สาระสันทนาการ เดินทาง/ท่องเที่ยว

สลินดงบายู ตำนานแห่งเมืองสาย

อำเภอสายบุรีเป็นอีกหนึ่งอำเภอของจังหวัดปัตตานีที่มีแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่ควรรู้และน่าสนใจมากมาย มีท่าเรือใหญ่ในอดีตที่บรรดาพ่อค้าต่างประเทศมาค้าขายกันเป็นจำนวนมาก พอถึงช่วงมรสุม พ่อค้าเดินเรือมักหลบพายุบริเวณนี้ จึงกลายเป็นที่มาของคำว่าสลินดงบายู ซึ่งหมายถึงหลบพายุนั่นเอง

ใครที่ยังมีปัญหาคาใจกับลูกๆหรือสมาชิกในครอบครัวเรื่องพาเที่ยว วันนี้ขอเสนอโปรแกรม One day One night trip for family แบบจุใจคับแก้วสไตล์ theustaz.com นะครับ

เริ่มทริปนี้ด้วยจุดแรกที่ภูเขาสลินดงบายู ซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขาด้านหลังสำนักงานเทศบาลอำเภอตะลุบัน เป็นปากถ้ำขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีหินปิดสนิท ชาวตะลุบันมักใช้เวลาว่างเดินวิ่งในตอนเช้าและตอนเย็น  กลายเป็นลานกีฬาประจำชุมชนก็ว่าได้  งานนี้หากร่างกายไม่ฟิตพอ มีหอบแน่ครับ แต่เชื่อว่าหากสามารถพิชิตเขาสลินดงบายูลูกนี้ได้ พร้อมชมทัศนียภาพรอบ ๆ ตัวอำเภอแบบ 360 องศา ซึ่งมีทั้งภูเขาทะเล แม่น้ำและบ้านในตัวอำเภอสายบุรีแล้ว ขอประกันว่าหายเหนื่อยเลยครับ

ที่สำคัญทั้งร่างกายและชุดกีฬาต้องพร้อมครับ ขอแนะนำว่าโปรแกรมนี้ ยิ่งเช้าก็ยิ่งดี ใครที่ประเมินตัวเองไม่ผ่าน ก็ต้องยอมรอด้านล่างก่อน เพราะทางขึ้นทั้งสูงทั้งชัน ส่วนใครที่มั่นใจในสุขภาพของตัวเอง นอกจากถนนสูงชันแล้ว ก็มีบันไดกว่า 300 ขั้น ท้าพิสูจน์สมรรถภาพทางหัวเข่าได้ครับ ไต่ไปหอบไป ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง ไม่ไหวจริง ๆ ก็พักคุยเก็บอาการไปพลางๆ ใช้เวลาที่นี่ไม่เกิน 1 ชม. ครับ

มีเรื่องราวลี้ลับควบคู่กับภูเขาลูกนี้ ซึ่งถือเป็นตำนานเล่าขานที่ยังมีกลิ่นอายของความเชื่อในภูตผีปีศาจและเมืองลับแลของคนในอดีตที่ตกทอดกันมา ผู้ปกครองควรใช้โอกาสนี้ ปลูกฝังลูกหลานให้รู้จักหลักความเชื่อที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ตามคำสอนอิสลาม เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว อยู่ที่ผู้ใหญ่จะแต่งแต้มสีอะไรลงไป

ลงจากเขาก็ไปชมจุดที่สองคือ วังพระยาสายบุรี วังเจ้าเมืองโบราณสายบุรี วังที่ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองปัตตานี สร้างเมื่อพ.ศ. 2428 ตัววังจะเป็นอาคารไม้ทั้งหลังสร้างด้วยไม้ตะเคียน เป็นอาคารสองชั้นหลังคาทรงปั้นหยา เป็นเรือนมุสลิมที่ได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมของชาวชวา ในบริเวณวังพระยาสายบุรี มีมัสยิดรายาสร้างเมื่อ พ.ศ.  2428 เช่นกัน เป็นมัสยิดหลังแรกของเมืองสายบุรี ตัวอาคารเป็นรูปทรงปั้นหยาตามสถาปัตยกรรมชาวชวา ปัจจุบันได้รับการต่อเติมและบูรณะจากกรมศิลปากร มัสยิดรายาแห่งนี้คือจุดที่สามที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

