หากชาวผิวขาวให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนที่แท้จริง ทำไมชนพื้นเมืองดั้งเดิมต้องสาปสูญไป

ออสเตรเลียเริ่มฟื้นฟูภาษาเเละวัฒนธรรมชาวอะบอริจินหลังจากหายภาษาชนพื้นเมืองสาบสูญไปเเล้วกว่าร้อยภาษา

ในอดีต รัฐบาลออสเตรเลียเคยจงใจที่จะกำจัดภาษาชนพื้นเมืองในประเทศให้หมดไป โดยมองว่าภาษาชนเผ่าของออสเตรเลียต่ำต้อยกว่าภาษาอังกฤษ

ย้อนไปในตอนที่ชาวอังกฤษเข้าไปตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียในราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีภาษาชนพื้นเมืองอยู่ถึง 250 ภาษา เเต่มาในปัจจุบัน มีภาษาชนพื้นเมืองหลงเหลืออยู่เพียงเเค่กึ่งหนึ่งเท่านั้น

บรรดานักรณรงค์กล่าวว่า การกอบกู้ภาษาชนพื้นเมืองออสเตรเลียไม่ได้เป็นการย้อนอดีต เเต่เป็นการอนุรักษ์ความภูมิใจทางวัฒนธรรม เเละความเป็นเอกลักษณ์ของชาวอะบอริจิน

Sarah Mitchell รัฐมนตรีด้านกิจการชนเผ่าอะบอริจิน เเห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า กฏหมายใหม่ที่ออกมาบังคับใช้จะช่วยให้ภาษาและวัฒนธรรมชนพื้นเมืองได้รับการดูแลเเเละฟื้นฟูขึ้นมาใหม่

กฏหมายใหม่เหล่านี้จะร้องขอให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางภาษาชนพื้นเมืองช่วยให้คำเเนะนำด้านนโยบายของทางการ เเละยังจะมีการตั้งศูนย์เพื่อความยอดเยี่ยมเเห่งใหม่ขึ้นมารองรับอีกด้วย

Ray Kelly นักวิชาการด้านภาษาชนพื้นเมืองอะบอริจิน ที่มหาวิทยาลัย New Castle ในออสเตรเลีย กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมาก เพราะคนในออสเตรเลียได้ถกกันมานานแล้วถึงสิทธิ์ทางภาษา เเละการปกป้องภาษาชนเผ่าอะบอริจิน

เเต่บรรดาคนชาวพื้นเมืองสูงวัยต่างเตือนว่าไม่ควรใช้อำนาจของตนมากเกินไปในการควบคุมการอนุรักษ์ภาษาชนเผ่า

Murray Butcher กล่าวว่าสำคัญมากที่อำนาจในการอนุรักษ์อยู่กับชุมชนของชนพื้นเมือง ไม่ใช่รัฐสภา ออสเตรเลียควรเริ่มต้นทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียที
เเละช่วยกันอนุรักษ์ภาษาพื้นเมืองของประเทศ มอบอำนาจให้กับประชาชนทำหน้าที่ปกป้องรักษาภาษาพื้นเมืองของพวกเขา เเละให้อำนาจคนพื้นเมืองมีสิทธิ์ในการตั้งเป้าหมายอนาคตของตนเอง

ภาษาชนพื้นเมืองอะบอริจินมีอายุย้อนไปนับหลายพันปี เเละไม่ได้ใช้เป็นเพียงเเค่เครื่องมือในการสื่อสาร เเต่สะท้อนถึงความเชื่อและธรรมเนียมโบราณ และเป็นส่วนสำคัญมากของประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่ของคนออสเตรเลียชนเผ่าอะบอริจิน

คนออสเตรเลียเชื้อสายชนพื้นเมืองถูกเรียกว่า First Nations people นับเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของออสเตรเลีย คนชนเผ่าอะบอริจินประสบกับปัญหาทางสุขภาพมากกว่าคนออสเตรเลียผิวขาว มักเสียชีวิตก่อนวัย ประสบปัญหาว่างงานสูง และมีจำนวนมากที่ถูกจองจำในคุก

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)

