ปัตตานีสั่งปิด 3 อำเภอ ป้องกันโควิด-19

ผู้ว่าฯแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 จังหวัดปัตตานี

วันที่ 19 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 จังหวัดปัตตานี โดยมี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่46 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ร่วมแถลงข่าว ณ โถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ประชาชนชาวปัตตานีที่เข้าร่วมชุมนุมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย จำนวน 30 คน วันนี้จังหวัดปัตตานี เจอตัวครบทั้ง 30 คนแล้ว พบว่าอยู่ในพื้นที่ 25 คน และยังไม่กลับเข้ามาในพื้นที่อีก 5 คน ใน 25 คนนั้น มีไข้สูง 7 คน วันนี้จังหวัดปัตตานีได้รับข้อมูลจสกผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า ทั้ง 7 คน มีเชื้อไข้โควิค โดย1 ใน 7 คนได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2563 และ อีก 6 คน เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือบุคคลที่สัมผัส 7 คนเหล่านี้ในห้วงวันที่ 2 มีนาคม ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2563 ทางจังหวัดปัตตานีได้มีการดำเนินการตามมาตราการที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 มีนาคม มติคณะรัฐมนตรีที่สำคัญ มี 2 เรื่องดังนี้
1. มาตราการในการป้องกันและสกัดกั้นผู้ที่เดินทางเข้ามา 2. มาตราการในการยับยั้งการแพร่ระบาดในประเทศ จังหวัดปัตตานีได้มีการใช้มาตรานี้ ซึ่งในระดับหมู่บ้านที่พบผู้ป่วยติดเชื้อจะมีการออกคำสั่งเพื่อปิดการเดินออกของคนในหมู่บ้านนั้น ซึ่งได้แก่หมู่บ้านต่อไปนี้ 1.อำเภอยะรัง ได้แก่ หมู่1 และ หมู่3 ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง หมู่3 ตำบล ปิตุมุดี เตรียมมาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2563 แล้วต้องสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เชื้อเข้าไประบาดในหมู่บ้าน 2.อำเภอโคกโพธิ์ หมู่6 ตำบลนาประดู่ หมู่ 3 ตำบลปากล่อ 3. อำเภอหนองจิก หมู่4 ตำบลบางเขา หมู่1 ตำบลคอลอตันหยง

ข้อมูลจากเพจ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

Fake News | เฟสบุ๊ค“องค์กรพลังชาวพุทธ”เผยแพร่ข่าวปลอม ระบุว่ามัสยิดเกิน100แห่ง ทั่วเมืองเชียงใหม่

ข่าวปลอม เฟสบุ๊ค “องค์กรพลังชาวพุทธ” เผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ระบุว่า ที่เชียงใหม่เกิน 100 มัสยิด พร้อมเขียนข้อความลงวันที่ 17 กพ. เวลา 08.36 น. ว่า #อาการสาหัส มุสลิมบุกหนัก

theustaz.com ได้ตรวจสอบข้อมูลจากข้อมูลทางการพบว่า ในจังหวัดเชียงใหม่มีมัสยิด 17 แห่งในจำนวนนี้มี 3 แห่งที่ยังไม่ได้รับจดทะเบียน

โปรดดู > https://bit.ly/2P4K5Rm

theustaz.com เห็นว่า ข้อมูลที่องค์กรพลังชาวพุทธนำเสนอนั้น เป็นข้อมูลที่เป็นเท็จและส่อเจตนาสร้างความแตกแยกในสังคม ขัดแย้งกับหลักธรรมของพุทธศาสนาที่สอนให้พุทธศาสนิกชนดำรงตนให้เป็นคนดี ไม่พูดปดและถือว่าการพูดโกหกเป็นการฝ่าฝืนศีล 5 ข้อที่ 4 คือตั้งใจงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วจะไม่หลอกหลวง และเบียดเบียนซึ่งกันและกันด้วยวาจา หรือคำพูด ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ อาทิ สุนัขที่อยู่ในบ้าน เมื่อมีสุนัขตัวอื่น หรือมนุษย์คนอื่นเดินผ่านมา มันจะส่งเสียงเห่าในทันที แต่มนุษย์เราโดยปกติไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่อยู่ดีๆ เราจะด่า หรือว่าใครโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ดู https://www.sanook.com/horoscope/98197/)

จึงใคร่เชิญชวนให้ “องค์กรพลังชาวพุทธ” ได้ตระหนักในเรื่องนี้ พร้อมนำปฏิบัติหลักคำสอนทางศาสนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่พุทธศาสนิกชนต่อไป