ตรงข้ามวังพระยาสายบุรี ก็เป็นวังพิพิธภักดี บริเวณด้านหน้ามีหอนาฬิกาเทศบาลเมืองตะลุบันสูงเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นจุดที่สี่ของทริปนี้ รอบ ๆ วังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายผลไม้ ถือเป็นย่านเศรษฐกิจของชาวตะลุบันที่ใครแวะเวียนแถวนี้ก็ต้องสะดุดตา ขอกระซิบดัง ๆ ว่าแหล่งช็อปชิมของจริงในเมืองตะลุบัน ก็อยู่แถวนี้แหล่ะครับ มื้อเที่ยงอย่าให้พลาดเชียว แต่หากจะลิ้มลองบรรยากาศร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในเมืองตะลุบัน ก็ขอแนะนำ ครัวนาซิ อุลังค์ บังเฮ เลยครับ

ในตำนานเล่าว่า ความจริงวังพิพิธภักดีเรือนนี้ ไม่ใช่เป็นวัง แต่เป็นเรือนหอของหลานเจ้าเมืองสายบุรีคือตนกูอับดุลมุตอเล็บ ซึ่งได้แต่งงานกับลูกเจ้าเมืองยะหริ่งจึงสร้างเรือนหอแยกออกมาเป็นส่วนตัวแต่ที่เรียกวังพิพิธภักดี เพราะเป็นการให้เกียรติบุคคลสำคัญของวังยะหริ่งและวังสายบุรี

วังพิพิธภักดีเคยถูกทิ้งร้างมานานเกือบ 40 ปี เนื่องจากทายาทเจ้าของเดิมได้ขายจนกระทั่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งต่อมาเจ้าของไม่ได้ใช้งานจึงได้ประกาศขาย ทางชมรมมุสลิมะห์สายบุรีจึงติดต่อขอซื้อเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547 ในราคา 10,500,000 บาท เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนและเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ควบคู่กับชาวตะลุบันต่อไป

ผู้เขียนมีความผูกพันกับที่นี่ เพราะครั้งหนึ่งเคยเวียนวนใช้ชีวิตในละแวกนี้เป็นเวลานานถึง 4 ปี กับเสื้อและกางเกงชุดขาวของโรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา บ่อยครั้ง หลังเลิกเรียนต้องเดินจากโรงเรียนมาที่นี่ เพื่อดูบอลทีมโปรด “ฉลามบก” ระยะทางไปกลับราว 5 กม. สมัยนั้นชิว ๆ มาก หรือไม่ก็ขึ้นรถโดยสารไม้โบราณสุดคลาสิก เพื่อซื้อข้าวซื้อปลาที่ตลาดสดตะลุบัน ซึ่งต้องผ่านเส้นทางนี้ประจำและทุกครั้งที่ดูบ้านสีขาวสะดุดตาอาคารร้างหลังนั้น ก็เกิดคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นของใครผู้ใดกัน 

หลังรับประทานอาหารมื้อเที่ยง สถานที่เช็คอินจุดที่ห้าประจำทริปนี้คือ มัสยิดตะลุบัน เพื่อละหมาดซุฮรีและอัศรี สำหรับผู้เดินทาง มัสยิดแห่งนี้ขึ้นชื่อเป็นมัสยิดที่มีระบบการบริหารจัดการอันโดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะการบริหารจัดการบัยตุลมาล โดยใช้ระบบซะกาตชุมชนมาประยุกต์ใช้ สามารถเก็บซะกาตได้ปีละหลายล้านบาท โดยข้อมูลจากอิมามหนุ่มชื่ออุสต๊าซฮาซัน มูดาวีย์ระบุว่า ในปีฮ.ศ.1442 ที่ผ่านมา มัสยิดสามารถเก็บซะกาตรวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท นอกจากนี้ มัสยิดยังมีการจัดการศึกษา ตั้งแต่อนุบาลและประถมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอิมามนักพัฒนาผู้ล่วงลับ อุสต๊าซหะซัน นิมะตุลลอฮ์ (เราะฮิมะฮุลลอฮ์) เป็นผู้บุกเบิกและวางฐานที่มั่นคง ให้ชนรุ่นหลังได้สานต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากนี้ เป็นโหมดของหาดวาสุกรี มนต์เสน่ห์ของสลินดงบายู ซึ่งทริปนี้ขอแนะนำโฮมสเตย์ใหม่ซิงๆ ชนิดโฟร์อินวันไปเลย ถึงแม้ยังอยู่ในระหว่างเตรียมพร้อม แต่ห้องนอน และห้องน้ำสำหรับ 1-2 ครอบครัว ขอการันตีว่าพร้อมบริการ

