นิทานชวนคิด “ให้…คือสุขที่ไม่สิ้นสุด”

สองคนศิษย์อาจารย์เดินทางผ่านไร่สวนแห่งหนึ่ง ระหว่างทาง ทั้งสองพบรองเท้าเก่าๆ คู่หนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นของคนสวนที่ลืมทิ้งไว้

ศิษย์จึงเสนออาจารย์ว่า หากเราแกล้งเจ้าของรองเท้า ด้วยการซ่อนรองเท้าคู่นั้น แล้วเราคอยดูว่า เจ้าของรองเท้าจะมีท่าทีอย่างไร ทำได้ไหมครับ

อาจารย์จึงตอบว่า เราไม่จำเป็นต้องสนุกสนานบนความโศกเศร้าของคนอื่นเลย เจ้ามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เจ้าควรเนรมิตความสุขให้แก่เขา ด้วยการวางเงินในรองเท้าคู่นั้น แล้วเราคอยแอบดูว่า เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

ศิษย์จึงทำตามข้อเสนอของอาจารย์ สักครู่ ก็มีชายแก่คนหนึ่งมาหารองเท้าของเขา

ชายแก่คนนั้น สวมใส่รองเท้า แต่เขาต้องประหลาดใจที่พบเงินจำนวนหนึ่งในรองเท้า เขาจึงมองรอบๆด้วยความแปลกใจ เขาร้องให้ด้วยความดีใจ เเละก้มสุญูดขอบคุณอัลลอฮ์ในความกรุณาครั้งนี้ พร้อมรำพันว่า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงรับรู้ว่า ขณะนี้ ภรรยาข้ากำลังป่วยหนัก ลูกๆของข้ากำลังร้องให้ด้วยความหิวโหย พระองค์ได้ช่วยเหลือข้าและครอบครัวของข้าแล้ว

ณ ต้นไม้ใหญ่ที่ทั้งสองซ่อนตัว อาจารย์สอนศิษย์ว่า บัดนี้ หัวใจของเจ้าพองโตอย่างเบิกบาน ซึ่งมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น หากเจ้าปฏิบัติตามข้อเสนอของเจ้าในครั้งแรก

ศิษย์ก้มศีรษะอย่างยอมรับว่า นี่คือบทเรียนที่ฉันไม่มีวันลืมเลือน  และรู้ซึ้งถึงประโยคที่ฉันไม่เคยรู้เลยว่า “เมื่อท่านให้ ท่านจะเป็นผู้ที่เบิกบานดีใจยิ่งกว่าที่ท่านรับ”

อาจารย์จึงแทรกบทเรียนว่า

ศิษย์รัก พึงรู้ว่า การให้ มีหลายประเภท

            ⁃          อภัยในขณะที่มีความสามารถตอบโต้คือ “ให้”

            ⁃          ดุอาต่อพี่น้องลับหลัง คือ “ให้”

            ⁃          มองโลกในแง่ดีคือ “ให้”

            ⁃          ไม่ซ้ำเติมเพื่อนที่กำลังถูกนินทาคือ “ให้”

            ⁃          ซับน้ำตาและสร้างรอยยิ้มแก่ผู้ที่กำลังเดือดร้อนคือ “ให้”

            ⁃          ช่วยเหลือพี่น้องยามตกทุกข์ได้ยากคือ “ให้”

และ “ให้” ที่ง่ายที่สุด ที่แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลยคือ “ปันรอยยิ้มแก่พี่น้อง”

“ให้” คือการรับที่ไม่สิ้นสุด

“ให้” คือการเพิ่มพูนอันนิรันดร์


เล่าโดย Mazlan Muhammad

จุดยืนของพวกเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เมื่อฉันได้ยินคำประกาศของผู้นำและบรรดานักการเมืองฝรั่งเศส ที่ไม่แยแสกรณีการบอยคอตสินค้าโดยชาวมุสลิมทั่วโลก เพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลฝรั่งเศสที่สนับสนุนการเผยแพร่ภาพการ์ตูนดูหมิ่นนบีมูฮัมมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ซึ่งพวกเขาได้ยืนยันว่า “เราจะไม่ยอมก้มหัวกับการข่มขู่เหล่านี้และเราไม่มีวันละทิ้งจุดยืนของเรา

