มอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย

ในนามมูลนิธิเรือนร่างเดียวกัน ขอขอบคุณชาวมือบนทุกท่านที่ร่วมสมทบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย 2023 ซึ่งองค์กรภาคีในพื้นที่อิดลิบ ซีเรียได้นำแจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัยครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวน 100 ครอบครัวๆ ละ 1,000 บาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 55,555 บาทจะมอบเงินให้แก่เด็กเพื่อเป็นของขวัญวันอีดจำนวน 110 คน ๆ ละ 500 บาท

ส่วนเงินสมทบให้แก่สภาเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี  จำนวน 40,000 บาท ทางสภาฯ ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

الحمد لله الذي بنعمته تتم الصالحات

وجزاكم الله خيرا


โดย ทีมข่าว theustaz.com

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.3)

พึงระวังมนุษย์สองหน้า

Hati-hati manusia berwajah dua

إنَّ شَرَّ النَّاسِ ذُو الوَجْهَيْنِ، الذي يَأْتي هَؤُلَاءِ بوَجْهٍ، وهَؤُلَاءِ بوَجْهٍ

(متفق عليه)

“Seburuk-buruk manusia adalah dzul-wajhain (orang yang bermuka dua), iatu orang yang ketika di tengah sekelompok orang, ia menampakkan suatu wajah, namun di tengah sekelompok orang lain, ia menampakkan wajah yang lain”

แท้จริงมนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุดคือมนุษย์สองหน้า เขาจะไปอยู่กับชนกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าหนึ่ง และอีกชนกลุ่มหนึ่งด้วยใบหน้าอื่น

مَنْ كان لهُ وجْهانِ في الدنيا كان لهُ يومَ  القيامةِ  لِسانانِ من نارٍ

Siapa yang memiliki dua wajah di dunia, ia akan memiliki dua lidah dari api di akhirat” (HR. Abu Daud no. 4873, disahihkan Al Albani dalam Silsilah Ash Shahihah no. 892).

ผู้ใดเป็นบุรุษสองหน้าบนโลกดุนยา เขาจะมีลิ้นสองอันที่มาจากไฟนรก

———————————————-

มนุษย์ที่อยู่ในภาพนี้ เป็นถึงนักวิชาการคนหนึ่งในมาเลเซีย เมื่อปี 2020 ช่วงที่อันวาร์ อิบราฮีมกำลังโดนมรสุมทางการเมืองอย่างหนัก แทนที่เขาจะให้กำลังใจและร่วมดุอาให้เพื่อนร่วมสถาบัน เขากลับได้ทีเหยียบซ้ำและโจมตีอันวาร์ รวมทั้งยกเหตุผลมากมายเพื่อตอกย้ำว่าอันวาร์ไม่สมควรได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แถมทิ้งท้ายด้วยคำว่า نعوذ بالله من ذلك (เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พระองค์คุ้มครองจากการนำของอันวาร์)

แต่เมื่ออันวาร์กลับมาบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพบปะนายกรัฐมนตรีกับอุละมาอฺเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาที่ผ่านมา พร้อมชื่นชมอย่างภูมิใจว่า เคยเป็นศิษย์ร่วมสถาบันและเคยทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน และยังบังอาจให้ข้อเสนอแนะแก่นายกรัฐมนตรีด้วยข้อเสนอแนะที่ล้วนแล้วมาจากหัวใจที่อคติและทัศนคติอันคับแคบของตนเอง

เป็นอุละมาอฺที่อันวาร์ควรระมัดระวังและหนีห่างเป็นพิเศษครับ


โดย Mazlan Muhammad

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.2)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม  2565 เวลา 16.30 น. ณ อาคาร Seri Perdana, Putrajaya นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของผู้นำประเทศ ด้วยการเชิญผู้รู้ทางศาสนาและนักวิชาการอิสลามกว่า 100 คนร่วมพบปะในงาน Program Pertemuan Mahabbah (โครงการพบปะด้วยความรักและเอื้ออาทร) ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

ไฮไลท์ของงานไม่พ้นคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่พูดโดยไม่มีสคริปต์ตามสไตล์ แต่แฝงด้วยสาระ เนื้อหาสำคัญสรุปได้ดังนี้

