ดิ้นเฮือกสุดท้ายของกลุ่มเคมาลิสต์

ตุรกีเริ่มสอบสวน 103 นายพลนอกราชการที่ร่อนแถลงการณ์ปกป้องอะตาเติร์กและคัดค้านรัฐบาลตุรกี

กระทรวงกลาโหมตุรกีโจมตีแถลงการณ์ของนายทหารตุรกีที่เกษียณอายุแล้วว่า “ตาบอดเพราะความโลภและความอิจฉา”

วันอาทิตย์วันนี้ 4/4/2021 กระทรวงกลาโหมตุรกีโจมตีถ้อยแถลงของนายพลตุรกีที่เกษียณอายุราชการซึ่งออกเมื่อเย็นวันเสาร์

“กองทัพไม่สามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบรรลุวัตถุประสงค์ส่วนตัวของผู้ที่ไม่มีภารกิจหรือความรับผิดชอบใด ๆ ” กระทรวงกล่าวในแถลงการณ์

และเสริมว่า “เป็นที่ชัดเจนว่าการเผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าวมีแต่จะทำร้ายประชาธิปไตยของเรา”

และเน้นว่า “ไม่สามารถใช้กองทัพเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายความทะเยอทะยานและความหวังส่วนตัวของผู้ที่ไม่มีภารกิจหรือความรับผิดชอบใด ๆ “

กระทรวงเน้นย้ำว่า “ผู้ที่ตาบอดและไม่ต้องการเห็นความสำเร็จของกองทัพตุรกี ทั้งกองทัพเรือ  กองทัพบกและกองทัพอากาศ  เป็นกลุ่มเดียวที่ถูกบังตาด้วยความโลภและความอิจฉา “

นอกจากนี้ในวันอาทิตย์วันนี้ สำนักงานอัยการในกรุงอังการาเมืองหลวงของตุรกีได้เปิดการสอบสวนแถลงการณ์ดังกล่าวของนายทหารที่เกษียณอายุแล้ว

ทั้งนี้ นายพลที่เกษียณอายุราชการ 103 คนในกองทัพเรือตุรกีลงนามในแถลงการณ์เมื่อเย็นวันเสาร์โดยมุ่งโจมตีรัฐบาลตุรกีและประธานาธิบดีแอร์โดฆานของตุรกี พร้อมข่มขู่สำทับ ห้ามแตะรัฐธรรมนูญและค่านิยมของอะตาเติร์ก


โดย Ghazali Benmad

ตุรกีให้ยาเลิกบุหรี่ฟรี

ประธานาธิบดีแอร์โดอานประกาศให้ชาวตุรกีที่ต้องการเลิกบุหรี่สามารถรับยาเลิกบุหรี่ฟรี ซึ่งแจกโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆระหว่างการรักษา โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรประกันสุขภาพ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่แห่งตุรกีรายงานว่า ในช่วงปีหลังๆนี้ ชาวตุรกีสามารถเลิกบุหรี่ได้จำนวน 10 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ทั่วตุรกีมีผู้ติดบุหรี่จำนวน 30 ล้านคน ปัจจุบันมีสิงห์อมควัน 20 ล้านคน


อ้างอิง TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

บริษัทผลิตยาฝรั่งเศสโดนปรับ เกือบ 100 ล้านบาท

วันที่ 29 มี.ค. บีบีซี รายงานว่า เซอร์เวียร์ บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติฝรั่งเศส ถูกพบมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงร้ายแรง และฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา จากการผลิตยา มีเดียเตอร์ ยาลดน้ำหนักที่พัฒนาเพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานน้ำหนักเกิน (overweight diabetics) และวางจำหน่ายในท้องตลาดนาน 33 ปี (2519-2552)

ผู้ป่วยราว 5 ล้านคน ได้รับการสั่งยาขนานนี้ แม้จะมีคำเตือนมากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาโรคหัวใจร้ายแรงได้ ก่อนถูกถอดออกจากท้องตลาดในปี 2552

การพิจารณาคดีเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 โดยโจทก์หลายพันคนยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทเซอร์เวียร์ ซึ่งปฏิเสธไม่รู้ข้อมูลใดๆ ของผลข้างเคียงของยามีเดียเตอร์

อย่างไรก็ตาม วันนี้ศาลฝรั่งเศสพิพากษาปรับบริษัทเซอร์เวียร์เป็นเงิน 2.7 ล้านยูโร หรือราว 99 ล้านบาท และ นายฌอง-ฟิลิปป์ เซตา อดีตประธานบริษัทเซอร์เวียร์ ยังได้รับโทษจำคุก 4 ปี แต่รอลงอาญา