ทำให้ฉันนึกถึงคำยืนยันของชาวอวิชชายุคแรกที่อัลกุรอานได้เล่า (ความว่า)

“และพวกหัวหน้าของพวกเขาพากันออกไป (พลางกล่าวว่า) “จงก้าวหน้าต่อไปและอดทน ในการยึดมั่นต่อบรรดาพระเจ้าของพวกท่านต่อไป! แท้จริงเป็นเรื่องที่ถูกวางแผนไว้แล้ว” (ศอด/6)

ใช่ซิ จุดยืนของพวกท่านเป็นเหตุให้เด็กแรกเกิดจำนวน 60 % กลายเป็นลูกนอกสมรส

จุดยืนของพวกท่าน ได้ทำให้สตรีถูกกระทำชำเราในทุกๆ 7 นาที จนทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงเพื่อปกป้องสตรีมาหลายครั้งหลายหน

จุดยืนของพวกท่าน เป็นเหตุให้ในทุกๆ 3 วัน จะมีสุภาพสตรีชาวฝรั่งเศสถูกฆาตกรรมโดยสามี เพื่อนชายหรือคู่ชีวิตของนาง

จุดยืนของพวกท่าน ทำให้สตรีถูกล่วงละเมิดทางเพศบนขนส่งสาธารณะ ที่แม้กระทั่งหน่วยงานสิทธิสตรีของฝรั่งเศสก็ออกมายอมรับ

จุดยืนของพวกท่าน เป็นเหตุให้สถาบันทางครอบครัวล่มสลาย และทำให้ฝรั่งเศสออกกฎหมายห้ามบุตรบุญธรรมเรียกผู้อุปการะซึ่งเป็นคู่ชีวิตร่วมเพศว่า พ่อหรือแม่ แต่บัญญัติให้เรียกว่า พ่อคนที่1 และพ่อคนที่ 2 แทน

จุดยีนของพวกท่าน ได้ทำให้พวกท่านสร้างสุสานแห่งปารีสที่อัดแน่นด้วยกระดูกและหัวกะโหลกหลายล้านชิ้น จากร่างไร้วิญญาณกว่า 6 ล้านชีวิต เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์สุดสยองให้แขกมาเชยชมด้วยความภาคภูมิใจ

จุดยืนของพวกท่าน ได้จับขังชาวแอฟริกา ยัดเข้าในสวนสัตว์มนุษย์ แล้วเชิญชวนทุกคนมาชมเหมือนดูสัตว์ประหลาดภายใต้ชื่ออันสวยหรูว่า นิทรรศการทางชาติพันธุ์ แต่ในความเป็นจริงคือความอัปยศของการเหยียดผิวที่รุนแรงที่สุดที่สร้างโดยอารยธรรมชาติตะวันตก

จุดยืนของพวกท่าน ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการปล้นสะดมความร่ำรวยของชาวแอฟริกา แล้วปล่อยให้พวกเขาเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในโลก ใช้ชีวิตอย่างหิวโหย อดตายอย่างทรมาน

ด้วยทัศนคติอันบิดเบี้ยวของพวกท่านที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเช่นนี้ พวกท่านยังกล้ามาสอนอิสลามให้แก่เราอีกหรือ

แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า อิสลามคือก่อการร้าย


โดย Mazlan Muhammad

คนทำงานเพื่อศาสนากับคนทำงานแอบอ้างศาสนา มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

وهناك فرق بين الذي يخدم الدين والذي يستخدم الدين لأن الذي يخدم الدين دائما يقف بجانب المظلوم ‏لأن محاربة الظلم جوهر كل الأديان والذي يستخدم الدين دائما يقف بجانب  الظالم لأنه في الحقيقة  يتاجر بالدين لا غير