ล่าสุดคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่โดยประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายกวินธร วงศ์ลือเกียรติ ได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องเรียนพฤติการณ์ยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนาด้วยข้อมูลบิดเบือนอันเป็นเท็จ โดยกลุ่มอปพส. และถือว่า นับเป็นภัยความมั่นคงอันร้ายแรงที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างผู้คนในสังคมไทย และหากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจหรือไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ได้ จะส่งผลบานปลายสู่ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างศาสนาได้ในที่สุดและอาจลุกลามนำไปสู่ถึงขั้นเลวร้ายที่สุดโดยถูกองค์กรศาสนาสุดโต่งข้ามชาตินำไปเป็นเงื่อนไขในการเข้ามาแทรกแซงสร้างความรุนแรงวุ่นวายในสังคมไทยได้ต่อไป

จึงเรียนมายังหน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องได้โปรดดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อจัดการและยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มอปพส. เพื่อไม่ให้ขยายวงความขัดแย้งที่อาจนำสู่ความรุนแรงในสังคมไทยได้ต่อไป

Fake news ลวงให้เชื่อ หลอกให้แชร์

Fake news คืออะไร

คือ ข่าวปลอม ข่าวเท็จ ข่าวโกหก ข่าวลวง หรือข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ทำไมเราต้องรู้เท่าทันข่าวประเภทนี้
การแนะนำสิ่งปลอมว่าปลอม เป็นสิ่งที่ควรทำ แม้กระทั่งในดุอา นบียังสอนว่า

اللهم أرنا الحق حقا وارزقنا اتباعه وأرنا الباطل باطلا وارزقنا اجتنابه

“โอ้ อัลลอฮ ได้โปรดให้ฉันเห็นความจริงคือความจริง และโปรดให้ฉันได้ปฏิบัติตามความจริง โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดฉันเห็นความเท็จเป็นความเท็จ และให้ฉันได้ห่างไกลจากมัน”

การที่เรารู้ว่าจริงคือจริง และปลอมคือปลอม ถือเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ แม้กระทั่งในชีวิตประจำวัน

ในทุกวันนี้ สังคมเราโดนหลอกเพราะรู้ของจริงเป็นปลอม และรู้ของปลอมว่าจริงนี่แหละครับ

สิ่งปลอมจึงมีทั่วทุกวงการ

บ้านเราจึงมีหะดีษปลอม ธุรกิจปลอม ข่าวปลอม เผยแพร่มากมาย

ต่อไปนี้เราควรรู้ศัพท์ใหม่สำหรับคนบางคนว่า fake news คืออะไรนะครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.etda.or.th/content/living-in-the-fake-news-era.html

ข่าวด่วน! กราดยิงโคราช เสียชีวิตหลายราย

เกิดเหตุทหารคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาพร้อมแม่ยายของผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต ที่นครราชสีมา จากนั้นได้ขับรถไปยังคลังอาวุธภายในค่ายทหาร ก่อนขับฮัมวี่พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากหลบหนีเข้าตัวเมือง และระหว่างทางได้ใช้อาวุธที่ขนมากราดยิงชาวบ้านที่สัญจรไปมาและตำรวจที่เข้าระงับเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากนั้นหลบหนีเข้าไปในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/thailand-51426918

Cr.สํานักข่าวไทย TNAMCOT
Cr. Thairath
Cr. matichon tv

รัฐบาลตุรกีร่างกฏหมายให้ผู้ชายข่มขืนสตรี อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยไม่ผิดกฎหมายจริงหรือ?

การแพร่ข่าวลวงที่แฝงด้วยความอคติ อันตรายยิ่งกว่าไวรัสโคโรน่า (ไวรัสอู่ฮั่น)

จากกรณีเพจที่ใช้นามว่า CatDumb News ได้แพร่ข่าวที่อ้างจากสำนักข่าว The sun, Mirror,The Guardian,Independent และ Dailystar ซึ่งล้วนเป็นสำนักข่าวออนไลน์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ ที่อคติต่อประชาชาติอิสลามและเป็นแหล่งที่มาของข่าวลวงที่ทำลายความน่าเชื่อถือและสร้างความปั่นป่วนในประเทศอิสลามโดยเฉพาะประเทศตุรกีมาโดยตลอด

โดยในครั้งนี้เพจ CatDumb News ซึ่งอ้างจากแหล่งข่าวดังกล่าวระบุว่า ตุรกีร่างกฏหมายใหม่ว่า “ผู้ชายสามารถหลีกเลี่ยงโทษข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ ถ้าหากว่าแต่งงานกับเหยื่อ “ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียลที่ได้มีการคอมเม้นตท์ด่าทอประเทศตุรกีด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคายและเต็มไปด้วยความอคติ

theustaz.com เห็นว่า การนำเสนอข่าวที่ไม่รอบด้านในลักษณะนี้ จะส่งผลร้ายต่อองค์ความรู้ของชาวไทยที่นอกจากทำลายภูมิปัญญาอันดีงามแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความอวิชชาและสะสมความเกลียดชังในสังคมอีกด้วย

theustaz.com จึงได้สัมภาษณ์อาจารย์อับดุลเอาวัล ศิดดีก Abdulevvel Siddiq ดีกรีปริญญาโทจาก Marmara University และเคยใช้ชีวิตในกรุงอิสตันบูลเกือบ 20 ปีเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ผลการสัมภาษณ์สรุปได้ดังนี้