ที่มา : https://www.voathai.com/a/australia-aboriginal-language/4085134.html?fbclid=IwAR0V8aBBIWfS6pRF1Is5IYUmazEb-ZZZjxL1vw-J2aLZ8hP_nKxGRVhprUc

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ค่าเงินซูดานดิ่งตกเป็นประวัติการณ์

อัลจาซีร่าห์รายงานค่าเงินปอนด์ซูดานดิ่งตกเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 45 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ขณะที่ในตลาดมืด มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่าง 95-100 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ซึ่งถือเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนระดับอ่อนค่าที่สุดในประวัติการณ์ของซูดาน ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาแพงขึ้นอีกเท่าตัว

ซูดานเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หลังประกาศแยกเป็นประเทศใหม่ของซูดานทางภาคใต้ในปี 2011 พร้อมกับการสูญเสีย 3/4 แหล่งผลิตน้ำมัน ซึ่งถือเป็นรายได้สำคัญของประเทศ

ทางด้านนายกรัฐมนตรีซูดาน นายอับดุลลอฮ์ ฮัมดูกแถลงว่า ประเทศซูดานไม่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันให้กับค่าเงินในประเทศ

ในสมัยรัฐบาลอุมัร บาขีร์ (ปี 2561) ค่าเงินซูดานอยู่ที่ 30 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ขณะที่ในตลาดมืดมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่าง 45-50 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ทำให้ทหารลุกขึ้นปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลอุมัร บาขีร์ โดยอ้างว่าจะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้น แต่ปัจจุบัน ซูดานประสบวิกฤติทางเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าเดิม

อ้างอิง
http://mubasher.aljazeera.net/news/%D9%84%D9%85%D8%A7%D8%B0%D8%A7-%D9%8A%D8%B3%D8%AA%D9%85%D8%B1-%D8%A7%D9%84%D8%AC%D9%86%D9%8A%D9%87-%D8%A7%D9%84%D8%B3%D9%88%D8%AF%D8%A7%D9%86%D9%8A-%D9%81%D9%8A-%D8%A7%D9%84%D9%87%D8%A8%D9%88%D8%B7%D8%9F

มุสลิมอเมริกันคนแรกที่ได้รับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจ

Ibrahim Mike Baycora มุสลิมอเมริกันเชื้อสายตุรกีเข้าพิธีสาบานตนต่อหน้าผู้ว่าราชการเมืองเพเทอร์สัน สหรัฐอเมริกาเพื่อรับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจประจำเมือง

Ibrahim Mike Baycora ถือเป็นมุสลิมคนแรกในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับตำแหน่งนี้

เมืองเพเทอร์สัน เป็นเมืองหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ชาวอาหรับและมุสลิมทั่วโลกอยู่อาศัยเป็นจำนวนมากจนถูกขนานนามว่าเป็นเมืองอาหรับในสหรัฐอเมริกา

รู้จักเมืองแพเทอร์สัน เมืองอาหรับในสหรัฐอเมริกา

ปธน. ทรัมป์โดนฉีกหน้า เมื่อประธานสภาสหรัฐฯ “ฉีกคำปราศรัย” หลังจบแถลงนโยบายประจำปี

อัลจาซีร่าห์ – ประธานรัฐสภา แนนซี เปโลซี ฉีกสำเนาคำแถลงนโยบายประจำปีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการแสดงออกทางการเมืองหลังจากเม้มปากนั่งฟังประธานาธิบดีโอ้อวดความสำเร็จของเขาต่อสภาคองเกรส

ความตึงเครียดระหว่างทรัมป์และคู่กัดของเขาจากพรรคเดโมแครตเห็นได้ชัดมาตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเธอได้ยื่นมือเพื่อขอจับมือ แต่ประธานาธิบดีไม่ยอมยื่นมือกลับ

เมื่อถูกนักข่าวถามถึงเหตุผลที่ทำอย่างนั้น เปโซลี ตอบว่า “เพราะว่ามันเป็นการกระทำที่สุภาพแล้ว เมื่อพิจารณาจากหลายๆ ตัวเลือก ”

ในทวีตหลังจากนั้น เปโลซี วัย 79 ปี กล่าวว่า “พรรคเดโมแครตจะไม่หยุดมองหาพันธมิตรเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ”