คนทำงานเพื่อศาสนากับคนทำงานแอบอ้างศาสนา มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เพราะคนทำงานเพื่อศาสนา เขาจะอยู่เคียงข้างผู้ถูกอธรรม และจะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผู้อธรรมเสมอ เพราะการต่อต้านอธรรมคือแก่นแกนของคำสอนทุกศาสนา

ในขณะที่คนทำงานแอบอ้างศาสนา เขาจะสนับสนุนผู้อธรรมเสมอ เพราะในความเป็นจริง เขาเป็นเพียงคนฉวยโอกาสใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือเท่านั้น


ศ. ดร. มูฮัมมัด อัลมุคตาร์ อัชชันกีฏีย์

ศาสตราจารย์ด้านจริยธรรมการเมือง มหาวิทยาลัยหะมัด บินเคาะลีฟะฮ์ ประเทศกาตาร์

ตักที่ใส ไสที่ขุ่น

หลายสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ผมเคารพส่งข้อความสั้นๆทางไลน์แต่สะกิดใจมาก

ท่านฝากข้อความว่า

“ ตักที่ใส ไสที่ขุ่น”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินสำนวนนี้ ทำให้นึกถึงสำนวนมลายูที่ว่า
“Ambil yang jernih, buang yang keruh”
พอไปดูสำนวนอังกฤษพบสำนวนว่า
“Take clear, clear clouds”
สำนวนอาหรับที่มีความหมายคล้ายกันคือ
خذ ما صفا ودع ما كدر

เข้าใจว่า สมัยก่อน วิถีชีวิตชาวบ้านต้องบริโภคน้ำจากบ่อน้ำหรือบึง ซึ่งอาจมีน้ำขุ่นผสมอยู่ด้วย ภูมิปัญญาชาวบ้านจึงสอนว่า เมื่อเจอแหล่งน้ำที่มีทั้งขุ่นและใส เราควรตักที่ใส แล้วไสที่ขุ่น เพื่อสามารถนำมาดื่มได้ ไม่ใช่ปฏิเสธและไม่ใช้ประโยชน์จากบ่อนั้นเลย

ทักษะการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันก็เช่นกัน เรามีบ่อทางปัญญา แหล่งข้อมูลและองค์ความรู้มากมายที่ผสมปนเปกันทั้งที่ใสสะอาดและขุ่นมัว โดยเฉพาะกับพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และมีสติ เราจำเป็นต้องแยกแยะว่าอันไหนใสสะอาดที่สามารถใช้ประโยชน์ได้และอันไหนที่ขุ่นที่อาจสร้างอันตรายถึงชีวิตได้

เช่นเดียวกันกับการคบเพื่อน การทำงานในองค์กร การใช้ชีวิตในครอบครัวและอื่นๆ เราจะใช้ความสามารถในการแยกแยะระหว่างน้ำใสและน้ำขุ่นได้อย่างไร

เช่นเดียวกันกับระบอบประชาธิปไตยในบริบทสังคมมุสลิมที่มีสถานะเป็นชนกลุ่มน้อยและไม่ใช่เป็นแกนรัฐบาล ในเมื่อยังไม่มีแหล่งน้ำอันบริสุทธิ์ เราจึงมีความจำเป็นต้องเลือกส่วนที่เป็นน้ำใส และพยายามไสส่วนที่เป็นน้ำขุ่น หากเราปฏิเสธทั้งระบบ เราจะขาดน้ำจนเป็นอันตรายแก่ขีวิตได้

ขอบคุณท่านอาวุโสที่ฝากข้อคิดนี้ครับ

Best Practices ในวงการศึกษา

Best Practices

ทุกครั้งที่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล สิ่งหนึ่งที่เป็นความประทับใจที่พบเห็นในห้องตรวจของแพทย์เฉพาะทางคือมีนักศึกษาแพทย์มาเฝ้าสังเกตการรักษาผู้ป่วยของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งสองคุยกันด้วยภาษาที่คนป่วยอย่างผมรู้เรื่องบ้างและไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สรุปคือไม่รู้เรื่องครับ