1. การสมรสในประเทศตุรกีมี 2 ประเภทคือ 1) การสมรสที่มีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมายว่าด้วยครอบครัวและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนหนึ่งคือการกำหนดอายุของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง 2) การสมรสโดยยึดจารีตประเพณี ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในสังคมอาหรับ แม้กระทั่งสังคมมลายูที่อนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานได้ถึงแม้ยังไม่ถึงอายุ 18 ปีตามที่กฎหมายกำหนดก็ตาม

2. ประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คือการสมรสในประเภทที่ 2 ซึ่งรัฐบาลตุรกีพยายามจัดระเบียบใหม่ด้วยการร่างกฏหมายคุ้มครองเด็กหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกระทำชำเราหรือล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้กระทำผิดสามารถแต่งงานกับผู้ถูกกระทำอย่างถูกต้องตามกฏหมายโดยคำพิจารณาของศาล ถึงแม้เด็กหญิงจะมีอายุต่ำกว่า 18 ปีก็ตาม ซึ่งในกฎหมายทั่วไปจะไม่เปิดช่องว่างนี้เลย

3. เมื่อทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว หากเกิดการหย่าร้างภายหลัง ฝ่ายชายต้องรับผิดชอบอุปการะค่าเลี้ยงดูอดีตภรรยาของตนเอง จนกระทั่งนางเสียชีวิตหรือมีสามีคนใหม่ โดยอาศัยอำนาจการพิจารณาของศาลทั้งสิ้น

4. ในสังคมตุรกี มีหลายกรณีด้วยกันที่สามีถูกฟ้องร้องจนกระทั่งถูกศาลตัดสินให้เป็นคนล้มละลาย เพราะไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงดูอดีตภรรยาตนเอง

5. กฎหมายตุรกียังระบุอีกว่า ภรรยามีสิทธิ์ฟ้องร้องสามีได้ หากนางเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิตหรือถูกคุกคาม

6. การเปิดช่องว่างเรื่องอายุ ถือเป็นมาตรการหนึ่งของรัฐบาลตุรกีที่จะลดปัญหาเรื่องการชู้สาว ปัญหาท้องก่อนแต่ง แม้กระทั่งปัญหาโสเภณี ซึ่งขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของกฎหมายเซคิวล่าร์ที่ต่อต้านการสมรสแต่กลับเพิกเฉยเรื่องการผิดประเวณี

7. สื่อตะวันตกไม่เคยเปิดโปงสตรีที่ถูกคุกคามทางเพศ จนกลายเป็นธุรกิจค้ากาม ธุรกิจค้ามนุษย์ที่มีอยู่เกลื่อนในสังคมโลก โดยเฉพาะสังคมยุโรป แต่กลับใส่สีตีไข่ในข้อปลีกย่อยของกฎหมายประเทศตุรกี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นการคุ้มครอง และปกป้องสตรีต่างหาก

8. แม้กระทั่งกฎหมายไทยที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหน้า 129 เล่ม 136 ตอนที่ 69 ก ที่ระบุว่า “ให้ศาลพิจารณาให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทำหรือผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กแทนการลงโทษก็ได้ “ ถามว่า รัฐบาลไทยสนับสนุนให้ผู้ชายข่มขืนหรือกระทำชำเราเด็กหญิงหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้แหล่ะ ที่รัฐบาลตุรกีกำลังแก้ไขอยู่

9. ขอฝากไปยังสังคมไทยและประชาชนชาวไทย ควรมีสติในการเลือกบริโภคข่าวในลักษณะนี้ เพราะจะเป็นการปลูกฝังความอคติและความเกลียดชังด้วยข้อมูลบิดเบือนและไม่รอบด้าน

ลิ้งค์ข่าวลวง https://www.facebook.com/CatDumbNews/posts/2885206004855503

โลภไร้พรมแดน (บทความนี้เขียนและเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2007)

พี่น้องอ่านถูกต้องแล้วล่ะครับ โลภไร้พรมแดน หาใช่โลกไร้พรมแดนยุคไซเบอร์แต่อย่างใดไม่ เพราะที่จะพูด ณ ที่นี้คือความโลภอันไร้พรมแดนจริงๆ ขบวนการ “แชร์ลูกโซ่” กลับมาอีกแล้วครับท่าน …. มางวดนี้เรียกว่า “แชร์ข้าวสาร” คือค้าขายข้าวสารเป็นสินค้าหลัก เริ่มดังมาจากเชียงใหม่ แล้วมาเจ๊งระเนระนาดที่ภูเก็ต สงขลา แต่ก็นึกแปลกใจ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ยังเป็นที่นิยมและดูเหมือนกำลังระบาดอย่างหนักด้วย (น่าจะเป็นเหยื่องวดสุดท้ายสำหรับมื้อนี้)

