กิจกรรมประจำวันของทหารอิสราเอลที่แผ่นดินปาเลสไตน์

วิธีขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านตนเองเพื่อจะยึดแล้วสร้างนิคมใหม่ให้กลุ่มชาวยิวอพยพในอิสราเอลก็คือทหารอิสราเอลจะพากันไปที่บ้านหรือชุมชน ซึ่งเป็นเป้าหมาย จากนั้น ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้าน ให้เจ้าของบ้านออกจากบ้านไป พอเจ้าของบ้านทนแก๊สไม่ได้ ออกมาข้างนอกบ้าน ทหารอิสราเอลก็จะกันไม่ให้กลับเข้าบ้าน ยึดบ้านไว้เลย

จากนั้นก็ใช้รถแมคโครมาทุบบ้านและรถแทรกเตอร์ขนเศษหินออกไปจากบริเวณบ้าน จากนั้น ก็จะสร้างแฟล็ตหรืออพาร์ทเม้นท์ให้ชาวยิวอยู่แทน เป็นการปล้นกลางแดด โดยที่สื่อมวลชนไทยไม่เคยเสนอข่าวให้อ่านกันเลย

เหตุผลประการเดียวที่รัฐบาลอิสราเอลใช้เป็นข้ออ้างคือ เพื่อประกันความมั่นคงของชาวยิว ชุมชนปาเลสไตน์สร้างบ้านใกล้กับกำแพงมากเกินไป ทั้งๆที่ชุมชนปาเลสไตน์เกิดก่อนกำแพงยิวนานกว่า 1,000 ปี

บางกรณี ทหารยิวไปติดประกาศหน้าบ้านชุมชนปาเลสไตน์ พร้อมกำหนดเวลาให้รื้อบ้านและอพยพภายในเวลาที่กำหนด หากเลยเวลา ทหารยิวจะมาทุบทิ้ง และเจ้าของบ้านต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้แก่ผู้รุกราน

ข่าวคราวในลักษณะนี้ สื่อโลกโดยเฉพาะสื่อไทยไม่ค่อยนำเสนอ ทั้งๆที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเปิดเผยท่ามกลางสายตาของคนทั่วโลก และที่สำคัญ เป็นเหตุการณ์รายวันที่ยืดเยื้อนานนับศตวรรษ

โดยทีมข่าวต่างประเทศ

ทหารยิวใช้รถแทรกเตอร์กวาดศพหนุ่มปาเลสไตน์

23 กพ. 63 อัลจาซีร่าห์ นำเสนอคลิปวิดิโอที่ถูกเผยแพร่ตามสื่อโซเชียล เหตุการณ์ที่ทหารยิวใช้รถกวาดศพหนุ่มปาเลสไตน์ โดยมีรถถังอิสราเอลให้การคุ้มครองอยู่ใกล้ๆ ท่ามกลางเสียงปืนจากทหารยิวที่กราดยิงฝูงชนที่จะไปให้ความช่วยเหลือ

เหตุรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ฝั่งตะวันออกของเมืองคอนยูนุส ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซ่า โดยกลุ่มปกป้องปาเลสไตน์และกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ ได้ประณามอาชญากรรมครั้งนี้ พร้อมถือว่าเป็นการกระทำเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานและไร้มนุษยธรรม

นายเฟาซี บัรฮูม โฆษกกลุ่มฮามาสกล่าวว่า การที่รัฐบาลอิสราเอลได้ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ ไม่สามารถหยุดยั้งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวปาเลสไตน์ได้ มีแต่จะทำให้เรามีความเข้มแข็งที่เพิ่มพูน ในขณะที่นายมุศอับ อัลบุเร็มโฆษกกลุ่มญีฮาด อิสลามี กล่าวว่ารัฐเถื่อนอิสราเอลจะต้องชดใช้อาชญากรรมที่ได้กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ครั้งนี้