ผมสังเกตว่าอาจารย์หมอจะพยายามถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของตนให้นศ. แพทย์เข้าใจกับเคสจริง โดยพยายามโยงใยกับทฤษฎีที่ได้ร่ำเรียนมา ซึ่งในบางครั้งก็สอดแทรกกับการค้นพบเคสใหม่ๆที่นักศึกษาแพทย์ต้องรู้เท่าทัน

ผมไม่ทราบว่ากิจกรรมนี้ ในกลุ่มหมอหรือนักศึกษาแพทย์มีศัพท์เรียกว่าอย่างไร แต่ที่ผมสนใจคือกระบวนการส่งต่อความรู้ให้คนรุ่นใหม่ (Coaching) ภายใต้การชี้แนะจากคนรุ่นก่อนอย่างลงตัวที่สุด

ผมเชื่อว่าในวิชาชีพอื่นๆ ก็จะมีวัฒนธรรมองค์กรในลักษณะนี้เช่นกัน

ในวงการศึกษาบ้านเรา ผมเชื่อว่า เรามีกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในลักษณะนี้มากมายเช่นเดียวกัน แต่อาจเน้นด้านการอบรมและการเขียนรายงานโดยส่วนใหญ่ ที่บางครั้งต้องทุ่มเทกับงานเอกสารจนเบียดบังเวลาการทำงานของคุณครู

โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการตัรบียะห์ตามสถาบันการศึกษาอิสลามที่จำเป็นต้องนำ Best Practices มาถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ เพื่อการพัฒนาต่อยอดต่อไป

ในวงการแพทย์ ความผิดพลาดในการรักษาคนป่วยแม้เพียงน้อยนิด อาจส่งผลต่อชีวิตโดยทันที ความผิดพลาดต้อง 0%

แต่ความผิดพลาดในวงการศึกษาและการตัรบียะฮ์ มันจะส่งผลในระยะยาวที่นานมาก นานจนกว่าจะรู้ตัวอีกครั้ง สังคมเรา อาจจะคลาคล่ำไปด้วยเยาวชนที่มีบุคลิกอันทุพพลภาพ มีอัคล้ากอันพิกลพิการ อีมานที่อ่อนแอ และการดำรงตนในศาสนาที่เฉื่อยชา

สาเหตุหลักเพราะเราละเลยกับ Best Practices และไม่ค่อยมี Coaching นี่เอง

เราจึงงงงวยกับผลผลิตของเราที่สร้างมากับมือ


โดย Mazlan Muhammad

ฮิจเราะฮ์สอนอะไรให้เราบ้าง

เรารักท่านอบูอับดิลลาฮฺฮูเซ็น บินอะลี และพี่ชายของท่าน คือฮะซัน บินอะลี رضي الله عنهم ชาวสุนนะฮ์ ถือว่าทั้งสองคือผู้นำเยาวชนในสวรรค์ การรักท่านทั้งสอง คือสัญญานของผู้ศรัทธา การเกลียดท่านทั้งสองคือสัญญานของมุนาฟิกและซินดี้ก

แต่เราจะไม่รักท่านฮูเซ็นจนเลยเถิด จนก้าวข้ามความรักที่อัลลอฮ์และรอซูลสอนไว้ เราจะไม่เสียใจจนตีโพยตีพาย ร้องห่มร้องไห้ ตบหน้า ทรมานตัวเองเพื่อแสดงความเสียใจจากการจากไปของท่าน ที่ผ่านพ้นไปแล้ว 1400 ปี

เพราะมีคนก่อนหน้าท่านที่ประเสริฐกว่าท่านมากมายที่โดนฆาตกรรมจนเสียชีวิต โดยเฉพาะบิดาของท่านคือท่านอะลี رضي الله عنه ก็เสียชีวิตเนื่องจากถูกฆาตกรรมเข่นกัน หากอิสลามสอนให้เราร่ำไห้ ทุบตีตัวเองเนื่องจากผู้นำโดนฆาตกรรมแล้ว