นึกๆ แล้วก็แปลก ทั้งๆ ที่มุกเรื่องแชร์สินค้าต่างๆ (ทั้งโสม ของใช้ในครัว ยารักษาสารพัดโรค) เป็นมุกที่เก่ามาก มีการหยิบเอามาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายยุคหลายสมัย เจ๊งให้เห็นคาตาก็บ่อยครั้ง สิ้นเนื้อประดาตัวกันไปมิใช่น้อย แต่ไม่ยักค่อยมีใครหลาบจำ พอเปิดวงใหม่ก็เล่นกันใหม่อีกจนได้ ความอยากรวยแบบ กศน. หรือความโลภนี่แหละครับ ที่ทำให้คนบางคน แม้กระทั่งอุสต๊าซแถวบ้านเราหน้ามืดจนลืมหลักการอัลกุรอานและหะดีษไปเสียสนิท และก็ความโลภนี่เช่นเดียวกัน ที่ทำให้คนเราตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะสังคมมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ ที่คล้ายถูกมนต์สะกดให้อยู่ในวังวนแห่งการถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พี่น้องลองย้อนพลิกแฟ้มของมหกรรมการถูกหลอกของสังคมมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ดูซิครับ (เอาแบบถล่มทลายทั่วทั้ง 3 จังหวัดน่ะครับ) เชื่อว่าผู้คนที่มีอายุขึ้นต้นด้วยเลข 4 (วัยแก่ตอนต้น) ยังจำกันได้ว่า กาลครั้งหนึ่ง ที่เมืองปัตตานีดารุสสลาม(หลัง มอ.ปัจจุบัน) มีผู้แอบอ้างว่ามีพละกำลังเหนือมนุษย์มนา ท้าประลองแข่งชักคะเย่อกับรถสิบล้อ ถึงขนาดว่านั่งอยู่บนลูกมะพร้าวก็ยังไม่กระดิกเลย ตามตำนานเล่าว่า คนเรือนแสนตีตั๋วเข้าชมการแสดงอภินิหารที่ผู้แสดงระดับโต๊ะวาลีในครั้งนี้ สุดท้าย พระเอกตายตอนจบครับ โต๊ะวาลีโดนจับในข้อหาหลอกลวง (ก็ช่วงที่เขานั่งสมาธิประกาศห้ามผู้คนเข้าใกล้บริเวณเต้นท์ทำพิธีที่ปิดมิดชิดก่อนแข่งจริง 7 วัน จริงๆแล้วพี่แกดันไปขุดตอม่อผูกเชือกยัน) แต่งานนี้ ทราบว่าโต๊ะครูในปอเนาะดังแห่งหนึ่งนับเงิน(ค่าตั๋ว) แทบไม่ทันเลยทีเดียว แค่ 2-3 คนถูกหลอกยังพอไหว แต่สังคมโดนต้มทั้ง 3 จังหวัด มันสะท้อนถึงอะไร

10 ปีที่ผ่านมา มีสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงเรียงนามเป็นภาษาอาหรับ ใช้ระบบเงินปันผลแก่สมาชิกในอัตราที่สูงมาก นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการธุรกิจที่ได้สร้างกระแสการตอบรับจากชาวบ้านอย่างล้นหลาม ระดับแกนนำก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือทั้งนั้น สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า ทิ้งรอยแผล สร้างตราบาปหลอกหลอนสังคมมุสลิมตราบเท่าทุกวันนี้ หลังจากนั้น วงจรแห่งการหลอกลวงก็ยังเวียนว่ายในสังคมมุสลิม 3 จังหวัดอย่างไม่ขาดสาย ควบคู่กับเหยื่อรายเก่ารายใหม่คนแล้วคนเล่า อาทิ แก๊งแลกเงินอิหร่าน คาถาเสกเงิน การค้นหาเหล็กไหล(จนสมองเลอะ) ก็ยังหากินได้ตราบถึงทุกวันนี้

สดๆ ร้อนๆ 1 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านแถวบ้านเราหลายหมู่บ้านได้เหมารถมุ่งสู่ จ.สุราษฎร์ธานี เพราะไปจับจองที่ดินราคาถูกที่ว่ากันว่า ไม่ได้รับการต่อสัมปทานจากรัฐบาลใหม่ ท้ายสุดก็ต้องรอเก้อ ที่ดินก็ยังเป็นของบริษัทเดิม เราแค่เสียค่าจองจริงๆ ออกข่าวหน้าหนึ่ง นสพ. อยู่ช่วงหนึ่งก็เงียบหายไปพร้อมๆกับน้ำตาตกในของนักล่าฝันทั้งหลาย (ทั้งๆ ที่น่าจะฉุกคิดว่า ถ้าราคาไร่ละ 300 บาท ตามราคาคุยจริง คงไม่ถึงมือเราแน่)