ทรัมป์ถูกลงมติถอดถอนโดยสภาล่างที่พรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมากเมื่อหกสัปดาห์ก่อน และการแสดงออกของเปโลซีเกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนที่วุฒิสภาสหรัฐฯ จะโหวตให้ทรัมป์พ้นจากข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางกระบวนการยุติธรรม


ดูเพิ่มเติม https://www.aljazeera.net/news/politics/2020/2/5/%d8%a7%d9%84%d9%88%d9%84%d8%a7%d9%8a%d8%a7%d8%aa-%d8%a7%d9%84%d9%85%d8%aa%d8%ad%d8%af%d8%a9-%d8%af%d9%88%d9%86%d8%a7%d9%84%d8%af-%d8%aa%d8%b1%d8%a7%d9%85%d8%a8-%d9%86%d8%a7%d9%86%d8%b3%d9%8a-%d8%a8%d9%8a%d9%84%d9%88%d8%b3%d9%8a-%d8%ae%d8%b7%d8%a7%d8%a8-%d8%ad%d8%a7%d9%84%d8%a9-%d8%a7%d9%84%d8%a7%d8%aa%d8%ad%d8%a7%d8%af?fbclid=iwar3fljw_rczyu3vefyypst3eok2letwvtji5lc41gtxzaamd2jbudppi46c

เขียนโดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โอไอซี ปฏิเสธแผนสันติภาพสหรัฐหรือข้อตกลงแห่งศตวรรษ

องค์การความร่วมมืออิสลาม(โอไอซี)ได้ประชุมฉุกเฉินระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิก ที่กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2020 พร้อมปฏิเสธแผนสันติภาพในมายาคติของสหรัฐฯ ที่เป็นที่รู้จักในนามข้อตกลงแห่งศตวรรษ

โอไอซี ได้เรียกร้องบรรดาประเทศสมาชิกงดให้ความร่วมมือใดๆ กับรัฐบาลสหรัฐฯในเรื่องนี้ และได้ออกคำแถลงการณ์ว่า เราปฏิเสธข้อตกลงนี้เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ไม่ตอบสนองสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวปาเลสไตน์ และขัดแย้งกับแหล่งอ้างอิงทางศาสนาว่าด้วยการสร้างสันติภาพ

ที่ประชุมถือว่า ข้อตกลงแห่งศตวรรษนี้ มีเนื้อหาที่สอดรับกับนิยายปรัมปราของอิสราเอลและเป็นการสร้างความชอบธรรมผนวกดินแดนปาเลสไตน์ภายใต้ข้ออ้างสร้างความมั่นคงแต่รัฐอิสราเอลเท่านั้น ทั้งๆ ที่ขัดแย้งอย่างชัดเจนกับกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาสหประชาชาติและข้อตกลงอนุภาคีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

ที่ประชุมยืนยันว่า สันติภาพในตะวันออกกลางจะไม่มีทางเกิดขึ้นจนกว่าจะยุติการครอบครองแผ่นดินโดยอธรรม และการถอนกองกำลังจากแผ่นดินปาเลสไตน์ อัลกุดส์ รวมทั้งพื้นที่ยึดครองปี 1967

ที่ประชุมได้ย้ำว่า ปัญหาปาเลสไตน์คือศูนย์กลางปัญหาของประชาชาติอิสลามสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อยุติการยึดครองเท่านั้น พร้อมระบุว่าอัลกุดส์คือเมืองหลวงถาวรของชาวปาเลสไตน์

องค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of the Islamic Cooperation,OIC) เป็นองค์การระหว่างประเทศของชาติมุสลิม มีสมาชิกราว 57 ประเทศ ประชากรรวมกว่า 1.2 พันล้านคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมสรรพกำลัง ปกป้องผลประโยชน์ของชาติสมาชิก รวมถึงการพูดเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องสำคัญ ๆ ในเวทีสากล

โอไอซี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2512 โดยมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกที่กรุงราบัต ประเทศโมร็อคโก หลังมัสยิดอัลอักศอถูกวางเพลิงได้รับความเสียหายจากฝีมือยิวสุดโต่ง ปัจจุบัน ชัยค์ยูซุฟ อัล-โอซัยมีน ชาวซาอุดิอาระเบียดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการคนที่ 11

