ตะกอนความคิด บทความ

กินไม่มีขอบเขตคือเหตุแห่งหายนะ

ความคิดความเชื่อเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิต มนุษย์จะมีความคิดความเชื่อเป็นของตนเอง หากคิดผิดหรือเชื่อผิดๆ มนุษย์ก็จะทำผิดโดยปริยาย แม้แต่ในเรื่องกิน ถ้ากินสิ่งผิดเพราะความเชื่อผิด ในที่สุดชีวิตและสังคมก็วิบัติ

ในตอนเป็นเด็ก ผมเคยเห็นกรรมกรชาวจีนจับหางลูกหนูตัวแดงๆที่เพิ่งคลอดออกมาใหม่ๆและยังไม่ลืมตาใส่ปากกินสดๆตามด้วยเหล้าขาวหรือเหล้าโรงเพราะเชื่อว่าการเปิบอาหารเมนูพิสดารนี้จะช่วยเพิ่มกำลังวังชา ผู้หญิงบางคนเห็นภาพหรือแค่เพียงได้ยินคำบอกเล่าจะเกิดอาการขยะแขยงจนตัวสั่นขึ้นมาทันที บางคนถึงขั้นอาเจียนออกมา

ปัจจุบันนี้ ภาพดังกล่าวไม่มีให้เห็นอีกแล้วเพราะกรรมกรส่วนใหญ่หันมาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาที่ผ่านหูผ่านตาทุกวันว่าเครื่องดื่มชูกำลังจะให้พลังดุจช้างสาร ด้วยความหลงเชื่อเช่นนี้เอง แรงงานไทยทั่วประเทศจึงร่วมกันสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่เจ้าของบริษัทผลิตเครื่องดื่มชูกำลังจนเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศในขณะที่แรงงานไทยยังจนกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในเรื่องอาหารชูกำลังยังมีให้เห็นอยู่ตามร้านอาหารป่าในบางจังหวัด เช่น การกินดีงูผสมเหล้าโรง เป็นต้น และอาหารประเภทนี้นิยมกินกันสดๆ นั่นคือ ต้องกรีดท้องงูเอาดีงูมาใส่แก้วเหล้าต่อหน้าลูกค้าเพื่อให้ดื่มกันทันที

ในประเทศจีน หมีหลายตัวต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกจับขังไว้ในกรงและถูกเจาะท้องเพื่อเอาดีมากินเป็นยาอายุวัฒนะตามความเชื่อของคนจีน เสือถูกล่าเพื่อเอากระดูกไปทำยาและเอาหนังไปปูพื้นหรือติดผนังเพื่อสร้างบารมี เพื่อนชาวสิงค์โปร์ของผมคนหนึ่งเคยพูดติดตลกว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มีสี่ขา คนจีนกินทั้งนั้น ยกเว้นโต๊ะ

หลายเดือนที่ผ่านมามีข่าวออกมาเป็นระลอกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้จับผู้ลักลอบนำสุนัขและสัตว์ป่าหลากชนิดไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการนำไปทำอาหารชุดเปิบพิสดารตามความเชื่อของผู้คนที่นั่น ลักษณะการกินอย่างไม่มีขอบเขตเช่นนี้บ่งบอกให้รู้ว่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งในยุคนี้ยังมีวิถีการกินเหมือนกับคนป่าที่ไร้อารยธรรม หากไม่สร้างความตระหนักถึงเรื่องนี้ให้แก่มนุษย์ ภัยพิบัติจะมาเยือนมนุษย์ในไม่ช้า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมศาสนาจึงมีคำสอนที่จำกัดขอบเขตการกินของมนุษย์

คำสอนของทุกศาสนาที่ห้ามกินเนื้อของสัตว์ที่ใช้เขี้ยวและกรงเล็บจับเหยื่อเป็นอาหารมิใช่คำสอนที่ไร้เหตุผล เพราะนอกจากเนื้อของสัตว์ประเภทนี้ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการแล้ว สัตว์กินเนื้อยังมีจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์กินพืช และมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาสมดุลทางนิเวศ

หลายคนที่เคยดูสารคดีธรรมชาติคงรู้ดีว่าสัตว์ประเภทหนู กระต่าย เก้ง กวางและควายป่าสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว เรือกสวนไร่นาของใครถูกฝูงหนูรุกรานเมื่อใด หายนะก็มาเยือนเจ้าของไร่นานั้นทันที สัตว์กินเนื้อประเภทนกฮูก นกเค้าแมว เหยี่ยวและงูจึงถูกสร้างมาเพื่อกำจัดหรือลดจำนวนสัตว์เหล่านี้ลงเป็นการรักษาสมดุลทางธรรมชาติและรักษาพืชผลที่มนุษย์ปลูกไว้

ฝูงควายป่านับหมื่นตัวเดินทางไปยังแหล่งหญ้าที่ใด มันจะกินหญ้าจนบางแห่งไม่เหลือหญ้าไว้ปกคลุมดิน ถ้าฝนไม่ตกหลายปี ทุ่งหญ้าแห่งนั้นอาจกลายเป็นทะเลทราย สัตว์ประเภทเสือ สิงโตหรือหมาป่าจึงถูกสร้างมาเพื่อลดจำนวนประชากรสัตว์กินพืชที่หากมีมากไปอาจทำลายดุลทางนิเวศ

การล่าสัตว์ป่าที่มีเขี้ยวและกรงเล็บจับเหยื่อจึงเป็นการทำลายเครื่องมือรักษาสมดุลทางธรรมชาติโดยน้ำมือของมนุษย์

เหตุผลที่ศาสนากำหนดขอบเขตการบริโภคโดยห้ามกินเนื้อสัตว์และอาหารบางอย่างก็เพื่อรักษาดุลทางนิเวศไว้ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เอง แม้แต่สัตว์ก็ถูกกำหนดขอบเขตในการกินไว้เช่นกัน เช่น แพะ แกะ วัวและควายต้องกินหญ้า ถ้าสัตว์พวกนี้กินโดยไม่มีขอบเขตและสามารถกินสัตว์อื่นๆรวมทั้งมนุษย์ด้วย ลองจินตนาการดูก็แล้วกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ถ้าการกินเนื้อสัตว์ป่าดังกล่าวเป็นสาเหตุแห่งความหายนะได้ถึงขนาดนั้น ลองจินตนาการต่อไปอีกสักนิดว่าถ้ามนุษย์กินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า เช่น กินหิน กินดิน กินทรายจนเลยเถิดไปถึงกินบ้านกินเมือง อะไรจะเกิดขึ้น?

ถ้าสัตว์จะกินดิน มันก็กินแค่ดินโป่งเพียงเพราะร่างกายต้องการแร่ธาตุบางอย่าง เมื่อเพียงพอแล้ว มันก็หยุดกิน แต่มนุษย์นั้นแม้ล้นกระเพาะแล้วก็ยังกินไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์ยังมีลักษณะการกินที่แปลกไปจากสัตว์อีก นั่นคือ กินใต้โต๊ะและกินตามน้ำ

เพราะกินกันอย่างไม่มีขอบเขตเช่นนี้เองที่เป็นสาเหตุแห่งความหายนะ

เขียนโดย Banjong Binkason