ที่เพิ่งเจ๊งไปหมาดๆ ชนิดที่ว่าเลียแผลยังไม่หายก็คือแชร์น้ำมันครับ รายนี้มาไฮเทคหน่อย ซึ่งแน่ล่ะ เหยื่อก็ต้องระดับไฮเทคเช่นเดียวกัน สมัครสมาชิกทางอินเตอร์เน็ท เพราะบริษัทอยู่ที่มาเลเซีย(ความจริงอาจอยู่ในเมืองไทยใครจะไปรู้) สิ้นเดือนก็สามารถเช็คยอดทางอินเตอร์เน็ทได้ แถมยังใช้ Pass Word ส่วนตัวเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล ช่วงแรกๆ บรรดาสมาชิกต่างก็ลูบเคราลูบท้องจนพุงกาง (ก็กำไรวันละ 1 พันบาทต่อการลงทุน 4-5 หมื่นบาท) นานๆ เข้า อาการชักไม่ค่อยดี ทราบว่าบางรายใช้นิ้วจิ้ม Key Bord สั่นระรัว จิ้มยังไงเงินไม่ปรากฎ ฝันค้างยิ้มเจื่อนจนถึงปัจจุบัน

นี่ยังไม่รวมถึงหมอโต๊ะวาลีรักษาสารพัดโรค(หมอเทวดา) ที่มีวาลีอินโดฯ สิงอยู่เป็นช่วงๆเอย มหัศจรรย์คนเปลี่ยนสีเอย น้ำศักดิ์สิทธิ์ลัยละตุลก็อดรฺเอย หรือสมุนไพรวิเศษตามความฝันถึงขนาดตัดหญ้ากินแทนอาหารก็มีให้เห็นแล้ว

ที่กำลังระบาดหนักปัจจุบันคือการขุดหินดำที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวจังหวัดปัตตานี ซึ่งถูกปรุงแต่งด้วยเรื่องราวแปลกพิศดารมากมาย (ระดับนักการตลาดยังต้องชิดซ้ายเลยครับ) เห็นว่าตามความฝันแล้วห้ามซื้อขายกัน แต่ลงเอยด้วยการเสียเงินทุกที (ซื้อไม่ได้แต่ให้เช่าแทน วิธีนี้เป็นลิขสิทธิ์ของคนอื่นเค้านะครับ) ล่าสุดทางจังหวัดปัตตานีเพิ่งประกาศว่าหลังจากตรวจสอบแล้ว เป็นเพียงแร่ถ่านไฟฉายกัน งานนี้พ่อค้าคนกลางรวยไม่รู้เรื่องเช่นเคย

ขณะนี้ข่าวเริ่มหนาหูถึงกรณีแชร์ฮัจญ์ 6 คือผู้ใดที่ประสงค์จะไปทำฮัจญ์ ก็สมัครได้ในราคา 7,500 บาท แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องหาสมาชิกใหม่เพิ่ม 6 คน โดยที่แต่ละคน ต้องจ่ายค่าสมัคร 7,500 บาท เช่นเดียวกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ตามระบบแชร์ลูกโซ่ทั่วไป ก็ได้แต่สงสารโต๊ะเยาะฮฺ พอถึงเวลาแล้วไม่แน่ใจว่าจะได้สิทธิไปทำฮัจญ์ สมดั่งความตั้งใจหรือปล่าว

มลายูมุสลิมน่าจะถูกโฉลกกับการถูกหลอกจนเป็นยี่ห้อประจำตัวแล้วกระมัง

แม้กระทั่งอุตส่าห์อพยพทิ้งบ้านเรือนไปขุดทองที่มหานครมักกะฮฺ ก็มิวายยังถูกหลอกซะน่วม กว่าจะละเมอตื่น ก็โดนยัดเข้าใส่ในเครื่องบินถูกตะเพิดกลับเมืองไทยชนิดไม่ทันตั้งตัวเป็นพันๆ คน (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้วครับ)

ครั้นพอไปตั้งหลักไปเปิดร้านต้มยำกุ้งที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีข่าวถูกหลอกเล็ดรอดอยู่เป็นเนือง ทั้งเรื่องทำวีซ่า ต่ออายุพาสปอร์ต ถูกเรี่ยไรเงิน แม้กระทั่งการทำบัตรประชาชนเปลี่ยนสัญชาติ ที่แน่ๆ แชร์ลูกโซ่ไม่มีวันหายจากสังคมมุสลิม และที่น่าประหลาดใจคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของแชร์ประเภทนี้นอกจากผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพแล้ว ยังมีบรรดาอุสต๊าซ โต๊ะครู บาบอ ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือในสังคมรวมอยู่ด้วย ก็โลภไม่มีพรมแดนงัยครับ