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ปาเลสไตน์ แผ่นดินไร้ประชาชาชน เพื่อทรชนที่ไร้ดินแดน

ไทม์ไลน์การกำเนิดของรัฐหนึ่ง พร้อมกับการสูญหายของอีกรัฐหนึ่ง ท่ามกลางการรู้เห็นของสหประชาชาติ การเงียบงันของโลกอิสลาม และความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์

ปาเลสไตน์ ต้นกำเนิดแห่งวาทกรรม “แผ่นดินซึ่งผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ มอบให้กับผู้ไม่มีสิทธิครอบครอง”

จากคำประกาศบัลโฟร์ 1917 จนถึง ข้อตกลงแห่งศตวรรษ 2020

มหากาพย์แห่งการปล้นประเทศยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายตามมายาคติ ที่ ระบุว่าอิสราเอล คือ แผ่นดินจากไนล์ถึงยูเฟรทีส

ยอดผู้เสียชีวิตเหยื่อไวรัสโคโรน่าพุ่ง คนติดเชื้อกว่าหมื่นรายทั่วจีน

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ( NHC) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2,590 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 45 ราย ณ วันเสาร์(1ก.พ.)โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกพบในมณฑลหูเป่ย์

การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ทำให้ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มเป็น 304 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 14,380 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่จีนถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประเทศต่างๆพากันคุมเข้มด้านการเดินทางของชาวจีนที่จะเข้าประเทศ แม้ว่าองค์การอนามัยโลก(WHO)จะออกประกาศคำแนะนำเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ออกมาและย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะจำกัดการค้าขายหรือการเดินทางไปยังประเทศจีน

อ้างอิง https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864621

สันนิบาตอาหรับประชุมฉุกเฉิน ปฏิเสธแผนสันติภาพสหรัฐฯ

สันนิบาตอาหรับได้ประชุมฉุกเฉิน ที่กรุงไคโร เมื่อวันที่ 1 กพ. 2563 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาขิกสันนิบาตอาหรับเข้าร่วมประชุม ตามคำเชิญของนายมะห์มูด อับบาสผู้นำปาเลสไตน์ เพื่อกำหนดท่าทีหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯนายโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศแผนสันติภาพมอบปาเลสไตน์ให้แก่อิสราเอล

ที่ประชุมมีมติคัดค้านแผนสันติภาพดังกล่าวและถือว่าขัดแย้งกับข้อตกลงสันติภาพและกฎหมายสากลรวมทั้งฝ่าฝืนมติสหประชาขาติ

นายมะห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ได้ประกาศจะตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอลและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคง แต่ในขณะเดียวกันนายมะห์มูด อับบาส กล่าวว่าชาวปาเลสไตน์พร้อมประกาศให้ปาเลสไตน์เป็นเขตปลอดอาวุธตามข้อเสนอของทรัมป์ เพราะการใช้กองกำลังทางอาวุธไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

สันนิบาตอาหรับมักจะมีมติคัดค้านแผนสันติภาพสหรัฐฯ-อิสราเอลมาโดยตลอด แต่ทั่วโลกยังกังขาว่า มติดังกล่าวมีผลในภาคปฏิบัติหรือไม่ และสร้างแรงกดดันให้สหรัฐฯและอิสราเอลมากน้อยแค่ไหน

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

อ้างอิงจาก https://www.aljazeera.net/news/politics/2020/2/1/%D9%81%D9%84%D8%B3%D8%B7%D9%8A%D9%86-%D8%B5%D9%81%D9%82%D8%A9-%D8%A7%D9%84%D9%82%D8%B1%D9%86-%D8%A7%D9%84%D8%AC%D8%A7%D9%85%D8%B9%D8%A9-%D8%A7%D9%84%D8%B9%D8%B1%D8%A8%D9%8A%D8%A9

แผนปล้นปาเลสไตน์ของกลุ่มสุดโต่ง

การร่วมมือจมหัวจมท้าย ระหว่างกลุ่มอีวานเจลิคัล Evangelicalism คริสต์อเมริกาขวาจัดกับยิวขวาจัด ในแผนปล้นแห่งศตวรรษ