– บทบาทของผู้รู้ศาสนาที่ต้องชี้นำสังคม ให้การอบรมสั่งสอนและเผยแผ่ศาสนารวมทั้งปกป้องจรรยาบรรณของความรู้ เมื่อผู้นำ (Umara’) และผู้รู้ศาสนา ( Ulama’) สามารถผนึกกำลังอย่างลงตัว ย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีงามของสังคมและชาติบ้านเมือง

– ยังมีความเชื่อมั่นว่า ชาวมลายูและศักดิ์ศรีของศาสนาอิสลามสามารถพัฒนาได้ด้วยผู้นำที่แน่วแน่ที่จะปกป้องชะตากรรมของประชาชนตลอดจนผู้ที่มีจริยธรรมในการบริหารสูง

– เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงมติไว้วางใจ และการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในรัฐสภามีความสำคัญมาก ตราบใดที่เราต้องการมอบอำนาจที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนประเทศและประชาชน

– ไม่ประนีประนอมกับวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด คำเตือนนี้ไม่ใช่วาทศิลป์ทางการเมือง แต่เป็นสัญญาประชาคมที่จะปราบปรามวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นไม่ให้แพร่กระจายต่อไป และพร้อมถอดถอนรัฐมนตรีในสังกัดทันทีที่มีหลักฐานว่ามีส่วนพัวพันกับทุจริตคอร์รัปชั่น

– ความเชื่อมั่นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีที่จะแสดงให้เห็นว่าระบบการบริหารระดับชาติด้วยหลักธรรมาภิบาล สามารถส่งเสริมวัฒนธรรมและจริยธรรมอันสูงส่งและซื่อสัตย์ต่อประชาชนและประเทศ

– การบริหารจะมุ่งเน้นไปที่แก้ไขปัญหาความยากจนขั้นรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงหลอกหลอนชาวมลายู เช่นเดียวกับชาวอินเดียและโอรัง อัสลี และชนเผ่าที่ยากจนกว่าที่ซาบาห์และซาราวัก

– นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้ยกเนื้อหาบทสุดท้ายของกิตาบมุนยะตุลมุศอลลีย์ ผลงานเขียนอุละมาอฺปาตานีนามอุโฆษชัยค์ดาวูด อัลฟาฏอนี โดยเนื้อหาหนังสือเป็นคำสอนว่าด้วยการละหมาด และจบบทสุดท้ายด้วยการตักเตือนผู้นำให้บริหารบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องความยุติธรรม

บรรยากาศในงานพบปะครั้งนี้ เป็นไปด้วยความชื่นมื่น เพียงแต่ผู้เขียนสังเกตว่ามีจุดด่างเล็กๆจุดเดียวที่แปดเปื้อนบรรยากาศนี้ นั่นคือการปรากฏตัวของนักวิชาการสายอะห์บาชและฏอรีกัตสายนักซะบันดีย์ ผู้เป็นสาวกของชัยค์นาซิม ฮักกอนีย์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของศูฟีย์ชาวไซปรัสตุรกี เสียชีวิตปี 2014 ซึ่งสำนักงานบริหารกิจการศาสนา (JAKIM) ได้เคยออกฟัตวาว่า ลัทธิศูฟีย์สายนี้มีแนวคำสอนที่บิดเบือนและผิดเพี้ยนจากคำสอนอิสลาม ซึ่งในคำพูดของนักวิชาการสายศูฟีย์นิยมนาซิม ฮักกอนีย์คนนี้ ได้กล่าวพาดพิง “วะฮ์ฮาบี” อย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นสำนักคิดสายสุดโต่งที่ต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีทบทวนหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาเตาฮีดที่สอนเรื่องเตาฮีด 3 ประเภทอีกด้วย

ยังไม่รวมการปรากฏตัวของ Ust. Ahmad Awang แกนนำพรรค PAS ในอดีตที่แยกตัวจาก PAS ไปเป็นที่ปรึกษาพรรคอะมานะฮ์ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีกลิ่นอายของกระแสปฏิวัติโคมัยนี่ติดตัวอยู่