เราคงแทบไม่ต้องทำอะไร นอกจากร้องไห้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี  โดยเฉพาะในโอกาสการเวียนบรรจบของปีใหม่อิสลามตามฮิจเราะฮ์ศักราช

มุสลิมทั่วโลก น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ ถึงแม้นักประวัติศาสตร์ระบุว่า นบีเริ่มฮิจเราะฮ์ไปยังอัลมะดีนะฮ์ในเดือนเราะบีอุลเอาวัลก็ตาม แต่กลับมีกลุ่มชนที่แอบอ้างว่ารักนบี แต่ไม่เคยพูดถึงความสำคัญของการฮิจเราะฮ์ของนบีเลย

พวกเขาแทบไม่เคยกล่าวถึงสหายเดินทางของนบีที่เสี่ยงชีวิตอยู่ในถ้ำและร่วมเดินทางพร้อมกับนบีในการเดินทางที่อันตรายที่สุดจนถึงนครมะดีนะฮ์โดยปลอดภัย พวกเขาแทบไม่เคยพูดถึงบุรุษผู้ริเริ่มปีฮิจเราะฮ์เป็นปีในปฎิทินอิสลาม

หนำซ้ำยังกล่าวหา ด่าทอ สาปแช่งท่านทั้งสองด้วยประโยคที่พวกเขาไม่เคยกล่าวแก่อบูญะฮัลหรืออบูละฮับเลย

พวกเขาแทบไม่เคยพูดถึงสหายท่านนบีนับพันที่เสียสละยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องนบีและอิสลาม รวมทั้งบรรดามุฮาญิรีนที่อัลมะดีนะฮ์ที่ได้ทุ่มเทสนับสนุนช่วยเหลือคนต่างถิ่นที่มาขอพักพิง

พวกเขาไม่เคยกล่าวถึงสิ่งดีๆที่เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อประชาชาติของชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศ็อรแม้แต่น้อย

แต่มาเน้นเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของท่านฮูเซ็นที่กัรบาลาทุกคืนใน 10 วันแรกของเดือนมุฮัรรอม พร้อมเบี่ยงเบนตีความอัลกุรอานที่กล่าวว่า وليال عشر คือ 10 วันแรกของเดือนมุฮัรรอม ทั้งๆที่ในความเป็นจริงคือ 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮ์

หากประชาชาติอิสลามได้รับการถ่ายทอดความรู้ผ่านชุดความรู้จากกลุ่มลัทธิบูชาฮูเซ็นในลักษณะนี้ ถามว่า เราสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ฮิจเราะฮ์ของนบีจากแหล่งไหนได้บ้าง

นอกจากการร้องไห้ ทุบหน้าตัวเอง ฉีกเสื้อ ทรมานร่างกาย และโศกาอาดูรกับเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดมาตั้งแต่ 1400 มาแล้ว

ถามว่าฮิจเราะฮ์สอนอะไรเราได้บ้างครับ


โดย Mazlan Muhammad

การเอื้อเฟื้อที่ชั่วร้ายที่สุด

อิบนุตัยมียะฮ์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์กล่าวว่า
การเอื้ออาทรที่ชั่วร้ายที่สุดคือ การเอื้อเฟื้อที่ท่านได้มอบผลบุญความดีงามของท่านให้แก่คนอื่นในวันกิยามะฮ์ ด้วยการนินทา ใส่ไคล้ จาบจ้วง ให้ร้าย ด่าทอ สาปแช่งคนอื่น หรือพูดง่ายๆคือ อันธพาล