*
สรุปสาระสำคัญบทความเรื่อง Israel’s hard-right and US Evangelicals unite for the heist of the century ใน TRT WORLD โดย Antony Loewenstein นักข่าวอิสระ อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม
*

ประธานาธิบดีทรัมป์ของอเมริกาประกาศล่าสุด ถึงข้อตกลงแห่งศตวรรษเพื่อสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ที่เข้าข้างอิสราเอลอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ไม่ตอบรับข้อเสนอขั้นต่ำของชาวปาเลสไตน์ที่จะตั้งรัฐอิสระที่มีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประธานาธิบดีอเมริกาจะประกาศข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและอาหรับ ในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา อีลอน เลวี่ Eylon Levy นักข่าวชาวอิสราเอลได้โพสต์ข้อความว่า “จำเป็นจะต้องลดความคาดหวังสำหรับข้อเสนอที่จะมีขึ้น” อีลอน เลวี่ยังกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่จะแก้ไขข้อพิพาทได้ เราหวังเพียงแต่ว่าข้อเสนอที่จะมีขึ้นนั้น สามารถลดข้อพิพาทลงบ้างเล็กน้อย”

อีลอน เลวี่ยังกล่าวว่า “การยึดครองจะไม่มีวันสิ้นสุดลง แต่จะลดน้อยลงบ้างหรือไม่เท่านั้น อย่าได้ถามว่าชาวปาเลสไตน์จะได้เสรีภาพหรือไม่ แต่จงถามว่าเพราะเขาจะมีเสรีภาพมากขึ้นหรือไม่ เราจะต้องคิดบนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ไม่ใช่บนฐานการแบ่งแยกประเทศ”

สิ่งที่เลวี่เขียน ได้อธิบายหลักคิดชาวอิสราเอลมากมาย ทั้งในกลุ่มผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นสายกลางและต่อต้านแนวคิดตกขอบ

แผนสันติภาพของทรัมป์ จะเป็นที่พึงพอใจให้แก่ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ เพราะว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใดๆ สิทธิพิเศษของเขาจะไม่ลดลง พวกเขาสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้โดยอิสระ และมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของพลเรือน

ทั้งยังจะได้รับการต้อนรับในเวทีนานาชาติ รัฐบาลและเผด็จการทั่วโลก จะชื่นชมกับวิถีของอิสราเอลในการในการยึดครองปาเลสไตน์ในลักษณะนี้

ในขณะเดียวกัน ชาวปาเลสไตน์ไม่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์ใดๆ เหมือนชาวอิสราเอลดังกล่าว

ความจริงแล้วสิ่งที่เรียกว่า ข้อตกลงสันติภาพที่ทรัมป์ได้นำเสนอ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้ที่ติดตามเส้นทางของรัฐบาลอเมริกาใน 3 ปีหลัง

ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้เผยให้เห็นความฝันของกลุ่มอีวานเจลิคัล Evangelicalism คริสต์อเมริกาขวาจัดชาวอเมริกา และกลุ่มอิสราเอลหัวรุนแรง และกลุ่มนิคมชาวอิสราเอล และ เบนนี่ เกนทซ์ หัวหน้าฝ่ายค้านอิสราเอล ในเอกสารฉบับเดียว

แผนสันติภาพดังกล่าวได้ยืนยันว่า ชาวยิวทุกคนในนิคมชาวยิว จะยังคงอยู่ในบ้านของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนิคมที่มีการพัฒนาโดยสมบูรณ์ หรือว่าที่กำลังเริ่มก่อสร้างอย่างเร่งด่วยในเขต West Bank ที่อิสราเอลจะทำการยึดในอนาคตหลังจากนี้ และอัลกุดส์จะตกอยู่ภายใต้ อำนาจของอิสราเอลโดยสมบูรณ์

แต่ปัญหาอยู่ที่ชาวปาเลสไตน์ไม่มีความหวังใดๆ ที่จะได้รับความยุติธรรมในข้อเรียกร้องที่ชอบธรรม และผู้นำอาหรับส่วนใหญ่จะปฏิเสธแผนสันติภาพนี้ในทางพิธีการ แม้ว่าพวกเขายังต้องการที่จะร่วมมือกับอิสราเอลในการทำสงครามทางอุดมการณ์กับอิหร่าน