ข่าวที่กรองแล้ว แจ้งว่า โต๊ะอิมามคนหนึ่ง ยอมลงทุนรณรงค์เชิญชวนสัปปุรุษให้เข้าสมาชิกแชร์อย่างว่าขณะอ่านคุตบะฮฺในวันศุกร์เลยทีเดียว

นึกไม่ถึงว่า แชร์ลูกโซ่ที่เต็มไปด้วยร้อยเล่ห์เพทุบาย มีกรรมวิธีที่แยบยลและชั้นเชิงอันแพรวพราว สามารถยืนตระหง่านอย่างสง่าผ่าเผยบนแท่นมิมบัรฺในมัสยิดกันแล้ว

สังคมมุสลิมในทุกระดับจำเป็นต้องทบทวนตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น สังคมเราขาดภูมิคุ้มกันและตีบตันทางปัญญาถึงระดับนี้เชียวหรือ ความโลภทำให้ผู้คนลืมหลักการไปหมดสิ้นและยอมถูกกัดในรูเดียวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบเลยหรือ นบีมูฮำมัดกล่าวความว่า “สุนัขจิ้งจอกที่กำลังหิวโซ 2 ตัว ที่ถูกปล่อยเข้าไปในฝูงแกะ ยังมีศักยภาพสร้างอันตรายน้อยกว่าบุคคลที่มีความโลภต่อทรัพย์สมบัติเสียอีก” (หะดีษรายงานโดยติรมิซีย์)

ทุกคนพึงสังวรณ์ว่า ไม่มีการทำธุรกิจใดๆ ในโลกนี้ ที่สามารถปันผลกำไรให้สมาชิกจำนวน 300% ภายในเวลาเพียง 50 วันหรอกครับ เว้นแต่ธุรกิจ 2 ประเภทเท่านั้นคือ
1) ธุรกิจที่ผิดทั้งกฎหมายและชะรีอะฮฺ
2) ธุรกิจถูกกฎหมายและถูกชะรีอะฮฺโดยผิวเผิน แต่แฝงด้วยกลยุทธ์การหลอกลวงและมอมเมาประชาชน

ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ ที่คนไม่รู้จักมักคุ้นกัน แต่ใจดีเชิญทำธุรกิจร่วมกันพร้อมเสนอผลกำไรมากมายมหาศาลเช่นนี้หรอกครับ

ตามทฤษฎีการหลอกลวงของชัยฏอน (ทั้งชัยฏอนญินและชัยฏอนมนุษย์) หากชีวิตมนุษย์มีจำนวน 100 ยก มันยอมลงทุนแกล้งแพ้เราตลอดทั้ง 99 ยก เพียงเพื่อแน่ใจว่าจะชนะแค่ยกเดียว

แต่ในกรณีแชร์ลูกโซ่ เราชนะแค่ยกเดียวครับ นอกนั้นชัยฏอนเหมาเรียบ

พี่น้องคงรู้จักการละเล่นพื้นเมืองชื่องูกินหางมั้ยครับ นั่นแหล่ะ ใช่เลย

มุอฺมินไม่สามารถเป็นคนไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกและพอใจที่จะเป็นแค่เหยื่ออีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทันกับเขาบ้าง เราไม่จำเป็นลงทุนเข้ารูแย้ตามแฟชั่นหรอก คำว่าจุดยืนอันมั่นคงและเที่ยงตรง สะกดเป็นมั้ย (ขอถามด้วยศักดิ์ศรีของมุอฺมินครับ)

โดยเฉพาะกับการหาเงินเลี้ยงชีพและครอบครัว ขึ้นชื่อว่าเงิน ใครๆก็ปฏิเสธยากครับ แต่อย่าลืมว่าเราจะถูก สตง.ของอัลลอฮฺสอบสวนเรื่องทรัพย์สมบัติ 2 กระทง คือแหล่งมาและแหล่งไป(รายได้และรายจ่าย) ถามว่าเงินกำไร 300% ภายในเวลาเพียง 50 วันนั้น เรามั่นใจแค่ไหนว่าเอามาจากไหน ด้วยวิธีการอะไร(ถึงเวลานั้น เราจะบีบน้ำตาขอคะแนนสงสารพร้อมให้เหตุผลว่าผิดโดยสุจริตไม่ได้อีกแล้วครับ)

แต่ที่แน่ๆ การทำนาบนหลังคน สร้างเสียงหัวเราะบนคราบน้ำตาของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เป็นวิถีมุสลิม เงินที่ได้จากธุรกิจประเภทนี้ไม่น่าจะเป็นริสกีที่มีความบะเราะกะฮฺแน่นอน หางงูที่เราสวาปามเข้าไป มันจะฟาดเข้าบนหน้าเรา ดุอาของคนที่ถูกอธรรมนั้น อัลลอฮฺจะตอบรับโดยไม่มีข้อแม้และปราศจากสิ่งสกัดกั้นนะครับ พี่น้องลองกวาดสายตาไปยังบรรดานายหน้าแชร์ประเภทนี้ทั้งหลาย จะมีสักคนไหมที่เสวยเงินอย่างมีความสุข และมีบั้นปลายชีวิตที่น่าเคารพยกย่อง