ยอมรับว่าการพบปะกับนักวิชาการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ถูกกำหนดโดยอุละมาอ์สายสัรบั่นเขียวและสายสัรบั่นดำไป ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

รึว่าเป็นเพียงแค่ปฐมบทของละครซีรีย์ที่มีเป็นร้อย ๆ ตอน

รอดูตอนต่อไปครับ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เพจ Anwar Ibrahim

ดูคลิปบรรยากาศเต็ม

https://fb.watch/hmgNPhOVYN/?mibextid=cr9u03


โดย Mazlan Muhammad

มาเลเซียยุคอันวาร์ (Ep.1)

ช่วงปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด อันวาร์ อิบราฮิมได้ย้ำตลอดว่าคนแรกที่จะเป็นไข้ตัวสั่นหากตนก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศคือตุนมหาธีร์ โมฮัมมัด

คำพูดนี้ไม่ได้หมายความว่าอันวาร์ต้องการล้างแค้น หรือกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ทางการเมืองของตน แต่เป็นการประกาศจุดยืนว่าตนจะไม่ประนีประนอมกับการใช้อำนาจในทางที่ผิด การทุจริตคอร์รัปชั่นและเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกและบุคคลในตระกูลเดียวกัน

ถึงแม้จะมีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายด้วยสารพัดรูปแบบเพื่อสกัดกั้นความฝันของอันวาร์ แต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์ อันวาร์สามารถก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สานฝันที่รอคอยมานานเกือบ 30 ปี

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของมาเลเซีย จนกระทั่งปัจจุบัน เรายังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าตุนมหาธีร์เป็นไข้ตัวสั่นหรือไม่ เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้เก็บตัวเงียบและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

แต่ที่แน่ ๆ อันวาร์ยังสงวนท่าทีที่จะเปิดศึกกับตุนมหาธีร์ ทั้ง ๆ ที่จังหวะและโอกาสสุกงอมเต็มที

หลังประชุมครม.นัดแรกและเข้าปฏิบัติงานที่กระทรวงการคลังในฐานะรมว.การคลัง อันวาร์ได้แสดงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชาติและภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดก่อน

อันวาร์ยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นคณะรัฐมนตรีเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบายหลายประการตั้งแต่ ธรรมาภิบาล การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลดภาระด้านค่าครองชีพให้กับประชาชน

การประกาศนโยบายเบื้องต้นของอันวาร์ เชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนกันแล้ว

หลังประชุมครม.นัดแรก อันวาร์ประกาศให้ครม.ทั้งชุดยอมลดเงินเดือน 20% นาน 3 ปี หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยที่ตนเองได้ประกาศตอนหาเสียงแล้วว่าจะไม่ขอรับเงินเดือนประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลดงวดสลากกินแบ่งรัฐบาลจาก 22 ครั้งต่อปีเป็น 8 ครั้งต่อปี ยอมรับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดก่อนใช้เงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นทุนในการหาเสียงเลือกตั้ง PRU15 ที่ผ่านมา ทำข้อตกลงกับ Syed Mokhtar Al-Bukhary (70 ปี) นักธุรกิจจากรัฐเคดาห์และประธานมูลนิธิเพื่อการกุศล Al-Bukhary เพื่อให้การสนับสนุนช่วยเหลือชาวนาจำนวน 10 ล้านริงกิตในปีนี้ และ 50 ล้านริงกิตในปีหน้า  ทบทวนแผนเครือข่าย 5G มูลค่า 1.1 พันล้านริงกิต ที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดก่อนเนื่องจากมีข้อกังวลว่าไม่ได้จัดทำขึ้นอย่างโปร่งใส พร้อมทั้งตรวจสอบการรั่วไหลของงบประมาณมูลค่า 600 พันล้านริงกิตช่วงมาตรการแก้ไขและเยียวยาวิกฤตโควิดของรัฐบาลที่ผ่านมา

อันวาร์ยังสั่งให้ทบทวนโครงการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมจากงบประมาณที่ตั้งไว้ในรัฐบาลชุดก่อน 15 พันล้านริงกิต เป็น 7 พันล้านริงกิต เนื่องจากตรวจสอบว่าผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อตกลง