นอกจากนี้ องค์การกำกับดูแลยาของฝรั่งเศสถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 300,000 ยูโร หรือราว 11 ล้านบาทด้วย ผู้พิพากษาพบว่า หน่วยงานนี้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ หลายประเทศในยุโรป รวมถึงอิตาลีและสเปน ห้ามวางจำหน่ายยาลดน้ำหนักมีเดียเตอร์ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 อย่างไรก็ตาม ในฝรั่งเศส ยาตัวนี้ยังใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และใช้เป็นยาระงับความอยากอาหารแก่ผู้ป่วยคนอื่นๆ

แต่การศึกษาชิ้นหนึ่งสรุปว่า ยามีเดียเตอร์อาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยมากถึง 500 ราย ระหว่างปี 2519-2552 ส่วนการศึกษาอีกชิ้นระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่าถึง 2,000 ราย


อ้างอิง

https://today.line.me/th/v2/article/lxpNMe?fbclid=IwAR1Hx9k4E4HlLPYxIgrgHCMyLEcND5qBKvxhUog21kyAThOggiuZmcuIH5k

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

เลือดเติร์กเข้มข้นกว่าสนธิสัญญาแซกส์-ปิโกต์/โลซานน์

ตุรกี-อาเซอร์ไบจาน ยกเลิกหนังสือเดินทางระหว่างกันและกัน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 29/3/2564 กระทรวงการต่างประเทศตุรกียืนยันว่าการเดินทางระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานโดยใช้บัตรประจำตัวจะมีผลภายในไม่กี่วัน

กระทรวงระบุในแถลงการณ์ว่า “กระบวนการลงนามในพิธีสารระหว่างสองประเทศในเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว”

แถลงการณ์ของกระทรวงกล่าวเสริมว่า “พิธีสารนี้จะอนุญาตให้ชาวตุรกีและชาวอาเซอร์เดินทางระหว่างสองประเทศโดยใช้บัตรประจำตัวโดยไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน”

กระทรวงระบุว่า “การมีผลบังคับใช้ของพิธีสารจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันมั่นคงของภราดรภาพระหว่างสองประเทศ”

เป็นที่น่าสังเกตว่าตุรกีและอาเซอร์ไบจานได้ลงนามในพิธีสารดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2020 ในบากู  เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน

สังเกตว่า ตุรกีมีข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันสำหรับเสรีภาพในการเดินทางด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับสาธารณรัฐไซปรัสเหนือ  ยูเครน  มอลโดวา และจอร์เจีย

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม  คณะอำนวยการด้านความมั่นคงของกระทรวงกล่าวในแถลงการณ์ว่า “พลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานจะสามารถเยี่ยมเยียนกันและกันได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ในวันที่ 1 เมษายนนี้”

แถลงการณ์ชี้ให้เห็นว่า “ขั้นตอนนี้มาพร้อมกับการเพิ่มระยะเวลาพำนักในทั้งสองประเทศด้วยบัตรประจำตัวประชาชน (ในการเดินทางแต่ละครั้ง) จาก 30 เป็น 90 วัน”

และในตอนท้ายของปี 2020 เมาลูด จาวิชอูฆโลรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีประกาศว่า ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานอีกต่อไป  โดยระบุว่าการเดินทางจะต้องใช้บัตรส่วนตัวเท่านั้น

การลงนามในพิธีสารร่วมระหว่างทั้งสองประเทศเกิดขึ้นในระหว่างการเยือนตุรกีของประธานาธิบดี ตุรกีที่เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน ซึ่งมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่หลายคน  รวมถึงรัฐมนตรีเมาลูด  จาวิช อูฆโล เพื่อเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองชัยชนะเพื่อการปลดปล่อยภูมิภาคคาราบัค จากกองกำลังที่ยึดครองอาร์เมเนีย

เมาลูด  จาวิช อูฆโล แสดงความยินดีกับพลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานในโอกาสนี้ โดยกล่าวว่า “สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิด”หนึ่งคนสองประเทศ”

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาฟูอาด ออกเตย์  รองประธานาธิบดีตุรกี  ได้ประกาศการลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมกับอาเซอร์ไบจานที่มีข้อตกลง 138 ข้อ  เพื่อเร่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ตุรกีและอาเซอร์ไบจานมีความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ที่แน่นแฟ้นและมั่นคงในหลายระดับ ทั้งการเมือง  การทหาร การค้าและเศรษฐกิจ


