดอาน นางได้รับคืนสัญชาติตุรกีอีกครั้งและได้รับการแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกัวลาลัมเปอร์ ปัจจุบันในสภาตุรกีมีสส. มุสลิมะฮ์ที่ใส่ฮิญาบกว่า 20 ท่าน มีรัฐมนตรีมุสลิมะฮ์ใส่ฮิญาบ 1 ท่าน และผู้พิพากษามุสลิมะฮ์สวมฮิญาบอีก 1 ท่าน

3. จำนวนนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนสอนศาสนา (อิมามคอเต็บ) เพิ่มจาก 65,000 คน เมื่อปี 2002 เป็น 658,000 คนในปี 2013 และปัจจุบันมีนักเรียนที่เรียนในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ทั่วโลก 1 ล้านคน

4. บรรจุหลักสูตรอิสลามศึกษาในโรงเรียนสังกัดรัฐบาลตั้งแต่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งที่ผ่านมาหลักสูตรนี้กลายเป็นหลักสูตรต้องห้าม

5. ในปีการศึกษา 2014 กระทรวงศึกษาธิการตุรกีได้บรรจุวิขา ภาษาอุษมานีย์ (ภาษาตุรกีเขียนด้วยอักขระอาหรับ) เป็นวิชาบังคับ อนูญาตให้นักเรียนที่จบ ป. 4 ขึ้นไปสามารถลาเรียน 2 ปี เพื่อเข้าหลักสูตรท่องจำกุรอาน และยกเลิกหลักสูตรภาคปฏิบัติวิธีการเสิร์ฟเหล้าในวิทยาลัยที่สอนหลักสูตรการท่องเที่ยว

6. ยกเลิกการกำหนดอายุ 12 ปี สำหรับนักเรียนที่ต้องการท่องจำอัลกุรอาน โดยที่รัฐบาลประกาศในปี 2013 ให้โอกาสเด็กก่อนวัยเรียนสามารถเรียนอัลกุรอานในโครงการ Qur’an Courses for Preschoolers

7. ปี 2013 รัฐบาลตุรกีออกกฎหมายห้ามจำหน่ายเหล้าและธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทตั้งแต่เวลา 22.00-06.00 ทุกวัน โดยไม่จำกัดวันและสถานที่ พร้อมห้ามโฆษณาเหล้าตามสื่อต่างๆทั่วประเทศ จนทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ที่อิสตันบูล

8. รัฐบาลพรรค AK ได้มีมาตรการเปลี่ยนผับบาร์จำนวนหลายแห่งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวปลอดเหล้า

9. แอร์โดอานถูกสื่อฝ่ายตรงกันข้ามโจมตีว่าต้องการทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองอิสลามและละทิ้งเซคิวล่าร์ หลังจากที่ท่านพูดคุยแก้ปัญหาโสเภณีในระยะยาว ท่านยังถูกกล่าวหาเป็นคนล้าหลัง คร่ำครึเนื่องจากจัดโครงการละหมาดขอฝน แต่ภายหลังไม่กี่ชั่วโมง ฝนได้เทลงมาอย่างหนัก ทำให้ฝ่ายต่อต้านต้องปิดปากเงียบ

10. ภายในปี 2018 ตุรกีกำหนดเปิดสถาบันทางการเงินอิสลามจำนวน 170 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันในลักษณะนี้เป็นสถาบันผิดกฎหมาย

11. ปี 2013 รัฐบาลประกาศจัดระเบียบหอพัก ด้วยการห้ามนักศึกษาที่เรียนในสังกัดรัฐบาล เข้าพักรวมกันระหว่างหญิงชาย โดยตั้งเป้าว่าในปี 2014 จะไม่มีสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนใช้ห้องพักปนกันระหว่างชายหญิง

12. ปี 2016 แอร์โดอานเรียกร้องให้มีผู้แทนของประเทศมุสลิมเข้าเป็นสมาชิกในประเทศสมาชิกถาวรสหประชาขาติ เพราะทั้ง 5 ประเทศในปัจจุบันถือเป็นผู้แทนของกลุ่มประเทศคริสเตียนและคอมมิวนิสต์เท่านั้น ซึ่งสามารถใช้อำนาจวีโต้อย่างอิสระเสรี

13. แอร์โดอานเคยถูกจับเข้าคุกในปี 1997 ฐานอ่านกลอนต้องห้ามที่ถูกตัดสินว่าสร้างความขัดแย้งในสังคม ทั้งๆที่กลอนดังกล่าวปรากฏในตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งต่อมาแอร์โดอานได้อ่านกลอนดังกล่าวในรัฐสภาอีกครั้ง ข้อความส่วนหนึ่งได้แก่
– มัสยิดคือค่ายทหารของเรา
– โดมคือหมวกของนักรบ
– หออะซานคือหอกทวน
– ศรัทธาชนคือพลทหารกล้า
– นี่คือทหารอันบริสุทธิ์ที่จะปกป้องศาสนาของเรา

14. รัฐบาลตุรกีจัดขบวนยุวชนที่มีอายุ 7 ขวบ นับหมื่นคน เดินถือป้ายตามท้องถนนอิสตันบูล พร้อมข้อความว่า “เรามีอายุ 7 ขวบแล้ว เราพร้อมจะรักษาละหมาดและท่องจำอัลกุรอาน” พร้อมจัดรางวัลทั่วประเทศสำหรับยุวชนที่ปฏิบัติตามโครงการนี้ โดยเฉพาะละหมาดศุบฮิโดยญะมาอะฮ์ที่มัสยิด


นี่คือส่วนหนึ่งของผลงานรัฐบาลแอร์โดอานที่บางกลุ่มได้ฟัตวาท่านว่าเป็นมุนาฟิก นอกรีต ฏอฆูตและใฝ่เซคิวล่าร์
ถามว่า
เราเคยมีผู้นำเซคิวล่าร์คลั่งประชาธิปไตยคนไหนบ้างในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำสิ่งดังกล่าว แม้เพียงข้อเดียวก็ตาม

ในเวลาเที่ยงวันอันสดใส ไร้เมฆหมอก
ยังมีบางคน ที่กระวนกระวายท่ามกลางความมืดมน
เราจะโทษดวงอาทิตย์
หรือดวงตาอันมืดบอดกันแน่


บทความนี้ เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 07-01-2017 http://www.turkpress.co/node/29821

ถอดความโดย Mazlan Muhammad