“ผมขอย้ำว่าสิ่งดังกล่าวจะไม่ดำเนินอีกต่อไปเพื่อรักษาความโปร่งใสและการปฏิบัติตามข้อกฎหมายของบ้านเมือง” อันวาร์กล่าวหนักแน่น

อันวาร์ยืนยันว่า ตนมีแฟ้มหลักฐานแน่นหนาที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากองสลากกินแบ่งถูกเบิกใช้เพื่อเป็นทุนในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด

นี่คืองานปัดกวาดบ้านครั้งใหญ่ของอันวาร์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

ส่วนท่าทีการยอมรับจากโลกภายนอก เริ่มต้นจากอาเซียน ถือว่าอันวาร์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั่วโลก ถึงขนาดกษัตริย์บรูไนดารุสสลามทรงเสด็จเยือนกัวลาลัมเปอร์ครั้งแรกในรอบ 3 ปี พร้อมทรงขับรถด้วยพระองค์เองนำอันวาร์จากสนามบิน KLIA สู่ปุตราจายา นอกจากนี้ประธานาธิบดีแอร์โดอานแห่งตุรกี ได้ส่งลูกชายนำคณะนักธุรกิจเพื่อเจรจาทวิภาคีถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมปูทางการมาเยี่ยมเยือนมาเลเซียของประธานาธิบดีแอร์โดอานที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้

ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim
ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim

แม้กระทั่งแกนนำหะมาสอย่างอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ ยังโทรศัพท์แสดงความยินดีกับอันวาร์ อันแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานและการยอมรับของชาติอาหรับที่มีต่ออันวาร์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ อันวาร์ถูกกลั่นแกล้งด้วยข้อหาจากพรรคฝ่ายค้านว่า อันวาร์เป็นสมาชิกฟรีเมสันและสวามิภักดิ์ต่อองค์กรลับยิวสากล โดยทั้งแกนนำระดับอุละมาอฺและสมาชิกพรรค ต่างก็เชื่อข่าวสุดสกปรกนี้อย่างสนิทใจ

ภาพจาก Twitter : Anwar Ibrahim

เชื่อว่ารัฐนาวาของอันวาร์ยังมีคลื่นลูกใหญ่ที่ต้องฝ่าฟัน และคลื่นใหญ่ที่สุดที่อันวาร์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือคลื่นใต้น้ำที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

กาลเวลาและระยะทางเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์


โดย Mazlan Muhammad

ฆอนิม อัลมุฟตาห์ เยาวชนกาตาร์ ผู้ที่อ่านอัลกุรอานพิธีเปิด บอลโลก 2022

เรื่องราวของเยาวชนกาตาร์ที่อ่านคัมภีร์กุรอานในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022

 โลกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของฆอนิม อัลมุฟตาห์ เยาวชนกาตาร์   ผู้ที่เป็นโรคถดถอยของไขสันหลัง  ในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก กาตาร์  2022 World Cup  ที่อ่านอัลกุรอานและสนทนากับมอร์แกน ฟรีเเมน  ดาราระดับนานาชาติที่อยู่ข้าง ๆ

ฆอนิม อัลมุฟตาห์ คือใคร ?

❝ ร่างกายฉันเล็ก แต่ใจใหญ่  พระเจ้าประทานสิ่งดีๆให้ฉันมากมาย แล้วทำไมฉันจะไม่ยิ้มล่ะ

ความหมายเชิงบวกที่สำคัญที่สุดของคนคือความพึงพอใจในสิ่งที่พระเจ้าเลือก ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา และมนุษย์ต้องยอมรับของประทานจากพระเจ้า เพื่อที่เขาจะได้เห็นโลกในแง่ดี ❞

ด้วยคำพูดเหล่านี้  ฆอนิม อัลมุฟตาห์แนะนำตัวเอง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อหลายปีก่อนในงาน Third Arab Media Forum ระหว่างการสนทนากับนักข่าว