——————
จงระวังการเอื้อเฟื้อประเภทนี้
แอดมินจำได้ว่า เริ่มแรกที่เป็นครูโรงเรียนประถมที่ Sekolah Rendah Hira’, Klang, Selangor เมื่อ 25 ปีที่แล้ว นักเรียนชอบมาฟ้องว่าตนถูกเพื่อน Bully หรือบอกว่าคนนั้นชอบ Bully เพื่อน อาศัยที่เป็นคนบ้านนอกเข้ากรุงใหม่ๆ จึงไม่เข้าใจคำนี้ เลยถามเพื่อนครูแบบเขินๆว่า Bully คืออะไร ซึ่งเพื่อนก็อธิบายด้วยดี
หลังจากนั้น ก็ไม่เคยได้ยินคำนี้อีกเลย จนกระทั่งมีกระแสในโลกโชเชี่ยลปัจจุบัน
—————
นบีได้พูดถึงคนที่ชอบระรานและใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็นคนที่ล้มละลายตัวจริง เพราะในวันอาคิเราะฮ์ ความดีของเขาที่สะสมมาทั้งชีวิต จะถูกถ่ายโอนไปยังคนที่เขาเคยทำร้ายด้วยวาจาและการกระทำเพื่อไถ่บาป หากยังไม่เพียงพอ อัลลอฮ์จะถ่ายโอนบาปของคนที่เขาเคยทำร้ายมาให้เขา จนกระทั่งจากที่เขาเคยเป็นคนที่มีความดีมากมาย กลับกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยบาป จนกระทั่งเขาถูกตัดสินให้เข้านรก نعوذ بالله من ذلك
นี่คืออันตรายของ Bully

ยิ่งในตอนนี้ เราสามารถ Bully ผู้คน โดยที่เหยื่อแทบไม่มีโอกาสรู้จักเราด้วยซ้ำ
ยุคโซเชี่ยล ทำให้คนๆหนึ่งกร่างเมื่ออยู่คนเดียวหน้าจอ แต่ดูสุขุมคัมภีรภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน
————

บางคนหาญกล้า Bully อุละมาอฺที่เสียชีวิตไปแล้วร้อยๆปีด้วยผลงานอันมากมาย แต่เรากลับ Bully พวกเขาด้วยความญาฮิลของเรา
เรา Bully คนเดียวหน้าจอก็จริง
แต่คิดว่า จะรอดหรือ


โดย Mazlan Muhammad

ต้องรู้สัจธรรมและอยู่เคียงข้างผู้ยืนหยัดบนสัจธรรมด้วย

ต้องรู้สัจธรรมและอยู่เคียงข้างผู้ยืนหยัดบนสัจธรรมด้วย

ถึงแม้นายเคมาล อะต้าร์เตอร์กจะทำลายประชาชาติอิสลามจนแหลกลาญ สถาปนาลัทธิเคมาลิสต์ผู้คลั่งไคล้ในชาติพันธุ์และชื่นชมทุกอย่างที่ไม่ใช่คำสอนอิสลาม

ถึงแม้นายญะม้าล นัสเซอร์แห่งอิยิปต์ หะบี้บบูรกีบาห์แห่งตูนีเซีย กัดดาฟีแห่งลิเบีย จะกดขี่ประชาชนของตนเองและสร้างประเทศชาติเสมือนไร่นาหรือบริษัทส่วนตัว จนนำพาสังคมดำดิ่งลงในนรกบนดินอันแสนสาหัส ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร

ถึงแม้นายบัชชาร์จะสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวซีเรียนับล้านคนนานต่อเนื่องเป็นสิบๆปี ขับไล่ผู้คนออกจากบ้านเรือนนับสิบล้าน จนกระทั่งชาวซีเรียต้องกระเสือกกระสนระเหเร่ร่อนไปทั่วทุกมุมโลก ซีเรียที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นดินแดนมิคสัญญี

ถึงแม้นายโคมัยนีและสมุนในลัทธิของเขาได้สร้างนรกอเวจีให้กับโลกมุสลิมอย่างทนทุกข์ทรมานและโหดร้ายที่สุดชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์แม้กระทั่งความป่าเถื่อนของมองโกล

ถึงแม้นายยัสเซอร์ อะรอฟัตจะเป็นผู้นำต่อสู้กับยิว จนกระทั่งแผ่นดินปาเลสไตน์ถูกกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเขาเสียชีวิตและฝากทายาทที่นับถือบาไฮอย่างมะห์มูด อับบาสสืบสานเจตนารมณ์ทำสงครามมวยปล้ำกับยิวอย่างแข็งขันมาโดยตลอด