ดูรายละเอียดที่
https://www.aljazeera.net/news/politics/2020/2/23/%D9%81%D9%84%D8%B3%D8%B7%D9%8A%D9%86-%D8%BA%D8%B2%D8%A9-%D8%B4%D9%87%D9%8A%D8%AF-%D8%AE%D8%A7%D9%86%D9%8A%D9%88%D9%86%D8%B3-%D8%AC%D8%AB%D9%85%D8%A7%D9%86-%D8%B3%D8%AD%D9%84-%D8%A7%D9%84%D8%A7%D8%AD%D8%AA%D9%84%D8%A7%D9%84

นายก รมต. มาเลเซีย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง คาดจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่เย็นนี้

สำนักนายกรัฐมนตรี ปุตราจายา ออกหนังสือลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2020 ประกาศว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Tun Dr. Mahathir bin Mohammad ได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียแล้ววันนี้ และได้ส่งหนังสือไปยังพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียเวลา 13.00 น. วันนี้

สำนักนายกรัฐมนตรี
Putrajaya
24 Februari 2020

ทูตอังกฤษคนแรกที่ประกอบพิธีฮัจญ์

นายไซมอน คอลลินส์ (Simon Collins) อายุ 64 ปี ถือเป็นเอกอัครราชทูตอังกฤษคนแรกที่ประกอบพิธีฮัจญ์ เมื่อเข้ารับอิสลามหลังจากใช้ชีวิตกับชาวมุสลิมนานกว่า 30 ปี และกล่าวว่า ข้าพเจ้ารับอิสลาม หลังจากได้รับทราบแก่นแกนของอิสลามที่แท้จริง

เข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ โดยตลอดชีวิตราชการ เขาต้องไปประจำตำแหน่งที่ประเทศแถบตะวันออกกลางหลายประเทศ เช่น อิรัก ซีเรีย กาตาร์ คูเวต จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เยเมน ตูนิเซียและล่าสุดเมื่อปี 2015 รับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย จนกระทั่งเขาสามารถพูดและอ่านภาษาอาหรับได้อย่างแตกฉาน ซึ่งทำให้เขาใช้โอกาสศึกษาแก่นแท้ของอิสลามอย่างจริงจัง จนกระทั่งในปี 2011 เขาได้ประกาศรับอิสลามและได้แต่งงานกับสตรีชาวซีเรียชื่อฮูดา

ในปี 2016 ทั้งสองคนได้ประกอบพิธีฮัจญ์ ทำให้นายไซมอน คอลลินส์ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต่างประเทศอังกฤษตำแหน่งเอกอัครราชทูตคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ประกอบพิธีฮัจญ์

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ได้ยินยันข่าวดังกล่าว และถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะไม่ก้าวก่ายแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.sarayanews.com/print.php?id=387799
https://www.bbc.com/arabic/worldnews/2016/09/160915_uk_ambassador_hajj
https://www.rt.com/uk/359422-saudi-ambassador-muslim-convert/

แผนสกัดตุรกี

บทความร้อนๆ ของอิบรอฮีม กราฆูล บรรณาธิการ yenisafak นสพ.ตุรกี สายนิยมรัฐบาล (ตอนที่ 2)

อิหร่านแบกรับความผิดเท่ากับรัสเซียในการโจมตีอิดลิบและกองกำลังตุรกีที่นั่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ มิหนำซ้ำ ในความเป็นจริง ผู้ที่ดำเนินการโจมตีเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งจากอิหร่านและสมุนในซีเรีย

ไม่มีข้อสงสัยใดๆ สำหรับทุกคนในวันนี้ว่าประเทศทั้งสองใช้ข้อตกลงแอสตานาและโซซี เป็นเครื่องมือประวิงเวลาให้ระบอบอะซัด และเล่นเหลี่ยมกับตุรกี

เหมือนกับที่สหรัฐอเมริกาที่ได้ทำสัญญากับตุรกีหลายครั้ง เพื่อประวิงเวลาให้องค์กรการก่อการร้าย PKK ในซีเรียตอนเหนือ แต่อเมริกาไม่เคยทำตามข้อตกลงดังกล่าว ตอนนี้รัสเซียกำลังใช้กลยุทธ์เดียวกัน พวกเขากำลังล้อเล่นกับตุรกี

