ไม่มีอะไรที่กลับตาลปัตรและพลิกผันไปมากกว่านี้อีกแล้ว | บันทึกรอมฎอน 1441 (8)

47 ปีที่แล้ว ประเทศอ่าวอาหรับทั้งคูเวต กาตาร์ บาห์เรน เอมิเรตส์ ภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบียที่มีกษัตริย์ไฟศอลเป็นผู้นำได้ออกโรงตอบโต้สหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนอิสราเอลกรณีใช้กองกำลังบุกยึดปาเลสไตน์ ด้วยการพร้อมใจกันยุติการส่งออกน้ำมันแก่สหรัฐฯและฮอลแลนด์ เพื่อแสดงจุดยืนอยู่เคียงข้างรัฐบาลอิยิปต์และซีเรียที่กำลังทำสงครามกับอิสราเอลที่ปะทุขึ้นเมื่อ 10 รอมฎอน 1394 (6/9/1973)

47 ปีคล้อยหลัง ทั้งประเทศที่เคยร่วมทำสงครามและประเทศบางประเทศที่เคยสนับสนุนทำสงครามกับอิสราเอล ได้ร่วมใจพากันจับมือกับสหรัฐฯและอิสราเอลเพื่อประกาศสงครามกับกลุ่มต่อต้านอิสราเอล และพากันชี้หน้าพวกเขาว่ามีอะกีดะฮ์ที่บิดเบือน แนวคิดที่สุดโต่ง และทัศนคติที่ไม่สร้างสรรค์

—————-
ไม่มีอะไรที่กลับตาลปัตรและพลิกผันไปมากกว่านี้อีกแล้ว

รอมฎอนนี้ไม่มีเธอ | บันทึกรอมฎอน 1441 (7)

รอมฎอนนี้ไม่มีเธอ

10 กว่าปีที่แล้วได้เข้าร่วมเอี้ยะติก้าฟครั้งแรกที่มัสยิดอัตตะอาวุนบางปู อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี และได้เข้าร่วมปฏิบัติเรื่อยมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นความผูกพันที่สร้างความประทับใจมากมาย

ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับตำนานของหมู่บ้านสืบสานเรื่องราวในอดีตตั้งแต่เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงมัสยิดกลางปัตตานี ขบวนการต่อสู้ของกลุ่มเรียกร้องอิสรภาพ การเผยแพร่อิสลามยุคเริ่มก่อตั้งมัจลิสอิลมีย์ทุกเช้าวันเสาร์ที่บราโอ การริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนตาดีกาพร้อมตำนานมัสยิดไม้อายุกว่า 300 ปี แนวคิดปลูกฐานสร้างมัสยิดใหญ่โตที่มีเสามหึมาชูตระหง่านนานเกือบ 20 ปี แม้กระทั่งวิถีชุมชนตามเทศกาลต่างๆที่เล่าขานมาอย่างมิรู้เบื่อ

ถึงแม้ไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างครบเครื่องสมบูรณ์ แต่ผมพยายามบันทึกความทรงจำนี้ผ่านลำนำอนาชีดทั้งเวอร์ชั่นภาษามลายูและไทย

ส่วนอนาชีดที่ 3 เป็นภาพสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของชาวบางปู ภายใต้การกำกับดูแลของมัสยิดอัตตะอาวุน อันหมายถึง การเกื้อกูลอุดหนุนซึ่งกันและกัน

เนื้อหาอนาชีดทั้ง 3 เป็นเพียงรอยน้ำที่ติดอยู่กับเข็มที่จุ่มในทะเลแห่งอัตตะอาวุน

เพราะในความเป็นจริง มันจะพราวกว่าเนื้ออนาชีดไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า

รอมฎอนปีนี้ ถึงแม้ไม่มีเธอ แต่จะพยายามเก็บเกี่ยวความทรงจำตราบนานเท่านาน


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

ข่าวด่วน | บันทึกรอมฎอน 1441 (6)

ไวรัสตัวใหม่กำลังมาแรงใน 3 จว. แดนใต้
เริ่มก่อตัวแพร่เชื้ออย่างเร้าใจสุดๆ

ข่าวล่าสุดแจ้งว่า เฉพาะในเมืองยะลาระบาดหนักกว่า 5 จุดแล้ว
ในเมืองปัตตานียังไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนในเมืองนราฯคาดว่าจะบานปลาย
ล่าสุดที่หาดใหญ่ผุดแล้ว 4 จุด ในวันเดียว
จังหวัดอื่นๆกำลังลุ้นระทึก