แม้กระทั่งนายซีซีย์ใช้ความบ้าระห่ำเข่นฆ่าหนุ่มสาวและประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวอิยิปต์พร้อมเปลี่ยนโฉมให้อิยิปต์ทั้งประเทศประสบภาวะฝืดเคืองทางเศรษฐกิจและผลผลิตยิ่งกว่าภาวะฝนแล้งยุคนบียูซุฟ อะลัยฮิสสลาม

แม้กระทั่งนายพลเฒ่าฮัฟตาร์แห่งลิเบียจะยอมลดตัวเองเป็นสุนัขรับใช้ตะวันตกเพื่อก่อกบฏรัฐบาลอันชอบธรรมที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและสหประชาชาติ จนทำให้ลิเบียลุกเป็นไฟและกลายเป็นประเทศไร้ขื่อแป

ถึงแม้บรรดาผู้นำหุ่นเชิดเหล่านี้จะถูกปลุกเสกเพื่อปฏิบัติภารกิจชั่วตามยุคสมัยเพื่อสกัดกั้นและเด็ดปีกของประชาชาติอิสลาม

ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านจะไม่พบงานเขียนใดๆที่เผยแพร่และเปิดโปงความชั่วร้ายของบุคคลเหล่านี้ ยกเว้นจะถูกซุกซ่อนบนชั้นวางหนังสือของผู้รักในอิสลามเท่านั้น

แม้กระทั่งผู้ที่อ้างว่ามีอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง ก็ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจขุดคุ้ยเรื่องราวของผู้นำหุ่นเชิดเหล่านี้มากนัก แต่สิ่งเดียวที่เป็นความทุ่มเทของพวกเขาคือศึกษารายละเอียดความผิดพลาดและข้อบกพร่องของผู้นำนักฟื้นฟูอิสลามอย่าง หะซัน อัลบันนา , อัลเมาดูดีย์ , ซัยยิด กุฏุบ ถึงแม้พวกเขาได้จากไปนับสิบๆปีและทิ้งผลงานอันมากมายต่อโลกอิสลามก็ตาม

ปัจจุบัน เชค ดร. ยูซุฟ อัลเกาะเราะฏอวีย์และลูกศิษย์ของเขา ก็จะกลายเป็นเหยื่อปากกาของพวกเขาที่จะเชือดเฉือน ใส่ร้ายและฟิตนะฮ์ทุกรูปแบบ จนกระทั่งผู้คนจะจดจำขึ้นสมองว่า บรรดานักฟื้นฟูอิสลามเหล่านี้มีอะกีดะฮ์ที่บิดเบือน เป็นผู้หลงผิดและทำให้ผู้คนหลงตาม พร้อมลืมเลือนพิพิธภัณฑ์แห่งความชั่วร้ายที่บรรดาผู้นำหุ่นเชิดสร้างมา

หลังจากนี้อีกสัก 20-30 ปี อนุชนอิสลามจะรับรู้ว่า ผู้นำอย่าง ดร. มุรซีย์แห่งอิยิปต์ แอร์โดอานแห่งตุรกี แม้กระทั่งแกนนำหะมาสที่ปาเลสไตน์ จะกลายเป็นบุคคลที่มีอะกีดะฮ์ผิดเพี้ยน เป็นสมุนรับใช้ยิว คนทรยศขายชาติและเป็นศัตรูอิสลาม

เหมือนที่ในขณะนี้ เยาวชนบางส่วนได้จดจำและเรียนรู้เรื่องราวของหะซันอัลบันนา อัลเมาดูดีย์และซัยยิดกุฏบว่าเป็นผู้มีอะกีดะฮ์ที่ลุ่มหลงและนำพาคนอื่นให้หลงตาม

สัจธรรมไม่ใช่ได้มาเพราะการแอบอ้าง แต่ต้องเรียนรู้ผู้นำพาสัจธรรมและเคียงคู่กับผู้ยืนหยัดในสัจธรรมด้วยครับ
اللهم اهدنا الصراط المستقيم صراط الذين أنعمت عليهم من النبيين والصديقين والشهداء والصالحين وحسن أولئك رفيقا آمين يا رب