• เราจะโจมตีระบอบอะซัดในทุกหนแห่ง

สิทธิ์ของตุรกีในการป้องกันตัวเองไม่อยู่ภายใต้ “การต่อรอง”ใดๆ

ประธานาธิบดีแอร์โดฆานกล่าวว่า “เราจะโจมตีระบอบอะซัดทุกหนทุกแห่ง ถ้าเริ่มการโจมตีเราก่อน” เป็นวลีที่พิสูจน์ว่า เกิด “นิยามใหม่” ในสงครามซีเรีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเจรจาทางการเมืองกับรัสเซียเป็นพื้นฐานหลัก และการหารือกับสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องสำคัญ แต่สงครามซีเรียได้กลายเป็นสงครามกับตุรกีไปแล้ว

ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาจุดชนวนสงครามในซีเรียโดยมีเป้าหมายที่ตุรกี เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแผน “กดทับตุรกีไม่ให้โต” พวกเขาวางแผนและดำเนินการตามแผน “ทางผ่านของกลุ่มก่อการร้าย” ที่ทอดยาวจากชายแดนอิหร่านไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาด้วยรถบรรทุกหลายพันคันที่เต็มไปด้วยกระสุนเพื่อสร้าง “แนวหน้าต่อต้านตุรกี”

สำหรับตุรกีนั้น ได้ทำ “ปฏิบัติการโล่ห์ยูเฟรติส Euphrates Shield” “ปฏิบัติการกิ่งมะกอก” และ”ปฏิบัติการต้นน้ำสันติภาพ Spring of Peace” เพื่อปกป้องตัวเองและปกป้องดินแดนของอนาโตเลียเท่านั้น จุดยืนของตุรกีในอิดลิบและดินแดนที่ลึกเข้าไป เป็นการปกป้องตัวเอง และเป็นสิทธิ์ที่ไม่สามารถต่อรองได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

• การปิดล้อมในเขตซีเรีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ทะเลอีเจียนและทะเลดำ

• เราจะไม่ถอย !

ทั้งอเมริกาและรัสเซีย ไม่ควรมองความพยายามของตุรกีในการหาทางออกทางการเมืองว่าเป็น “ความอ่อนแอ” ยุคที่ตุรกีเอาตัวรอดและดำเนินนโยบายกลับไปกลับมาระหว่างอเมริกาและรัสเซีย หรือมหาอำนาจอื่นๆ ได้สิ้นสุดไปแล้ว

แผนที่ของมหาอำนาจทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เช่นเดียวกับสัญญานของตุรกีในการค้นหาอำนาจ และมุมมองต่อภูมิภาคและต่อโลกได้เปลี่ยนแปลงไป แล้ว เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ ที่สามารถรักษาความอยู่รอดของเราได้โดยการพัฒนา และเพิ่มความแข็งแกร่ง หรือจะถอยยอมแพ้

ไม่เคยปรากฏในช่วงเวลาใดๆ ในประวัติศาสตร์ของตุรกีว่า ตุรกีรักษาความอยู่รอดของตนโดยการถอย

พวกเขาเหล่านั้นดำเนินแผนการปิดล้อมตุรกีทุกด้าน จากซีเรีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ทะเลอีเจียนและทะเลดำ โดยมีเจตนาเพื่อกดทับตุรกีไม่ให้โต นี่คือจุดประสงค์ของแผนทั้งหมดที่พวกเขาได้ดำเนินการ และดำเนินการผ่านกลุ่ม PKK องค์กรก่อการร้ายกูเลน และฝ่ายการเมืองที่พวกเขาจัดตั้งขึ้นในตุรกี