ในขณะที่สหภาพยุโรปเองก็มีความแตกแยก แต่จะมีเสียงสนับสนุนอิสราเอลในการตั้งอาณานิคมมากขึ้น แม้ว่าอาจจะได้ยินเสียงคัดค้านจากประเทศที่สำคัญเช่น เบลเยี่ยม แต่จะเห็นการสนับสนุน โดยสมบูรณ์จากประเทศอื่นๆ ที่มีแนวคิดเช่นเดียวกับอิสราเอล รวมถึงอังกฤษ

ซึ่งรัฐบาลปาเลสไตน์และกลุ่มฮามาสก็ได้ปฏิเสธแผนดังกล่าวแล้ว

ถึงกระนั้น ชาวยิวในนิคมหัวรุนแรงก็ยังปฏิเสธแผนของทรัมป์ เช่นกลุ่มผู้หญิงเขียว ที่สนับสนุนการตั้งนิคมชาวยิว แถลงว่า แผ่นดินของอิสราเอลเป็นแผ่นดินเฉพาะสำหรับชาวยิว และจะไม่อนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่โดยเสรีในแผ่นดินนี้

แผนสันติภาพของทรัมป์ ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อสร้างสันติภาพ หรือสร้างความพึงพอใจให้กับชาวปาเลสไตน์ซึ่งไม่ได้ถูกเชิญให้เข้าร่วมการประกาศข้อตกลงดังกล่าวที่มีขึ้นในทำเนียบขาว ซึ่งเชลดอน อะเดลสัน พวกขวาจัดนายทุนใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ผู้ที่ต้องการโจมตีอิหร่านด้วยนิวเคลียร์ นั่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วย กลุ่มผู้ต่อต้านอิสลามและอาหรับ กลุ่มบ้าสงคราม นักสร้างความเกลียดชัง ตลอดจนกลุ่มอีวานเจลิคัล Evangelicalism คริสต์อเมริกาขวาจัด นายคนนี้คือหัวโจกการปล้นแห่งศตวรรษที่ทรัมป์ได้นำเสนอขณะนี้

มาไรฟ์ ซอนส์เซน นักเขียนยิวชาวอเมริกาคนดังได้โพสต์ข้อความ เมื่อได้สังเกตเห็นผู้เข้าร่วมในห้องเพื่อฟังคำปราศรัยของธรรมและเนทันยาฮูว่า “จดจำภาพนี้ไว้ให้ดี ภาพของไซออนิสต์อีวานเจลิคัลผู้นี้ ผู้ที่เชื่อว่าจะเกิดวันอวสานของโลกและการกลับมาของพระเยซูครั้งที่ 2 ที่จะนำไปสู่การทำลายล้างชาวยิวทั้งหมด เขานั่งอยู่กลางห้องที่รายรอบไปด้วยชาวยิว เขาปรบมือยามที่ผู้นำชาวยิวได้แสดงกิริยาท่าทางต่างๆ ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนไซออนิสต์แอนตี้เซมิติกผู้ต่อต้านยิว”

ทั้งนี้ เชลดอน อะเดลสัน ผู้นี้เป็นคริสต์ไซออนิสต์ระดับแกนนำ ผู้ข่มขู่ทำลายล้างชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด

ถึงกระนั้น ในอิสราเอลก็ยังมีเสียงคัดค้าน ฮาไจ อิลอาด Hagai El Ad ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสารข้อมูลสิทธิมนุษยชนในแผ่นดินที่ถูกยึดครอง Executive Director of Btselem เขียนหลังจากทรัมป์ได้ประกาศแผนดังกล่าวว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ จะมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงหรือไม่