ความพิการอย่างหนักที่เกือบจะขัดขวางไม่ให้ใช้ชีวิตตามปกติ ฆอนิม อัลมุฟตาห์ พูดถึงมันว่า  ❝ ฉันยอมรับความพิการของฉันและอยู่ร่วมกับมันด้วยความรักและความสบายใจ ฉันต้องพบเจอสิ่งไม่ดีจากการมองที่เด็กบางคนมีต่อฉัน แต่ก็ไม่ได้กวนใจฉัน ทุกคนที่มองมาที่ฉัน จะสรรเสริญอัลลอฮ์สำหรับสิ่งดีๆที่เขามี และฉันจะได้รับผลบุญเพราะฉันเป็นเหตุให้พวกเขาระลึกถึงอัลลอฮ์  ❞

ความท้าทายใหญ่ที่ ฆอนิม อัลมุฟตาห์ ต้องเผชิญ เนื่องจากความทุพพลภาพอันเนื่องมาจากการที่เขามีร่างกายเพียงท่อนเดียว

ไม่มีทหารนิรนามในชีวิตของเขา ยกเว้นแม่ของเขา

ที่ดูแลเขา สอนการเข้ากับสังคม และมีส่วนร่วมในสังคม

แนะนำให้ติดต่อ พูดดีๆกับคนอื่น และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา เพื่อไม่ให้อยู่คนเดียว

เธอพิมพ์เรื่องราวและหนังสือเกี่ยวกับเขา แจกจ่ายให้กับโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ พยายามทุกวิถีทาง  มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนมองคนพิการ  ซึ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น

ชมฉากการอ่านอัลกุรอานของฆอนิมในฟุตบอลโลก กาตาร์  2022 World Cup

#ฟีฟ่าเวิลด์คัพ


โดย ผศ.ดร.Ghazali Benmad

มกุฎราชกุมาร-นายกซาอุฯเดินทางถึงไทย ร่วมประชุม เอเปค2565

(ค่ำวันที่ 17 พฤษจิกายน พ.ศ.2565 ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง

..

การเสด็จฯ เยือนไทยดังกล่าวของมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นครั้งแรกของการเยือนไทย โดยผู้นำซาอุฯ ในรอบ 32 ปี หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้

โดย มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุฯ เสด็จฯ เข้าร่วมการประชุมกับผู้นำเอเปค ในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ และจะหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเสด็จฯ เยือนไทยทางการในช่วงดึกของวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล

ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ | MFA of Thailand

ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ | MFA of Thailand
ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ | MFA of Thailand
ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ | MFA of Thailand

..

กำหนดการวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ณ ทำเนียบรัฐบาล

เวลา 22.00 น.   มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เสด็จฯ ถึงทำเนียบรัฐบาล

– นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเชิญมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ฉายพระรูปร่วมกับนายกรัฐมนตรี ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

– ลงพระนามในสมุดเยี่ยมของรัฐบาล ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

(อนุญาตช่างภาพสำนักโฆษก ช่างภาพพูลต่างประเทศ ช่างภาพทางการซาอุดีฯ ช่างภาพช่อง 7/การแต่งกายช่างภาพชุดสูทสากล)

เวลา 22.15 น.   การหารือทวิภาคี ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล             

เวลา 23.00 น.   นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเชิญมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เสด็จฯ ไปยังโถงกลางตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ

เวลา 23.15 น.   งานถวายพระกระยาหารค่ำ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

เวลา 00.15 น.   นายกรัฐมนตรี ส่งเสด็จ มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ จุดเทียบรถยนต์พระที่นั่ง ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล


ทีมข่าว Theustaz

ร่วมยินดี รองฯพาตีเมาะ สะดียามู สตรีมุสลิมคนแรก ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯปัตตานี

.

15 พ.ย.2565 จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและโยกย้ายข้าราชการ กระทรวงมหาดไทย รวม 37 ตำแหน่ง โดยแบ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 26 จังหวัด ผู้ตรวจราชการ 11 ตำแหน่ง ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

.

ล่าสุดชาวเน็ตจำนวนมาก ได้แสดงความยินดีกับ นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมี “ผู้ว่าฯหญิงมุสลิมคนแรก”

.