โดย Ghazali Benmad

กองทัพหนูบุกออสเตรเลีย

ชาวออสเตรียต้องอกสั่นขวัญหายเมื่อกองทัพหนูนับล้านตัวบุกเข้าไปสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายในพื้นที่เกษตรจำนวนมาก หลังเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในออสเตรเลียในรอบ 50 ปี

ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียได้ออกกฎหมายอนุญาตฆ่าอูฐจรจัดได้ ทำให้ประชากรอูฐถูกสังหารอย่างทารุณนับหมื่นตัวต่อปี พวกเขาอ้างว่าอูฐดื่มน้ำมากเกินไป ทำให้บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำ จึงต้องออกกฎหมายอนุญาตสังหารประชากรอูฐได้

ขอบคุณคลิปจาก TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ผลงานเถื่อนบัชชาร์

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในแอเลบโปโดนกองกำลังทมิฬบัชชาร์ที่สนับสนุนโดยอิหร่านถล่มด้วยขีปนาวุธ ทำให้เด็กน้อย 6 คนเสียชีวิต และโรงพยาบาลได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นับเป็นเวลานาน 10 ปีที่นายบัชชาร์ อะสัด เข่าฆ่า สังหารและทำลายบ้านเรือน โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากกองกำลังที่มาจากอิหร่าน แต่ประชาคมโลกยังทำอะไรไม่ได้กับบัชชาร์แม้เพียงประณาม


ขอบคุณคลิปจาก TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

4 บุคคลทรงอิทธิพลในซีเรีย

หลังจากซีเรียต้องอยู่ภายใต้อุ้งมือของ 2 พ่อลูกตระกูลอะสัดมานานกว่า 50 ปี ซีเรียมีบุคคลอย่างน้อย 4 คนที่ทรงอิทธิพลเหนือดินแดนชาม ได้แก่

            1.         ฮาฟิศ อะสัด ถือกำเนิดที่เมืองลาซิกียะฮ์ ถิ่นผู้นับถือลัทธินุศ็อยรีย์มีจำนวนไม่ถึง 5% ของประชากรซีเรียซึ่งมีจำนวนกว่า 90% ของประเทศเป็นมุสลิมสุนหนี่ สมัยที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในปี 1967 เขาได้ฝากผลงานชิ้นโบว์แดงด้วยการขายที่ราบสูงโกลันให้แก่อิสราเอลในละครสงคราม 6 วันด้วยการรับสินบนจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ ในปี 1970 เขาได้รับการคัดเลือกเป็นผู้นำด้วยคะแนนสนับสนุนท่วมท้นจำนวน 99.98 % โดยมีเสียงไม่เห็นด้วยเพียง 219 เสียงเท่านั้น เขาปกครองซีเรียทั้งประเทศเหมือนเป็นเรือกสวนไร่นาของตัวเอง ท่ามกลางน้ำตา คราบเลือดและซากศพของผู้บริสุทธิ์ชาวมุสลิมสุนหนี่ผู้บริสุทธิ์ เขาเสียชีวิตหลังจากสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าเหนือแผ่นดินซีเรียเมื่อปีค.ศ. 2000 ขณะอายุ 70 ปี

            2.         ชัยค์อัลอัลลามะฮ์ มูฮัมมัด สะอี้ด รอมฎอนอัลบูฏีย์ ชาวเคิร์ดผู้ถือกำเนิดที่ตุรกี แต่อพยพพร้อมบิดาและครอบครัว ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่กรุงดามัสกัส ซีเรีย เป็นอุละมาอฺผู้ยิ่งใหญ่สายอะชาอิเราะฮ์ ด้วยผลงานทางวิชาการด้านอิสลามศึกษามากมาย ชัยค์อัลบูฏีย์ถือเป็นผู้สนับสนุนผู้นำ 2 พ่อลูกตระกูลอะสัดอย่างสุดซอย ท่านได้นำละหมาดญะนาซะฮ์ของนายฮาฟิศ อะสัด และร่ำไห้ต่อหน้าศพอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังจากนายบาสิล อะสัด(ลูกชายคนโตของนายฮาฟิศอะสัด) เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุรถยนต์ ท่านบอกว่าได้ฝันว่านายบาสิลอยู่ในสวรรค์ นอกจากนี้ท่านยังกล่าวขื่นชมนายหะซัน นัศรุลลอฮ์ ผู้นำฮิสบุลลอฮ์แห่งเลบานอน ท่านเสียชีวิตในเหตุการณ์ลอบสังหารด้วยระเบิดในมัสยิดที่ท่านสอนหนังสือเมื่อปี 2013 ขณะมีอายุ 84 ปี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและลบ โดยเฉพาะจุดยืนของท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงรัฐบาลของชาวซีเรีย

غفر الله له  وتجاوز عنه ورحمه وأدخله فسيح جناته

          3.         ชัยค์อัลอัลลามะฮ์มูฮัมมัด อาลี อัศศอบูนีย์

อุละมาอฺผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เกิดเมื่อ 1 มกราคม 1930 ที่เมืองหะลับ(แอเลบโป) ซีเรีย เสียชีวิตแล้ว เมื่อ 19 มีนาคม 2021 ขณะอายุ 91 ปี ถือเป็นการสูญเสียผู้รู้ที่สำคัญในโลกอิสลามโดยเฉพาะด้านตัฟซีรอัลกุรอาน เจ้าของผลงานตำราด้านอิสลามศึกษากว่า 50 เล่ม

ถูกรัฐบาลซีเรียยุคฮาฟิศอะสัด ขึ้นบัญชีดำหมายหัว เนื่องจากท่านมีทัศนะว่า ผู้นำคนไหนที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจโดยวิธีการบังคับและการใช้กำลัง ผู้นำคนนั้นจะต้องได้รับการต่อต้านจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้นำเรียกร้องประชาชนให้ปฏิเสธพระเจ้าและสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าอย่างฮาฟิศอะสัด

ชัยค์อัศศอบูนีย์ได้วิจารณ์นายบัชชาร์ อะสัด ประธานาธิบดีซีเรียคนปัจจุบันว่าเป็น มุสัยลิมะฮ์ อัลกัซซาบ และตักเตือนชัยค์มูฮัมมัด รอมฎอน อัลบูฏีย์ ด้วยคำตักเตือนที่รุนแรงชนิดไม่อ้อมค้อม เพราะชัยค์อัลบูฏีย์สนับสนุนนายฮาฟิศ อะสัด และบัชชาร์ อะสัด รวมทั้งไม่เห็นด้วยที่ขาวซีเรียลุกขึ้นประท้วงนายบัชชาร์อะสัดเมื่อปี 2011

ด้วยจุดยืนอันดุดันและมั่นคงที่สนับสนุนและเคียงข้างการประท้วงของชาวซีเรีย ทำให้สื่ออาหรับและชาวซีเรียตั้งฉายาท่านว่า “الشيخ الثائر” หรือผู้เฒ่านักปฏิวัติและถือเป็นอุละมาอฺผู้ยืนหยัดพูดสัจธรรมต่อหน้าผู้นำเผด็จการ

غفر الله له ورحمه رحمة واسعة وأدخله فسيح جناته ورزق لأهله وذويه الصبر والسلوان

            4.         บัชชาร์ อะสัด

ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีปี 2000 หลังอสัญกรรมของบิดานายฮาฟิศ อะสัด และยังอยู่ยงคงกระพันในอำนาจจนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลานานถึง 22 ปีแล้ว ผลงานเถื่อนในระยะเวลา 10 ปีหลังนี้คือการทำให้ประเทศซีเรียทั้งประเทศกลายเป็นทุ่งสังหารและดินแดนมิคสัญญีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ทำให้มีผู้อพยพกว่า 10 ล้านคน ประชาชนถูกสังหารกว่า 1 ล้านคน บ้านเรือนและอาคารถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แต่เขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของซีเรียอย่างเหนียวแน่น

3 คนได้จากไปแล้วด้วยผลงานอันมากมายทั้งดีและชั่ว ทั้งบวกและลบ แต่การตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด ละเอียดที่สุดแม้เท่าผงธุลี คือการตัดสินของพระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมและทรงรอบรู้ ทั้ง 3 ท่านกำลังได้รับการพิจารณาและรับผลอานิสงค์ที่ตนเองได้กระทำแล้ว

ส่วนอีกคน กำลังโลดแล่นบนยุทธจักรเถื่อนมากมาย เขาอาจจะรอดพ้นจากการตัดสินและได้รับการอุ้มชูจากมหาอำนาจบนโลกนี้ แต่เขาไม่มีวันรอดพ้นจากการพิพากษาของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาลอย่างแน่นอน