อ่านตอนที่ 1 คลิ๊ก > https://www.theustaz.com/?p=2909

อ่านบทความต้นฉบับ https://m.yenisafak.com/ar/columns/ibrahimkaragul/2042780

โดย Ghazali Benmad

Fake News | เฟสบุ๊ค“องค์กรพลังชาวพุทธ”เผยแพร่ข่าวปลอม ระบุว่ามัสยิดเกิน100แห่ง ทั่วเมืองเชียงใหม่

ข่าวปลอม เฟสบุ๊ค “องค์กรพลังชาวพุทธ” เผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ระบุว่า ที่เชียงใหม่เกิน 100 มัสยิด พร้อมเขียนข้อความลงวันที่ 17 กพ. เวลา 08.36 น. ว่า #อาการสาหัส มุสลิมบุกหนัก

theustaz.com ได้ตรวจสอบข้อมูลจากข้อมูลทางการพบว่า ในจังหวัดเชียงใหม่มีมัสยิด 17 แห่งในจำนวนนี้มี 3 แห่งที่ยังไม่ได้รับจดทะเบียน

โปรดดู > https://bit.ly/2P4K5Rm

theustaz.com เห็นว่า ข้อมูลที่องค์กรพลังชาวพุทธนำเสนอนั้น เป็นข้อมูลที่เป็นเท็จและส่อเจตนาสร้างความแตกแยกในสังคม ขัดแย้งกับหลักธรรมของพุทธศาสนาที่สอนให้พุทธศาสนิกชนดำรงตนให้เป็นคนดี ไม่พูดปดและถือว่าการพูดโกหกเป็นการฝ่าฝืนศีล 5 ข้อที่ 4 คือตั้งใจงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วจะไม่หลอกหลวง และเบียดเบียนซึ่งกันและกันด้วยวาจา หรือคำพูด ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ อาทิ สุนัขที่อยู่ในบ้าน เมื่อมีสุนัขตัวอื่น หรือมนุษย์คนอื่นเดินผ่านมา มันจะส่งเสียงเห่าในทันที แต่มนุษย์เราโดยปกติไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่อยู่ดีๆ เราจะด่า หรือว่าใครโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ดู https://www.sanook.com/horoscope/98197/)

จึงใคร่เชิญชวนให้ “องค์กรพลังชาวพุทธ” ได้ตระหนักในเรื่องนี้ พร้อมนำปฏิบัติหลักคำสอนทางศาสนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่พุทธศาสนิกชนต่อไป

ล่าสุดคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่โดยประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายกวินธร วงศ์ลือเกียรติ ได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องเรียนพฤติการณ์ยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนาด้วยข้อมูลบิดเบือนอันเป็นเท็จ โดยกลุ่มอปพส. และถือว่า นับเป็นภัยความมั่นคงอันร้ายแรงที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างผู้คนในสังคมไทย และหากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจหรือไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ได้ จะส่งผลบานปลายสู่ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างศาสนาได้ในที่สุดและอาจลุกลามนำไปสู่ถึงขั้นเลวร้ายที่สุดโดยถูกองค์กรศาสนาสุดโต่งข้ามชาตินำไปเป็นเงื่อนไขในการเข้ามาแทรกแซงสร้างความรุนแรงวุ่นวายในสังคมไทยได้ต่อไป

จึงเรียนมายังหน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องได้โปรดดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อจัดการและยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มอปพส. เพื่อไม่ให้ขยายวงความขัดแย้งที่อาจนำสู่ความรุนแรงในสังคมไทยได้ต่อไป

ชาวอิดลิบภายใต้เปลวเพลิง

อัลจาซีร่าห์ระบุชาวอิดลิบจำนวน 1.7 ล้านคนหนีตายไปยังชายแดนตุรกี หลังจากรัฐบาลบัชชาร์ที่ได้รับการสนับสนุนทางอาวุธอย่างเต็มที่จากรัสเซียและกำลังพลจากอิหร่าน ได้โจมตีเมืองอิดลิบตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยอ้างว่า ปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย

ล่าสุดรัฐบาลตุรกีได้ขีดเส้นตายให้บัชชาร์ถอยกำลังออกจากพื้นที่ในข้อตกลงภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า หากไม่ได้รับการตอบสนองจากขัอตกลง อาจเกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างตุรกีฝ่ายหนึ่งกับรัสเซียและอิหร่านอีกฝ่ายหนึ่ง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ขาวอิดลิบเกือบ 2 ล้านต้องอพยพหนีตายไปยังชายแดนตุรกี แทนที่จะได้รับการปกป้องจากรัฐบาลของตนเอง เพราะในความเป็นจริงรัฐบาลบัชชาร์อยู่ภายใต้การบริหารโดยรัฐบาลมอสโกและเตหะรานอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว

อ่านเพิ่มเติม https://www.aljazeera.net/news/politics/2020/2/17/%D8%AA%D8%B7%D9%88%D8%B1%D8%A7%D8%AA-%D8%B3%D9%88%D8%B1%D9%8A%D8%A7-%D8%BA%D8%A7%D8%B1%D8%A7%D8%AA-%D8%AD%D9%84%D8%A8-%D9%85%D8%B9%D8%A7%D8%B1%D9%83-%D8%A5%D8%AF%D9%84%D8%A8-%D9%85%D8%A8%D8%A7%D8%AD%D8%AB%D8%A7%D8%AA-%D8%B1%D9%88%D8%B3%D9%8A%D8%A7-%D8%AA%D8%B1%D9%83%D9%8A%D8%A7

พวกเขาต้องการซีเรียเป็นแบบไหนกัน

อ่านความคิดเติร์ก ต่อจุดยืนตุรกีในอิดลิบ จากบทความร้อนๆ ของอิบรอฮีม กราฆูล บรรณาธิการ yenisafak นสพ.ตุรกี สายนิยมรัฐบาล (ตอนที่ 1)

ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่โลกทั้งผองกำลังโดดเดี่ยวตุรกีและชี้หน้าตุรกีว่าเป็นประเทศก่อการร้าย


ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและรัสเซียได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในอิดลิบ
ผู้มีอำนาจในอเมริกา อังกฤษและอิสราเอล ได้รีบเร่งการเคลื่อนไหวทันที และไปถึงจุดที่เกือบจะทำให้พวกเขาพูดว่า “มาๆ เรามายิงเครื่องบินรัสเซียลำใหม่และเข้าสู่การทำสงครามต่อต้านรัสเซียเลย”

อย่าลืมว่า อเมริกาและอิสราเอลเคยมีการปฏิบัติเช่นนี้ ผ่านองค์กรก่อการร้ายกูเลน ก่อนการก่อกบฏเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

พวกเขาต้องการให้ตุรกี-รัสเซีย เข้าสู่สงครามที่ใกล้เข้ามา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายไม่ใช่ซีเรีย แต่เพื่อจุดชนวนสงครามระหว่างตุรกีและรัสเซีย และเมื่อสงครามครั้งนี้ระเบิดขึ้น ตะวันตกจะเริ่มต้นจู่โจมตุรกีเพื่อจัดตั้งรัฐสำหรับองค์กรก่อการร้ายกูเลน

• อเมริกาและอังกฤษสนับสนุนฝ่ายไหน ?

ในทุกวันนี้ อเมริกาและสหราชอาณาจักรยังไม่ยอมแพ้ที่จะให้การสนับสนุนกลุ่มดังกล่าวในลักษณะเดียวกับในอดีต ผ่านแถลงการณ์ต่อเนื่องเพื่อจุดชนวนวิกฤติระหว่างตุรกีและรัสเซีย แผนการที่วางอยู่บนโต๊ะมีการแทนที่องค์กรก่อการร้ายกูเลนด้วยตัวเลือกอื่น ๆ โดยเฉพาะตัวเลือกที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยม

เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะวิเคราะห์ทุกอย่างตามขนาด ผลกระทบและฐานะที่แท้จริง เพราะตุรกีเคยเสียหายสำหรับการยอมจำนนต่อบางฝ่ายที่มีวาระซ่อนเร้น บางคนจุดชนวนสงครามในซีเรียและโยนมันลงในความรับผิดชอบของตุรกี และผู้ที่ปลุกระดมความคิดเห็นของสาธารณะชนเกี่ยวกับสงครามในเวลานั้น กลับซุกหัวในความเงียบหลังจากที่ตุรกีอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

• สำหรับสถานการณ์ตอนนี้เป็นดังนี้

ปัญหาของอิดลิบเป็นปัญหาของผู้ลี้ภัยชาวอาหรับสุหนี่หลายล้านคน ที่ได้รับการทอดทิ้งจากระบอบการปกครองของซีเรีย “เขตลดระดับความรุนแรง” เกิดขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงระหว่างตุรกีและรัสเซีย จากนั้นอิหร่านและระบอบการปกครองของดามัสกัสก็ได้ให้สัตยาบัน ซึ่งการกำหนดเขตลดระดับความรุนแรงเป็นวิธีในการปกป้องพลเรือนนับล้าน

• ทำไมรัสเซียและอิหร่านไม่ออกมาพูดแม้แต่คำเดียวเพื่อต่อต้านสิ่งที่อเมริกาและ PKK กำลังทำ ?

ทำไมอิหร่านถึงเงียบเฉยต่อการกระทำของอิสราเอล?

ดูเหมือนว่ารัสเซียและอิหร่านเชื่อว่าความแข็งแกร่งของระบอบการปกครองดามัสกัสเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจึงเรียกร้องให้ตุรกีถอนตัวจากภูมิภาคดังกล่าว โดยการเรียกร้องสู่ “ความเป็นหนึ่งเดียวของซีเรีย” แต่ในขณะที่พวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาไม่พูดอะไรเลยเพื่อต่อต้านสิ่งที่อเมริกาและ PKK กำลังทำอยู่ ทั้งๆที่พวกเขาสามารถควบคุมดินแดนได้ถึงหนึ่งในสามของพื้นที่ซีเรียทั้งหมด

ทั้งรัสเซียและอิหร่านหรือแม้แต่ระบอบการปกครองของซีเรีย ไม่มีการต่อต้านการยึดครองของอเมริกาและกลุ่ม PKK และพวกเขาไม่เคยพูด – โดยเฉพาะอิหร่าน- เกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลต่อดามัสกัส

• พวกเขาต้องการซีเรียแบบไหน รัฐสำหรับชนกลุ่มน้อยทางนิกาย? สถานะของชาวอาหรับสุหนี่หลายล้านอยู่ที่ไหน ?

พวกเขากำลังพูดถึงซีเรียหนึ่งเดียวอะไร ? ซีเรียแบบไหน ? พวกเขากำลังพูดถึงชนกลุ่มน้อยในนิกายที่ระบอบการปกครองของดามัสกัสสนับสนุน? ชะตากรรมของผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยหลายล้านคนในอิดลิบ และผู้ลี้ภัยอื่น ๆ อีกหลายล้านคนในตุรกีเป็นอย่างไร ?

ซีเรียสำหรับคนเหล่านี้อยู่ที่ไหน ระบอบการปกครองของดามัสกัสเป็นรัฐบาลชนกลุ่มน้อยซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากประชากรส่วนใหญ่ ซีเรียหนึ่งเดียวแบบไหนที่รัสเซียและอิหร่านต้องการ

อ่านตอนที่ 2 คลิ๊ก > https://www.theustaz.com/?p=2949

ถอดความโดย Ghazali Benmad

อ่านบทความต้นฉบับ https://m.yenisafak.com/ar/columns/ibrahimkaragul/2042780

ตุรกี-รัสเซีย ใกล้ถึงจุดแตกหัก

อัลจาซีร่าวิเคราะห์ ตุรกี-รัสเซีย ใกล้ถึงจุดแตกหัก

รัฐบาลอะซัดและรัสเซีย ยังคงเดินหน้าถล่มเมืองอิดลิบ หวังขยี้ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้าน ในขณะที่ตุรกีกร้าว อิดลิบเป็นเขตหวงห้ามตามข้อตกลงโซกี และแอสตานา เพราะพัวพันความมั่นคงภายในของตุรกี พร้อมส่งทหารเข้าเสริมกำลังตลอดเวลา