เขียคโดย Mazlan Muhammad

หะซัน บันนา กิ่งก้านอันงดงามของต้นอมตะนิรันดร์

● ยินดีกับหนึ่งกิ่งก้านอันอวบอ้วนสมบูรณ์ของต้นอมตะนิรันดร์

[ … การสังหารคนดีๆในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย

อัลลอฮ์ลิขิต เจตนาให้คนเถื่อนสังหารบรรดานบีของพระองค์ในอดีตกาลที่ผ่านมา

เขาเหล่านั้นถูกเชือดฆ่า
ทั้งๆที่กำลังดำเนินภารกิจดะวะฮ์เรียกร้องสู่ศาสนาของพระองค์

การพบจุดจบเช่นนี้ในขณะปกป้องภารกิจไม่ให้ถูกทำลาย
เป็นสิ่งสลักสำคัญละหรือ
ผู้ใดแสวงหาสิ่งมีค่าก็ต้องกล้าเสี่ยง

โลกนี้ด้อยค่าจริง ณ อัลลอฮ์
เห็นได้จากการที่พระองค์ปล่อยให้ฝูงสุนัขผู้ละเมิดทุกกฎเกณฑ์ได้อยู่อย่างอิ่มหนำสำราญ

แต่ปล่อยให้ผู้นำพาสาส์นของพระองค์ถูกกระทำอย่างอดสู

องค์อภิบาลปฏิเสธที่จะให้บุคคลผู้ประเสริฐที่พระองค์เลือกสรร ให้กลับคืนสู่พระองค์อย่างปลอดภัย ไร้บาดแผลขีดข่วนจากร่องรอยการถูกทำร้ายในโลกมายา ภายหลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจของตนแล้ว

คนเลวจึงทิ่มแทงท่านอุมัรจนเสียชีวิต

คนเลวจึงเข่นฆ่าท่านอาลี

คนเลวจึงเข่นฆ่าหุซัยน์ หลานแท้ๆของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม

อาณาจักรแห่งคนเลวจึงวางแผนเข่นฆ่าหะซัน บันนา

ห่วงโซ่แห่งบรรดาวีรบุรุษชุฮาดาอ์จะทอดยาวไปทีละข้อ ตราบจนวันสิ้นโลก

ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีสัปประยุทธ์ระหว่างความสว่างกับความมืดมิด… ]


สรุปสาระบท غصن باسق فى شجرة الخلود
“หะซัน บันนา กิ่งก้านอันงดงามของต้นอมตะนิรันดร์”

โดยชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในตำรา تأملات في الدين والحياة “ครุ่นคำนึง ถึงศาสนา โลกและชีวิต”

ถอดความโดย Ghazali Benmad

ลูกหรือจะสู้นกกรงหัวจุก

ราว 10 ปีที่แล้ว
จำได้ว่า ไปบรรยายที่ มอ.ปัตตานี เรื่องบทบาทสตรีมุสลิมะฮ์ หลังบรรยายเสร็จมีสตรีคนหนึ่งยกมือนำเสนอว่า

“ อาจารย์คะ ช่วยไปบอกผู้เป็นพ่อใน 3 จว. ชายแดนใต้ทุกคนว่า หากพ่อทุกคนรักและเอาใจใส่ลูกของตนเอง ให้ได้ครึ่งหนึ่งที่เขารักและเอาใจใส่นกกรงหัวจุก รับรองว่า ลูกๆของเรา จะมีค่ามากกว่านกกรงหัวจุกหลายร้อยพันเท่า”

เสียงนั้น ยังคงก้องกังวาลในโสตประสาทของผมตลอดเวลา และผมได้ใช้เวทีต่างๆเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้สตรีคนนั้นมาโดยตลอดตราบที่มีโอกาส

โอกาสนี้ จึงขอใช้เวทีนี้ กระจายเสียงของนางอีกครั้งครับ


เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