หะดีษกล่าวไว้ความว่า “ผู้สำเร็จที่แท้จริงคือผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮฺ ได้รับปัจจัยยังชีพที่พอเพียง และอัลลอฮฺทรงให้ความรู้สึกเพียงพอในสิ่งที่พระองค์ฮฺทรงประทานให้แก่เขา” (รายงานโดยมุสลิม)

ทุกคน(อุสต๊าซ บาบอและนักวิชาการทั้งหลาย) น่าจะทบทวนความทรงจำของหะดีษที่ได้หยิบยกมาข้างต้นมาขบคิดกัน เผื่อดวงตาจะเห็นสัจธรรมขึ้นมาได้บ้าง

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ
14/11/2007

ปล. บทความนี้เขียนและเผยแพร่เมื่อเกือบ 13 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเกิดกระบวนการแชร์ลูกโซ่ มากมายที่สลับซับซ้อนและแนบเนียนตามยุคสมัย แต่ยังไม่พ้นวงจรอุบาทว์แชร์ลูกโซ่อยู่ดี

ร้องเรียนมาตรฐานข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายู ถึง สทศ.

จดหมายเปิดผนึกถึง สทศ.

         เรื่อง ร้องเรียนมาตรฐานข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายู
         เรียน ประธานกรรมการ สทศ.

         ตามที่สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) – สทศ. ได้ดำเนินการสอบ I-NET เพื่อทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอิสลามศึกษา โดยออกข้อสอบทั้งภาษาไทยและภาษามลายูอักษรยาวี นั้น

ขอเรียนแจ้งว่า ในส่วนของข้อสอบภาษามลายูพบว่า มีข้อผิดพลาดนับไม่ถ้วนที่สะท้อนถึงความไม่มีมาตรฐานของคณะกรรมการออกข้อสอบทุกฝ่ายและความสะเพร่าของผู้เกี่ยวข้องทุกชุด

ผลของการไร้ซึ่งมาตรฐานนี้ นอกจากบ่งชี้ถึงความไม่จริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาทางอิสลามศึกษา ความไร้มาตรฐานของคณะทำงานของผู้ทดสอบมาตรฐานในทุกขั้นตอนการทำงานแล้ว ยังเป็นการดูถูกภูมิปัญญาและความรู้ความสามารถด้านการใช้ภาษามลายูอักษรยาวีอีกด้วย

จึงขอร้องเรียนมาตรฐานข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายูมายัง สทศ. และเสนอให้ สทศ. รับพิจารณาดำเนินการโดยเร่งด่วน ดังต่อไปนี้

  • ยุติการปฏิบัติงานของคณะกรรมการออกข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายูทุกชุด และแต่งตั้งบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทน
  • ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานของคณะกรรมการออกข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายูทุกชุด
  • ประสานหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการออกข้อสอบ I-NET ภาคภาษามลายู เพื่อสามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของ สทศ. อย่างมีคุณภาพและมาตรฐานต่อไป
ที่มา : www.niets.or.th

         theustaz.com ขอส่งกำลังใจและเชื่อมั่นต่อ สทศ. เป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาด้านอิสลามศึกษาในภูมิภาคสมดังเจตนารมณ์ที่วางไว้ทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
theustaz.com
21 มกราคม 2563

ที่มา : www.niets.or.th

เตือนมุสลิมระวังแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์ อ้างมีทุนจากรัฐบาลซาอุฯทำฮัจญ์ฟรี

19 มกราคม 2563
เกิดกระแสที่เป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ขณะนี้ว่า มีการประกาศเสนอทุนทำพิธีฮัจญ์ฟรีโดยทุนของประเทศซาอุดิอาระเบีย ผ่านกระทรวงกิจการศาสนาและศาสนสมบัติที่ประกาศเชิญชวนให้มุสลิมลงทะเบียนสมัครผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครมักกะฮ์ในปีนี้

ข่าวที่มีเนื้อหาเป็นภาษาอาหรับระบุว่า มีทุนฮัจญ์ฟรีโดยมอบทุนๆละ 2 คน ซึ่งกระทรวงกิจการศาสนาและศาสนสมบัติร่วมกับมักกะฮ์ชาแนลเป็นฝ่ายรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พักและค่าอาหารตลอดระยะเวลาทำพิธีฮัจญ์ โดยผู้สมัครจะต้องกรอกใบสมัครและตอบคำถามเป็นภาษาอาหรับตามที่ได้ระบุไว้

theustaz.com ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่อาวุโสสถานทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ได้รับการยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่ประการใด และเชื่อว่าน่าจะมีแก๊งค์มิจฉาชีพที่ตั้งใจหลอกลวงประชาชน จึงขอเตือนมายังพี่น้องมุสลิมอย่าได้หลงเชื่อกับข่าวในทำนองนี้ เพราะรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีการคัดเลือกและให้ทุนทำฮัจญ์ในนามรัฐบาลผ่านองค์กรและหน่วยงานที่เป็นทางการเท่านั้น