สลินดงบายูบีข คือแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่อยากแนะนำประจำทริปนี้ครับ ตั้งอยู่ตรงกันข้ามศูนย์ศิลปาชีพบ้านปาตาติมอ

ที่นี่มีพร้อมทั้งห้องอาหาร ห้องพักแบบโฮมสเตย์ ห้องประชุมขนาด 30 คน ร้านมินิมาร์ท สนามขับรถเด็กแบตเตอรี่ที่เตรียมให้เด็ก ๆ สนุกสนานเต็มอิ่มถึง 15 คัน เราสามารถจัดโปรแกรมช่วงเย็นด้วยการขับเรือกอและ ชมวิวแม่น้ำสายบุรีทั้งสองฟากฝั่ง สัมผัสชีวิตวิถีชุมชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งหาหอยปลาเพื่อเตรียมปิ้งย่างในคืนนี้ หากจับปลาไม่ได้ ก็มีแผงขายอาหารทะเลสดๆที่อยู่ไม่ไกลจากสลินดงบายูบีขมากนัก รับรองว่าทั้งสดทั้งราคาถูก ช๊อปจนมือแทบสั่น คืนนี้หลังกิจกรรมปิ้งย่าง ก็นอนพักที่นี่สักคืน รอลุ้นกิจกรรมเข้าวันรุ่งขึ้น ติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอัดลี สือนิ  โทร 0862979732

พรุ่งนี้เช้า ตื่นตาตื่นใจกับการล่องเรือสู่เกาะยือลาปีหรือเกาะเลาปี เป็นเกาะที่นักดำน้ำยกย่องให้เป็นเกาะมหัศจรรย์ของอ่าวไทยตอนล่าง ถือเป็นจุด Unseen แห่งใหม่ของจังหวัดปัตตานี เป็นเกาะเดี่ยวกลางทะเล หากยืนอยู่บนเกาะสามารถชมทิวทัศน์ท้องทะเลในมุม 360 องศา ใต้ผืนทะเลรอบ ๆ เกาะมีดอกไม้ทะเลและทุ่งปะการัง เช่น ปะการังฟองน้ำครก รวมถึงฝูงปลาจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับคือกัลปังหาสีชมพู กัลปังหาที่บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ถึงขีดสุดของท้องทะเลอ่าวไทย ใครรักการดำน้ำ ชื่นชอบชีวิตใต้ท้องทะเล “เกาะยือลาปี” คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด ชาวบ้านบอกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงทะเลกำลังสวย คลื่นสงบ

เกาะนี้ก็ไม่พ้นตำนานอภินิหารที่เป็นเรื่องราวเล่าขานมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น ซึ่งไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้ปกครองควรปลูกฝังให้ลูกหลานเคารพเขื่อฟังพ่อแม่ และอันตรายของลูกอกตัญญู โดยยกคำสอนที่ถูกต้องในอิสลามจะดีที่สุดครับ 

ทริปล่องเรือชมเกาะยือลาปีควรเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ควรพกพาน้ำดื่มและอาหารเช้ารองท้องไปก่อน แล้วกลับมาที่พักสิบโมงเข้า พร้อมข้าวยำตะลุบันที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในปฐพี 

อย่าลืมว่าทริปนี้เป็นทริปครอบครัวหรือเพื่อนฝูง อย่าละเลยเรื่องละหมาดตามผู้นำ ขอย้ำเรื่องความสะอาด และมารยาทต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ

ขอให้สนุกกับทริปนี้และเดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพ

วัสสลาม


โดย Mazlan Muhammad