สาระสันทนาการ เดินทาง/ท่องเที่ยว

ซินเจียง : หนึ่งในปลายทางที่ชวนหลงใหล ตอนที่ 5

เหตุการณ์ในรัฐยะไข่ของพม่าตามหน้าสื่อโซเซียล (ช่วงเดินทาง สิงหาคม 2017 เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์รัฐยะไข่แพร่กระจายในโลกโซเซียลพอดี) บั่นทอนอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่จะร้อยเรียงเรื่องเล่าบันทึกการเดินทางประจำวันในค่ำคืนนี้

เราลงจากเนินเขา อุทยานคานาสือ เดินทางระยะไกลหลายชั่วโมง เพื่อมาตั้งหลัก ณ เมืองใหม่ นาม Kuytun หรืออีกชื่อคือ ตู๋ซานจื่อ ใกล้ที่หมายตามโปรแกรมท่องเที่ยวในวันรุ่งขึ้น

ทางผ่านการนั่งรถจากเหนือสุดซินเจียงลงมาเมืองใหม่ บัสนำเรากลับทางเดิมที่เราไปเมื่อสองวันก่อน แต่ตอนนั้น วิวรายทางก่อนถึงคานาสือถูกความมืดอาบไล้จนมองไม่เห็นความมหัศจรรย์ระหว่างเส้นทางสู่เทือกเขาสูง การเดินทางกลับในวันนี้จึงทำให้เราสัมผัสอิ่มเอิบกับทิวทัศน์สองข้างทางที่แสนงดงาม อลังการงานรังสรรค์ ภูเขาสูงชัน สลับที่ราบทุ่งหญ้า และกระโจมชาวพื้นเมือง กับฝูงปศุสัตว์ที่ถูกปล่อยเสรีให้แทะเล็มหญ้าท่ามกลางสภาพอากาศและภูมิประเทศอันน่าหลงใหล มันคงเป็นปศุสัตว์ที่มีความสุขที่สุดแห่งหนึ่งในโลกใบนี้ทีเดียวก็เป็นได้ ขุนเขาและที่ราบอันกว้างใหญ่ ถูกถนนหนึ่งสายทอดยาวตัดแบ่งออกเป็นสองฟาก ความเวิ้งว้างของอาณาบริเวณ ความเบาบางของผู้คนอาศัยและสัญจร ทำให้ถนนสายนี้ดูมีมนต์ขลัง อยากยืนนิ่งๆอยู่กลางถนนสายนั้นแล้วเพ่งมองจุดหมายปลายทางสุดถนนออกไปให้นานเท่านาน

ตามโปรแกรมของวันนี้ เราจะแวะเพียงจุดเดียวคือธารน้ำห้าสี ที่เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางทะเลทรายโกบีอันยิ่งใหญ่พร้อมทั้งโอบล้อมด้วยธรรมชาติ เมื่อยามดวงอาทิตย์สาดส่องลำธาร ธารน้ำแห่งนี้จะปรากฏเป็นสายรุ้งห้าสี แต่ออกจะเสียดายที่สภาพอากาศวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจ แดดแรงที่เราต้องการกลับถูกหมู่เมฆและเม็ดฝนบาง ๆ ลดทอนความสวยงามลงไป แต่เราก็ยังคงได้เดินชมดินผสมหินหลากสีรอบ ๆ แนวลำธารนั้น แผ่นดินที่ถูกสายน้ำและสายลมกัดเซาะ จนทิ้งร่องรอยคล้ายแกรนด์แคนยอนหลายสีสวยงาม

วันนี้ทีมพร้อมใจกันสวมเสื้อทีมสีเขียว ที่ผ่านความร่วมมือทั้งออกแบบโลโก้ การโหวตแบบ การติดต่อร้าน และการไปรับเพื่อแจกจ่ายจากสมาชิกร่วมทริปก่อนกำหนดโปรแกรมราวๆ 1 เดือน เรียกความสนใจจากจีนเจ้าของประเทศได้ระดับหนึ่งทีเดียว

ใช้เวลาที่ธารน้ำห้าสีพอหอมปากหอมคอ จึงได้เวลาอาหารเที่ยงและการเดินทางต่ออีกหลายชั่วโมง

ค่ำแล้ว รถนำเรามาถึงเขตเมืองใหม่ Kuytun คำถามแรกที่ทีมถามไกด์คือ ทำไมดูมืด ๆ ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ตึกรามบ้านช่องก็ดูใหม่ ๆ แต่พอเข้าไปในตัวเมืองที่ลึกขึ้น กลับเริ่มเห็นอาคารต่าง ๆ ประดับไฟดูทันสมัยงดงาม ไกด์บอกว่า ที่นี่คือเมืองใหม่ที่รัฐบาลจีนสร้างไว้ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้คนที่ต้องสัญจรผ่านทาง

เมืองใหม่ ที่ดูใหม่ แสงสีทันสมัย แต่สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่งคือ ป้ายไฟ ป้ายร้านยามค่ำคืน อักษรอาหรับมันหายไปไหน เหตุใดจึงหลงเหลือแต่ภาษาจีนโดดเด่นมาแต่ไกล ทั้งที่เส้นทางผ่านก่อนหน้านี้เราจะเห็นอักษรภาษาอาหรับปรากฎคู่กับอักษรจีนแทบจะเป็นการทั่วไป

หรือว่านี่คือ วัฒนธรรมความเป็นหนึ่งเดียวที่จีนแผ่นดินใหญ่กำลังยัดเยียดสู่แผ่นดินตะวันตกสุดของประเทศ รองรับการเคลื่อนย้ายของประชากรจีนจากส่วนกลางเพื่อเจือจางความเป็นอูยกูร์ออกไป

คล้าย ๆ การยึดครองแผ่นดินอย่างไร้ความชอบธรรมแล้วสร้างนิคมที่อยู่อาศัยบนเศษซากความสูญเสีย พร้อมเคลื่อนย้ายชนชาติยิวจากนานาประเทศสู่ดินแดนปาเลสไตน์  และอาจมีความหมายคล้าย ๆ การทำลายอัตลักษณ์-ตัวตน-และการคงอยู่ของมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ในตอนนี้ 

#เพียงแต่วิธีการที่อาจต่างกัน

เขียนโดย ลาตีฟี