โดยทีมข่าวในประเทศ

แก้ปัญหาใต้ : การเยียวยาเเค่ส่วนหนึ่ง

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน

การเยียวยาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน :กรณีทหารพรานยิงชาวบ้าน
จากกรณีที่ทหารพรานยิงชาวบ้านที่เขาตะเว จังหวัดนราธิวาส ได้มีการนำเงินเยียวยาจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และแม่ทัพภาคที่สี่ นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากจะให้ปัญหามีโอกาสที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกตามหลักการสากลแล้ว (ตามข้อเสนอแนะของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม) จะต้องดำเนินการไปด้วยกันสี่ขั้นตอนตามหลักกระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (ศัพท์ทางวิชาการ) (Transitional Justice – TJ) และทุกกรณีไม่ว่าเหตุการณ์ที่ลำพะยาและอื่นๆมาใช้โดยให้นำมาใช้ทั้งกับการก่ออาชญากรรมร้ายแรง ทั้งจากฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบและเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อลดความขัดแย้ง เกลียดชังโดยประสานกับหลักการความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restroative Justice -RJ) โดยจะต้องยึดหลักการตรวจสอบค้นหาความจริง จากคณะกรรมการอิสระที่เป็นอิสระ เช่นนักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และภาคประชาสังคมที่ได้รับความเคารพเชื่อถือ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเหยื่อของความรุนแรงและสังคมรับทราบความจริง เข้าใจปัญหาและรากเหง้าของความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในแง่มุมต่างๆ อย่างเป็นภาวะวิสัยพร้อมทั้ง การชดเชย ฟื้นฟู แก้ไข เยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ทั้งชาวมุสลิมและชาวพุทธ ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขเช่นเดิม รวมทั้งการเยียวยาทางด้านจิตใจ ซึ่งที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวยังไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐเท่าที่ควร ความคับแค้นใจที่ยังคงดำรงอยู่ไม่เป็นดีอย่างยิ่งต่อกระบวนการสันติภาพและการสร้างความปรองดองใน จชต. อีกทั้งการนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ลงโทษผู้กระทำผิด โดยเฉพาะผู้มีอำนาจไม่ว่าจะฝ่ายใด ที่สั่งการ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจในการก่ออาชญากรรมร้ายแรง โดยอาจนำหลักการของความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice-RJ) มาใช้สำหรับการกระทำผิดของผู้ใต้บังคับบัญชาของทั้งสองฝ่ายด้วย

สิ่งสำคัญไม่ควรมองข้ามคือการปฏิรูปเชิงสถาบัน ทั้งในทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ จชต. โดยกระบวนการของการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่สันติสุขและการพัฒนาที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยท้ายสุดคือการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการเยียวยาโดยพัฒนากลไกในการรับเรื่องร้องเรียน โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมที่สามารถเข้าถึงชุมชนและผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและได้รับผลกระทบมากกว่ากลไกของรัฐ โดยรัฐจะต้องประกันความปลอดภัยและความเป็นธรรม เพื่อให้ผู้ร้องเรียนมีความมั่นใจและกล้าร้องเรียน การร้องเรียนเป็นการเปิดเผยความจริงของความขัดแย้งและปัญหาต่อรัฐต่อสังคม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการแก้ไขปัญหาและกระบวนการสันติภาพและพัฒนากลไกการร้องเรียนและตรวจสอบกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เพื่อป้องปราม ค้นหาความจริงและให้มีการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างได้ผล ทั้งการตรวจสอบโดยกลไกในท้องถิ่น กลไกประเทศและกลไกระหว่างประเทศ ที่เป็นอิสระ โดยกลไกเหล่านี้ต้องสามารถเข้าถึงข้อเท็จจริงต่างๆ และข้อเสนอแนะได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานของรัฐและรัฐบาล

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเยียวยาเหยื่อและผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งมิใช่เพียงการชดใช้เป็นตัวเงินเท่านั้น แต่รวมถึงการฟื้นฟูเยียวยาด้านจิตใจ การทำให้กลับสู่สถานะเดิมเท่าที่จะทำได้ การช่วยเหลือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเหยื่อและครอบครัว ฯลฯ การเยียวยาเป็นการบรรเทาความขัดแย้งที่ได้ผลระดับหนึ่ง ในขณะที่กระบวนการสันติภาพยังไม่ได้รับความสำเร็จ


หมายเหตุ : ฟังคลิปบทสัมภาษณ์หน่วยความมั่นคงหลังเยียวยาครอบครัวเหยื่อทหารพรานยิงประชาชน

เขียนโดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)