ในขณะที่รัสเซียอ้างว่าไม่ได้โจมตีฝ่ายต่อต้านแต่โจมตีกลุ่มก่อการร้าย

การถล่มของอะซัดและรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ชาวซีเรียนับล้านต้องอพยพมุ่งหน้าไปยังตุรกี

ต่อมาวานนี้ 16/2/2563 ประธานาธิบดีรัสเซียและตุรกีได้ต่อสายเจรจากัน แต่ไร้ผล หลังจากนั้น ประธานาธิบดีตุรกีออกมาแถลงยืนยัน ระบอบอะซัดต้องออกไปจากเขตลดความรุนแรงในอิดลิบ ตามข้อตกลงเดิมภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หาไม่แล้วตุรกีจะบังคับให้ออกไปเอง

ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียยังคงยืนกราน ต้องใช้การทูตมาเจรจาหาแนวทางแก้ปัญหาอิดลิบ

ด้วยจุดยืนที่ขัดแย้งกันอย่างสุดขั้วและยังหาทางออกไม่ได้ นับเป็นความขัดแย้งครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติซีเรีย และมีแนวโน้มการปะทะกันโดยตรงครั้งแรกระหว่างตุรกีกับรัสเซีย ( อัลจาซีร่า )

โดย Ghazali Benmad

เว็บไซต์ต้านข่าวลือภาคภาษาอาหรับ

เว็บไซต์ fatabyyano.net ก่อตั้งเมื่อปี 2014 มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบข่าวปลอมหรือข่าวลือที่เผยแพร่ในโชเชียลภาคภาษาอาหรับ พร้อมนำเสนอข่าวคราวที่ถูกต้องและมีแหล่งข้อมูลที่เป็นที่น่าเชื่อถือ

เว็บไซต์ดังกล่าวได้ระบุว่า ตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 (ไวรัสโคโรน่า) แพร่ระบาดในประเทศจีน มีข่าวเท็จมากมายที่ถูกนำเผยแพร่ในโลกโชเชียลภาคภาษาอาหรับที่ถูกเชื่อมโยงกับไวรัสร้ายนี้ ส่วนหนึ่งได้แก่

⁃ รัฐบาลจีนสั่งฆ่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ขยายเนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถรักษาได้

⁃ ชาวจีนจำนวน 20 ล้านคนรับอิสลาม หลังพบว่าชุมชนมุสลิมในประเทศจีนไม่มีการติดเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าว

⁃ รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการอาซาน และละหมาดในมัสยิดทั่วประเทศ เพื่อให้มุสลิมขอพรระงับการเผยแพร่ของไวรัสร้ายนี้

⁃ ประธานาธิบดีจีนได้ตะเวนเยี่ยมมัสยิดต่างๆทั่วประเทศจีน เพื่อรณรงค์ให้ชาวมุสลิมขอพรต่อพระเจ้า

⁃ รัฐบาลจีนสั่งฆ่าสุกรและนกจำนวนมาก เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ข่าวในลักษณะนี้ถูกนำเสนอโดยมีภาพและคลิปวิดีโอประกอบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ในความเป็นจริง ข่าวดังกล่าวล้วนเป็นข่าวปลอมที่ไม่มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนเลย

จึงขอความร่วมมือจากมุสลิมทุกคน ได้ระมัดระวังในการเสพข้อมูลต่างๆ และควรมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามคำสอนของหลักการอิสลามที่ได้กำชับมิให้มุสลิมตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม เพราะจะนำไปสู่การเป็นบุคคลที่เป็นจอมโกหกโดยไม่รู้ตัว

ทีมข่าวต่างประเทศ