ปรากฏการณ์แชร์ลูกโซ่แห่งความดี
ที่มาช่วงรอมฎอน 1441 นี้
ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
ไวรัสใหม่กำลังระบาด

“ตู้ปันสุข”
ภายใต้สโลแกน #หยิบแต่พอดี_ถ้าท่านมีก็แบ่งปัน


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

อาหารเหลือกิน | บันทึกรอมฎอน 1441 (5)

สิ่งหนึ่งที่มักเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกในเดือนรอมฎอนคืออาหารเหลือกิน ที่กลายเป็นขยะในวันรุ่งขึ้น หากคิดเป็นเงินที่ครัวมุสลิมทิ้งอาหารเหลือกินวันละเพียง 5 บาทต่อวัน ถามว่าเราทิ้งเงินอย่างสูญเปล่าวันละกี่ล้านบาท หากคิดทั้งเดือนรอมฎอนแล้ว ตัวเลขจะสูงมากจนตกใจ

ลองคิดหยาบๆดูว่า เฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มี 300,000 ครัวเรือน x 5 บาท x 30 วัน = 45,000,000 บาท
เงินจำนวนนี้สามารถสร้าง
1. บ้านสำหรับคนไร้บ้านราคาหลังละ 500,000 บาท ได้ 90 หลัง หรือ
2. สร้างมัสยิดงามๆ 9 หลังราคาหลังละ 5 ล้าน
3. สร้างอาคารเรียนตาดีกาอาคารละ 1 ล้าน จำนวน 45 หลัง หรือ
4. มอบทุนการศึกษาระดับ ป. ตรี สำหรับโครงการช้างเผือกในสาขาวิชาขาดแคลน คนละ 1 ล้านได้ถึง 45 ทุน หรือ
5. ฯลฯ

เราจะมีวิธีการจัดการอาหารเหลือกินนี้อย่างไร

โครงการ “ตู้ปันสุข” น่าจะแก้ได้ในระดับหนึ่ง

เชื่อว่าหากในแต่ละชุมชนจัด “ตู้ปันสุข” อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากยังสามารถจัดกิจกรรม “ชุมชนช่วยชุมชน” แล้ว เรายังแก้ปัญหา อาหารทิ้งในวันรุ่งขึ้นได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย

“ทำดี ทำได้ ไม่ต้องเดี๋ยว”
———————-
ปล. อาหารเหลือกินตรงนี้ ไม่ใช่เศษอาหารที่เราเหลือเก็บนะครับ แต่สำหรับบางคนเก็บอาหารเยอะแยะในห้องครัวหรือตู้เย็น ที่ไม่รู้จะคิดยังไงที่จะกินให้หมด แต่มันคืออาหารอันแสนเอร็ดอร่อยของคนบางครอบครัว


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

ตู้ปันสุข 3 จังหวัดชายแดนใต้ | บันทึกรอมฎอน 1441 (4)

เท่าที่ทราบ รอมฏอนปีนี้ น่าจะเป็นรอมฎอนแรกที่มีการริเริ่มจัด “ตู้ปันสุข” ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้สโลแกน “หยิบไปแต่พอดี ถ้าท่านมี ใส่ตู้แบ่งปัน”

ขอขอบคุณองค์กรและบุคคลที่ริเริ่มจัดโครงการที่มีประโยชน์ยิ่งนี้ โดยเฉพาะทีมงาน IAC เครือข่ายองค์กรมุสลิมสู้ภัยโควิด-19 ถือเป็นการริเริ่มความดีงามในอิสลาม ที่สามารถเกิดผลบุญให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง และเป็นการสะสมผลบุญรวมกับคนที่ทำเป็นแบบอย่างหลังจากนั้นอีกด้วย ตามนัยหะดีษที่รายงานโดยมุสลิม/1017

ขอสนับสนุนกิจกรรม ”แชร์ลูกโซ่” ชนิดนี้ และอยากเชิญชวนให้แต่ละชุมชนนำไปปฏิบัติต่อโดยใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลาง เท่าที่มีความสามารถและสถานการณ์เอื้ออำนวย