โดย Mazlan Muhammad

ประธานาธิบดีซีเรียและภรรยาติดเชื้อโควิด-19

Breaking News

AlJazeera.net แพร่ข่าวระบุว่า สำนักประธานาธิบดีซีเรียแถลงว่านายบัชชาร์ อะสัด ประธานาธิบดีซีเรียและภรรยาติดเชื้อโควิด-19 และถูกกักตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงดามัสกัส


แหล่งข่าว AlJazeera

ชาวฝรั่งเศสประท้วงต่อต้านความรุนแรงของบิดาและการละเลยต่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ

ชาวฝรั่งเศสนับหมื่นรวมตัวกันที่กรุงปารีส เพื่อประท้วงความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะจากบิดา นอกจากนี้พวกเขายังชูป้ายประท้วงการละเลยของศาลที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อคดีการล่วงละเมิดทางเพศ

นี่คือวิกฤตของสังคมยุโรปที่สำลักอาการประชาธิปไตยอย่างไร้ของเขตและมัวเมาในกามารมณ์ พวกเขาใช้ประชาธิปไตยเพื่อบูชาอารมณ์และกดขี่ผู้อ่อนแอภายใต้วาทกรรมสิทธิ์เสรีภาพเท่านั้น

น่าแปลกที่ชาวโลกพากันยกย่องคุณค่าที่ยืนอยู่บนขาเดียว (โลกนิยม) ทั้งๆ ที่มนุษย์ปกติต้องยืนอยู่บนสองขา (โลกนี้และโลกอาคิเราะฮ์)


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ 1/63

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 เวลา 14.00 น. นายนิเลาะ อับดุลบุตร ประธานชมรมจิตอาสาฉันและเธอ และผศ. มัสลัน มาหะมะ ที่ปรึกษาชมรมฯ พร้อมคณะ ได้ส่งมอบบ้าน ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านรอแตตาวา  99/2 ม. 7 ต. ลุโบะยือไร อ. มายอ จ. ปัตตานี ให้แก่นางยารอ สือแลแม (43ปี) เป็นบ้านคอนกรีตเสริมเหล็กทรงโมเดิร์น ขนาด 4×10.5 ม. ประกอบด้วย 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวพร้อมระบบไฟฟ้าและน้ำประปา มูลค่าก่อสร้าง 176,000 บาท พร้อมเงินสด ถุงยังชีพและของใช้ในครัวมูลค่า 3,000 บาท

นายนิเลาะ อับดุลบุตร กล่าวว่า ชมรมจิตอาสาฉันและเธอและภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพระดมเงินเพื่อสร้างบ้านให้แก่นางยารอ สือแลแม ซึ่งมีลูกชายอายุ 17 ปีเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตั้งแต่แรกเกิด นางยารอจึงไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องดูแลลูกชายตลอดเวลา โดยสามารถระดมเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 178,752 บาท

“ บ้านหลังนี้ถือเป็นเคสแรก เราเริ่มวางศิลารากฐานสร้างบ้านเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ระหว่างก่อสร้าง เป็นช่วงฤดูฝนและเกิดน้ำท่วม ทำให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากทีมงานบางส่วนต้องระดมให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อน้ำท่วมในจังหวัดปัตตานีและพื้นที่ใกล้เคียง แต่ด้วยเตาฟิกจากอัลลอฮ์ โครงการแรกนี้สำเร็จไปด้วยดี สามารถส่งมอบบ้านเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 จึงใคร่ถือโอกาสนี้ขอบคุณชาวมือบนทุกท่านที่ช่วยกันสานฝันให้ครอบครัวนางยารอ สือแลแม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพจ Mazlan Muhammad และเว็บไซต์ theustaz.com ที่ช่วยประชาสัมพันธ์รณรงค์การระดมทุนโครงการนี้ จนสำเร็จลุล่วงด้วยเตาฟิกจากอัลลอฮ์ “ นายนิเลาะ กล่าว

“ ชมรมจิตอาสาฉันและเธอ ยังมีโครงการสร้างบ้านแก่ผู้ยากไร้อีกหลายโครงการซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งมอบทุนช่วยเหลือเเก่ครอบครัวที่มีสมาชิกป่วยติดเตียง จึงขอถือโอกาสประชาสัมพันธ์ให้ชาวมือบนทุกท่านสมทบทุนโครงการต่างๆของชมรมโดยสามารถติดตามได้ตาม fb : Niloh Abdulbut” นายนิเลาะ กล่าวทิ้งท้าย


โดย Mazlan Muhammad