สำหรับนางพาตีเมาะ สะดียามู เกิดเมื่อ 19 พ.ย. 2508 เป็นคนบ้านปีซัด หมู่ 1 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เริ่มต้นการศึกษาระดับประถมตอนต้น-ตอนปลายที่ ร.ร.วัดลำใหม่ และ ร.ร.พัฒนาวิทยา จ.ยะลา ตามลำดับ ก่อนเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น-ตอนปลาย ที่ ร.ร.พัฒนาวิทยา จ.ยะลา และ ร.ร.สาธิต ม.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา

.

เข้าศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (ม.อ.) ก่อนจะต่อระดับปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาพัฒนาสังคม) สาขา การจัดการการพัฒนาสังคม คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

เคยดำรงตำแหน่ง ผช.เลขาธิการ ศอ.บต. (สป.มท.) หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพัทลุง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

.

นางพาตีเมาะ ถือเป็นสตรีมุสลิมที่มีบทบาทในพื้นที่ ซึ่งทุกภาคส่วนยอมรับและต่างชื่นชมในการทำงาน

.


ขอบคุณข่าว จาก SOUTH : White news

ทีมข่าว Theustaz

เราไม่ทิ้งกัน

นายซอลาฮุดดีน หะยียูโซะ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและเลขานุการสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ได้เขียนในไลน์ส่วนตัวว่า เมื่อบ่ายวันศุกร์ ที่​ 14 ตุลาคม​ 2565​ เวลา​ 13:30 น.​ ณ​ สนามบินหาดใหญ่ และ สนามบินสุวรรณภูมิ​ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

ได้ออกเดินทางไป​ จ.อุดรธานี​ เพื่อไปเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ที่​ จ.หนองบัวลำภู​ และในการเดินทางครั้งนี้ได้จัดการประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยสัญจรในภาคอีสานพร้อมกันด้วย

เด็กที่เสียชีวิต 26 รายส่วนใหญ่ถูกฟันที่หัวและตามลำตัว ส่วนที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ ถูกกระสุนและถูกรถชนและเหยียบ

“คนไทยทุกคน​ ทุกภูมิภาค​ ล้วนเป็นพี่น้องกัน​ ยามสุขเราก็ดีใจด้วยกัน

ยามทุกข์เราเสียใจอย่างสุดซึ้ง เราไม่ทิ้งกัน” พร้อมนี้ ได้มอบเงินเยียวยาแก่ครอบครัวผู้สูญเสียรายละ 10,000 บาททั้ง 46 ราย รวมเงินทั้งสิ้น 460,000 บาท นายซอลาฮุดดีนกล่าวทิ้งท้าย


Credit : ซอลาฮุดดีน หะยียูโซะ

มฟน. จัดพิธีมอบปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์

มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จัดพิธีมอบปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ณ ห้องชมัยมรุเชฐ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี กรุงเทพมหานคร  ในฐานะผู้ที่มีบทบาทในการสร้างความปรองดองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

..

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 1 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 โดยสำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2508 และเริ่มต้นรับราชการประจำศูนย์การทหารราบเป็นหน่วยงานแรก หลังเข้ารับราชการทหารได้สอบผ่านหลักสูตรอบรมสำคัญๆ หลายหลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรจู่โจม รุ่นที่ 11 ศูนย์การทหารราบ หลักสูตรชั้นนายร้อยเหล่าทหารราบ หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารราบจากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรเสนาธิการทหารบก รุ่นที่  52 หลักสูตรเสนาธิการทหารบกจากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการบริหารทรัพยากรกระทรวงกลาโหมจากสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ตามลำดับ ตลอดอายุการรับราชการทหารได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆหลายตำแหน่ง ได้แก่  ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุดในที่สุด ระหว่าง พ.ศ. 2545 – 2546 และในปี พ.ศ. 2546 ได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตโดยได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 จวบจนปัจจุบัน 

..

นอกจากนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยังได้รับรางวัล “คนดีของแผ่นดิน” จากมูลนิธิรัฐบุรุษ พ.ศ. 2543 ด้วยเป็นคนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ผืนป่าและเป็นผู้นิยมการเดินป่า จึงได้รับแต่งตั้งเป็นประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นกรรมการ“โครงการสายใจไทยสู่ใจใต้” ริเริ่มโครงการครอบครัวอุปถัมภ์นำเยาวชนมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาอยู่กับครอบครัวมุสลิมในต่างพื้นที่เป็นระยะเวลา 20 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีและประสบการณ์ชีวิต

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 24 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ได้วางยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข โดยเน้นการพัฒนาคนและครอบครัวให้พึ่งพาตนเองได้ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และได้เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อพบปะและรับฟังเสียงของประชาชนและผู้นำในพื้นที่หลายครั้ง เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต บริหารกิจการกองทัพและชาติบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม ถือมั่นในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่ฝักใฝ่ไม่เลือกข้างในการปฏิบัติงาน บุคลิกภาพสุขุม ใฝ่สันติ ดำรงไว้ซึ่งคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่ดี นำพาชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ด้วยดี ทั้งวิกฤตการเมือง ภัยคุกคามจากยาเสพติด และการกัดกร่อนจากภัยก่อการร้าย เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ สภามหาวิทยาลัยฟาฏอนี จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป


CR : FB Zakariya Hama

พิธีประสาทปริญญา ครั้งที่ 17 มหาวิทยาลัยฟาฏอนี

(วันอาทิตย์ ที่ 4 กันยายน 2565) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายกสภามหาวิทยาลัยฟาฏอนี เป็นประธานในพิธีประสาทปริญญาครั้งที่ 17 โดยมีรศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดี รองอธิการบดี คณะผู้บริหาร คณะกรรมการมูลนิธิเพื่อการอุดมศึกษาอิสลามภาคใต้ บัณฑิตและผู้ปกครองร่วมให้การต้อนรับ

นายกสภามหาวิทยาลัยกล่าวคำโอวาทแก่บัณฑิตความตอนหนึ่งว่า “บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เป็นวันแห่งการชุมนุมยินดีความสำเร็จของท่านทั้งหลายที่ได้ใช้ความพยายามในการบ่มเพาะความรู้และหล่อหลอมตนเองตามแนวทางการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยฟาฏอนีที่มุ่งเน้น “การสร้างชีวิตก่อนอาชีพ” การศึกษาที่พัฒนาและเติมเต็มชีวิตตามเจตนารมณ์ของผู้ทรงสร้างมนุษย์และผู้ส่งสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้สู่ทางนำแห่งความสำเร็จของพระองค์นั่นคือ “อัลกุรอาน”

รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา กล่าวรายงานผลการดำเนินการตามภารกิจหลักของสถาบันว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เปิดสอนในระดับปริญญาเอก 2 หลักสูตร ระดับปริญญาโท 5 หลักสูตร ระดับประกาศษนียบัตรบัณฑิต 1 หลักสูตรและระดับปริญญาตรี 21 หลักสูตร รวมทั้งสิ้น 29 หลักสูตร  โดยมีผู้สำเร็จการศึกษาครั้งนี้ทั้งสิ้น  1,831 คน

พิธีประสาทปริญญาครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยมีมติมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคารให้แก่ Tan Sri Dr. Mohd Daud Bakar ประธานที่ปรึกษาชะรีอะฮ์ ธนาคารแห่งชาติมาเลเซีย ผู้ก่อตั้ง Amanie Advisors อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติแห่งมาเลเซีย (IIUM) มอบโล่ Alim Rabbani (ผู้ทรงภูมิความรู้ดีเด่น) ให้แก่ Dr. Salim Seqaf Al-Jufri รองประธานสภาชะรีอะฮ์แห่งชาติ – สภาอุลามาอฺอินโดนีเซีย (Dewan Syariah Nasional -Majelis Ulama Indonesia ) มอบโล่ Tokoh Berjasa (ผู้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมดีเด่น ให้แก่ กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการอิสลามประเทศกาตาร์ และอุสต้าซอับดุลลอฮ์ อาเก็ม ผู้รับใบอนุญาตวิทยาลัยอันดามันอานาโตเลียน ผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการโรงเรียนธรรมศาสน์วิทยาจังหวัดสตูล

الحمد لله الذي بنعمته تتم الصالحات

تهانينا وتبريكاتنا للخريجين


โดย Mazlan Muhammad