ถือเป็นหนึ่งในโมเดล “ชุมชนช่วยชุมชน” Kampong bantu Kampong ที่แสนธรรมดาแต่ด้วยพลังใจอันแสนยิ่งใหญ่มาก

ทั้งผู้ยื่นมือให้และผู้ยื่นมือรับ ต่างก็ต้องมีพื้นฐานจิตสำนึกที่สำคัญมากๆไม่แพ้กันคือ “ความรู้สึกอยากแบ่งปัน”

جزاكم الله خيرا وندعوه سبحانه وتعالى أن يكتب هذه الأعمال في سجلات حسناتكم يوم القيامة

เอื้อเฟื้อภาพ Sukree Semmard


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

การเอี้ยะติก้าฟ ช่วง10 วันสุดท้าย | บันทึกรอมฎอน 1441 (3)

จำได้ว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วทุกครั้งที่รอมฎอนมาถึง หนึ่งในเรื่องที่เป็นที่โจษจันของพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดคือ การเอี้ยะติก้าฟ ช่วง10 วันสุดท้าย

ชาวบ้านบอกว่าเป็นเรื่องแปลกพิสดาร มีบ้านอยู่ดีๆ แต่มานอนที่มัสยิด แถมอาจจะสร้างสิ่งสกปรกให้มัสยิดอีกด้วย บางหมู่บ้านเล่นแรงถึงขนาดประกาศเป็นเขตพื้นที่ปลอดเอี้ยะติก้าฟไปเลย ประมาณว่า สมัยนั้นทั่ว 3 จังหวัด มีมัสยิดที่จัดเอี้ยะติก้าฟไม่เกิน 10 แห่ง และทำกันอย่างมีข้อจำกัดพร้อมด้วยแรงกดดันมากมาย

ชาวบ้านทั่วไป เข้าใจว่า เอี้ยะติก้าฟ 10 วันสุดท้ายรอมฎอน เป็นการปฏิบัติตนของผู้รู้หรือคนระดับโต๊ะวาลีเท่านั้น ทำให้มีคนทำสุนนะฮ์นี้ในกลุ่มคนที่จำกัดมากๆ

ปัจจุบันเท่าที่ทราบ กระแสมองลบการเอี้ยะก้าฟ 10 วันสุดท้ายรอมฎอนเป็นเรื่องเก่าที่ถูกฝังในตำนานไปแล้ว ผู้คนที่ไม่เห็นด้วยในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูสุนนะฮ์นี้อย่างขมักเขม้น หากไม่ใช่เพราะวิกฤตโควิด-19 ช่วงนี้ทั้งวิทยุชุมชน ทีวีช่องดำ หรือการไลฟ์สดตามโชเชียล คงมีการพูดถึงและรณรงค์เรื่องการเอี้ยะติก้าฟ ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา แม้กระทั่งหน่วยงานด้านความมั่นคง คงมีการตระเตรียมความพร้อมเพื่อจัดเอี้ยะติก้าฟอย่างถ้วนหน้า

ไม่มีใครยกประเด็นการฟื้นฟูสุนนะฮ์นี้ ว่าเป็นงานเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพราะหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ต้องฟื้นฟูสุนนะฮ์นบีให้คงอยู่ควบคู่กับสังคมมุสลิมอยู่แล้ว

การละหมาดอีดบริเวณลานกว้างก็เช่นกัน

ไม่มีใครหรือกลุ่มไหน ที่จะสงวนสิทธิ์การปฎิบัติใช้สุนนะฮ์นี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวหรอกครับ
และคนที่ยังไม่เคยปฏิบัติ ก็ไม่จำเป็นต้องกระดากใจใดๆที่จะต้องทำ เพราะการฟื้นฟูสุนนะฮ์นบี เป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว

โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ผู้คนทุกหมู่เหล่าต้องร่วมมือร่วมใจกันแสดงความสวามิภักดิ์และนอบน้อมแด่พระองค์ด้วยการปฎิบัติตามสุนนะฮ์นบีโดยพร้อมเพรียงกัน

ไม่มีใครได้หน้าและเสียหน้ากรณีปฏิบัติตามสุนนะฮ์นบีหรอก

บางคน การปฏิบัติตามสุนนะฮ์ รู้สึกขมยิ่งกว่าอมบอระเพ็ด
แต่สำหรับบางคน มันคือความหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำตาลโตนด

ขอให้เราเป็นบางคนในกลุ่มที่สองนี้ครับ


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

เช้าวันศุกร์ที่ 15 | บันทึกรอมฎอน 1441 (2)

บันทึก เช้าวันศุกร์ที่ 15 รอมฎอน 1441(2)

มีพี่น้องจากเทศบาลนครยะลาแจ้งว่า เช้านี้ที่ตลาดเสรี เงียบเหงาผิดปกติ สอบถามได้ความว่าแม่ค้าไม่กล้าออกจากบ้าน

พี่น้องจากเทศบาลปัตตานี บอกว่า เช้านี้ผิดสังเกตมากๆ ไม่มีผู้คนออกมาจ่ายตลาดเหมือนวันปกติ

ส่วนที่นราธิวาสไม่มีข้อมูล

แสดงว่า คำเตือนของบาบอที่ย้ำว่า ถึงแม้เป็นหะดีษปลอม แต่เพื่อความปลอดภัย อย่าออกจากบ้านก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ยังมีคนเชื่อจริง

แสดงว่า หะดีษปลอมที่รายงานโดยบาบอ มีคนเชื่อจริง

แสดงว่า สังคมยังตกเป็นเหยื่อการแพร่ระบาดของหะดีษปลอม

เพื่อเป็นการปกป้องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เรามีหน่วยงานทางราชการ องค์กรศาสนา ออกแถลงการณ์มาตรการต่างๆฉบับแล้วฉบับเล่า

แต่การแพร่ระบาดของหะดีษปลอม
เรากลับไม่มีหน่วยงานไหน คอยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน

ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นหะดีษปลอม
บาบอก็ยังใช้เป็นทุนในการเผยแพร่ จนชาวบ้านหลงเชื่อระนาว

การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในโลกนี้
แต่การแพร่ระบาดของหะดีษปลอม จะส่งผลต่อชีวิตเราในวันอาคิเราะฮ์ และถูกตั้งข้อหาว่า เราโกหกใส่นบี อ้างว่านบีสอนนบีกล่าว ทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นคำสอนของนบีด้วยประการทั้งปวง


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

ฝันที่อยากให้เป็นจริง | บันทึกรอมฎอน 1441 (1)

ฝันที่อยากให้เป็นจริง

รายอฟิฏรีย์ปีนี้ เป็นไปได้ไหมว่าสำนักจุฬาราชมนตรี ออกแถลงการณ์ฉบับ ที่ 6 รณรงค์ให้พี่น้องร่วมละหมาดที่ลานกว้างทั่วประเทศ ด้วยเหตุผล

1. การละหมาดอีดที่ลานกว้างคือทางออกและแบบอย่างของนบีและชาวสะลัฟที่ปฏิบัติกันมากว่า 1,400 ปีมาแล้ว

2. แก้ปัญหาการแออัดในมัสยิด ที่มีพื้นที่จำกัดที่จะจัดแถวแบบทิ้งระยะห่าง 1.5 -2 ม. ตามเงื่อนไขของจุฬาราชมนตรี แค่อีดปกติ คนก็ล้นมัสยิดอยู่แล้ว

3. สามารถปฏิบัติตามสุนนะฮ์ด้วยการละหมาดอีดที่ลานกว้าง และสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของจุฬาฯ (ทูอินวัน)

4. แม้สังคมส่วนใหญ่อาจลำบากใจที่จะปฏิบัติตามสุนนะฮ์กรณีละหมาดอีดที่ลานกว้าง แต่อาจสบายใจที่จะละหมาดอีดที่ลานกว้างเนื่องจากโควิด-19 ก็ได้

5. สังคมมุสลิมใน 3 จังหวัดเคยจัดละหมาดฮายัตระดับจังหวัดใหญ่โตมาแล้วหลายครั้ง คิดว่าหากจัดละหมาดอีด คงไม่มีปัญหาอะไร ที่สำคัญสามารถฟื้นฟูสุนนะฮ์นบีในสถานการณ์วิกฤตนี้

สถานการณ์ ข้อจำกัด ความสะดวก ความปลอดภัยและความพร้อม เอื้อที่สุดแล้วครับ
เพียงแต่สภาพอากาศคอยเป็นใจให้ก็แล้วกัน


โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