เวลานี้มีคน 14 ล้านคน อาศัยอยู่ระหว่างแม่น้ำจอร์แดนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 4 ล้านคนเป็นชาวปาเลสไตน์ ที่ไม่มีสิทธิทางการเมืองใดๆเลย เราอยู่ที่นี่ เรายังคงอยู่ที่นี่ภายใต้รัฐบาลในเยรูซาเล็ม รัฐบาลที่ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการที่จะให้การสนับสนุนชนชาติหนึ่ง ให้เอาเปรียบอีกชนชาติหนึ่ง ท่ามกลางการละเมิดสิทธิ์ที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

แล้วในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ในวันนี้ที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ หรือประเทศ แต่อยู่ในประเทศที่แบ่งแยกเชื้อชาติโดยสมบูรณ์ ไม่มีสิ่งใดจะมาลบล้างความอดสูหรือความจริงอันนี้ได้ แต่ความจริงอันเจ็บปวดวันนี้ ทำให้เกิดความหวังขึ้นในอนาคต ความหวังเดียวที่จะทำให้เกิดสันติภาพอย่างแท้จริง อนาคตที่ไม่มีกลุ่มชนหนึ่งเหนือกว่ากลุ่มชนหนึ่ง และกดขี่อีกกลุ่มชนหนึ่ง แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันโดยสมบูรณ์ มีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีให้กับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน”

อิสราเอลวันนี้และพรุ่งนี้ จะยังคงเดินหน้าทำลายหมู่บ้านอาหรับเบดุอินต่อไป และจะยังคงกล่าวร้ายต่อนักการเมืองชาวปาเลสไตน์ และชาวปาเลสไตน์ในลุ่มน้ำจอร์แดนจะยังคงต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง โดยที่ไม่มีการทำร้ายต่อทหารและผู้ถิ่นฐานในนิคมชาวยิว

แม้ว่าทรัมป์อาจจะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งในปีนี้ แต่ความคาดหวังก็เกี่ยวกับข้อเสนอของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตให้แก่ชาวปาเลสไตน์ก็ไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น เพราะว่าประวัติของโจ บายเด้น มีเรื่องที่น่าวิตกกังวลอย่างมากมาย แม้ว่าจะมีความหวังอยู่บ้างกับ เบอร์นี่ เซนเดอรส์ ก็ตาม

แต่เราจะสิ้นหวังหรือไม่ ไม่มีวัน เพราะมีสงครามภายในสังคมยิวอเมริกา เกี่ยวกับความเห็นที่ว่าผู้ใดจะเป็นตัวแทนชาวยิวยุคใหม่ ซึ่งการต่อสู้นี้จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

ขณะสิ้นสุดการแถลงข่าวของทรัมป์และเนทันยาฮูในกรุงวอชิงตัน จะได้ยินเสียงดนตรีในเพลง What a Wonderful World “โลกนี้ช่างแสนงามเหลือเกิน” ประกอบบรรยากาศท่ามกลางแขกเหรื่อกำลังแสดงความยินดีต่อกัน อันแสดงถึงการดูถูกดูแคลนชาวปาเลสไตน์อย่างชัดเจน

เขียนโดย Ghazali Benmad

อ่านบทความต้นฉบับ https://www.trtworld.com/opinion/israel-s-hard-right-and-us-evangelicals-unite-for-the-heist-of-the-century-33315

ปธน. ตูนีเซียระบุแผนสันติภาพทรัมป์คือ “อธรรมแห่งศตวรรษ”

ประธานาธิบดีตูนีเซีย นาย ไกส์ สะอีด ได้ให้สัมภาษณ์เนื่อง 100 วันหลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกรณีแผนสันติภาพทรัมป์ ว่า “ ข้อตกลงแห่งศตวรรษนี้ความจริงคือ อธรรมแห่งศตวรรษ ที่เป็นผลของการยึดครองของอิสราเอลต่อแผ่นดินปาเลสไตน์ที่ต่อเนื่องกันมา”

ประธานาธิบดีตูนีเซียยังยืนยันว่า การสร้างความสัมพันธ์อย่างปกติกับอิสราเอลถือเป็นการทรยศ และข้อตกลงนี้จะถูกปฏิเสธโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะปาเลสไตน์ไม่ใช่ไร่นาที่จะมีการซื้อขายได้ตามอำเภอใจของใครผู้ใด

อ้างอิง https://www.facebook.com/178851562816716/posts/493827284652474/?d=n