เปาะวอแม ตำนานแห่งบางปู

วันนี้ 8 เชาวาล 1441 (31 พ.ค. 2563) ได้มีโอกาสละหมาดญะนาซะฮ์เปาะซูแม หรือเป็นที่รู้จักในนามเปาะวอ (86 ปี) ที่มัสยิดอัตตะอาวุน บางปู เวลา 13.00 น.

“ตลกแห่งบางปู”
“บุรุษในตำนานอัตตะอาวุน”
“ผู้เฒ่าจิตอาสา”
“เปาะวอ ชายชราผู้มีแต่ให้”
“ชายธรรมดาที่มีใจไม่ธรรมดา”
ฉายาเหล่านี้ ไม่ได้มาด้วยเวลาอันฉาบฉวย แต่เป็นการสะสมผลงานอันยาวนานจนกลายเป็นตำนานเล่าขาน ส่วนที่มาของแต่ละฉายา มีเรื่องเล่าที่ซุกซ่อนอันมากมาย

غفر الله له ورحمه وأسكنه فسيح جناته ورزق لأهله وذويه الصبر والسلوان
وإنا لله وإنا إليه راجعون


อาลัยลา….เปาะซูแม….
บุรุษในตำนานแห่งอัตตะอาวุน

*****//**/********//************

ชาวบางปู สิ้นแล้วเฒ่า ผู้อุทิศ
ร่วมคิดสร้าง ตะอาวุน จนยิ่งใหญ่
ท่านจากไป ทิ้งความดี ประดับใน
ณ ดวงใจ ฤทัยรัก ตลอดกาล

ขอพระองค์ ทรงเมตตา อภัยท่าน
โปรดประทาน รางวัล สูงสถาน
ด้วยสวรรค์ ที่สถิต แสนยาวนาน
สุขศานติ ที่แดนนั้น นิจนิรันดร์


ด้วยรักและเคารพ…
Qamaruddin Abdul-Muntaqim Al-Jamali

31 May 2020 / 8 Syawal 1441

เบื้องหลังเปิดเกาะประชาธิปไตยและอิสรภาพ ตุรกี

60 ปี ในอดีต ในวันที่ 27 พค. 1960 ทายาทเคมาลิสต์ได้ก่อรัฐประหารครั้งแรก และโค่นรัฐบาลอัดนาน มันเดรส ที่ชนะเลือกตั้ง 2 วาระซ้อน(10 ปี) ด้วยเหตุผลนำพาประเทศที่ปฏิปักษ์กับปรัชญาเคมาลิสต์และพยายามสร้างตุรกีเป็นรัฐศาสนา มันเดรสและรัฐมนตรีอีก 2 คน ถูกจับตัวและถูกขังที่เกาะ Yassiada เพื่อให้ห่างไกลจากผู้คน ต่อมา ในเดือนกันยายน 1961 พวกเขาถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

หนึ่งในความผิดพลาดอันร้ายแรงของมันเดรส ที่กลุ่มก่อรัฐประหารยัดเยียดคือ รัฐบาลแมนดาริสอนุญาตให้ชาวตุรกีสามารถอะซานด้วยภาษาอาหรับ อนุญาตให้ชาวตุรกีสามารถทำหัจญ์และประกอบพิธีทางศาสนาตามความเขื่อของตน

เกาะ Yassiada ถูกปล่อยร้างตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งปธน. แอร์โดอานดำริที่จะฟื้นฟูเกาะนี้อีกครั้ง โดยเริ่มพัฒนาจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น เกาะประชาธิปไตยและอิสรภาพ การก่อสร้างตามแผนพัฒนาเริ่มต้นในปี 2013

เมื่อวันที่ 27 พค. 2020 ซึ่งเป็นวันคล้าย 60 ปีแห่งรัฐประหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตุรกียุคใหม่ ปธน. ตุรกี ได้เป็นประธานเปิดเกาะภายใต้ชื่อใหม่นี้อย่างเป็นทางการ

เกาะที่มีขนาดเพียง 0.05 ตร.กม. นี้ มีทั้งโรงแรมที่พัก อาคารประชุมสัมมนา ภัตตาคาร พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อว่าพิพิธภัณฑ์อัดนาน มันเดรส รวมทั้งมัสยิดขนาดความจุ 1,200 คน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. และกลายเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่หลังถูกทิ้งร้างนานถึง 26 ปี

บางตอนของคำกล่าวประธานาธิบดีแอร์โดอานในพิธีเปิด

– เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหารที่เป็นเหตุการณ์อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ และบนเกาะแห่งนี้ได้เกิดอาชญากรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตุรกีเช่นกัน
– สัญลักษณ์เดียวที่สำคัญที่สุดของผู้ก่อปฏิวัติในประเทศเราคือ ความเกลียดชังต่อประชาชนและประวัติศาสตร์ของเรา
– พวกเขาไม่ได้หวังทำลายบุคคลใดเป็นการเฉพาะ แต่เป้าหมายเดียวของพวกเขาคือประชาชนชาวตุรกี ประวัติศาสตร์ อารยธรรมและการศรัทธาของชาวตุรกีต่างหาก
– อาชญากรที่ประหารท่านแมนดาริสและสหายของท่าน พวกเขาใช้ชีวิตด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังและโกรธแค้นจากประชาชนตลอดเวลา


ทั้งมันเดรสและคณะผู้ประหารได้ตายจากไปแล้ว แต่ที่ยังคงอยู่ตราบจนวันกิยามะฮ์คือความจริงและความเท็จ ความดีและความชั่วที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติไว

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

บรรยากาศละหมาดอีดิลฟิฏร์ ณ มัสยิดดารุลอามาน โสร่ง

ชาวบ้านและสัปบุรุษมัสยิดดารุลอามาน หมู่บ้านโสร่ง ทำนบ ม.3 ต. เขาตูม อ. ยะรัง จ. ปัตตานี ราว 800 คน ได้ร่วมละหมาดสุนัตอีดิลฟิฏร์ ณ ลานบริเวณมัสยิด ท่ามกลางมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ผศ. มัสลัน มาหะมะ ในฐานะผู้อ่านคุตบะฮ์ได้กล่าวถึงบรรยากาศที่ชาวโลกต้องประกาศสงครามโรคระบาดนี้ ซึ่งถือเป็นบททดสอบจากพระผู้เป็นเจ้าที่ต้องการจัดระเบียบโลกใหม่และย้ำเตือนให้มนุษย์กลับไปสู่พระองค์ด้วยหัวใจที่สำรวม พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนตระหนักรู้และปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบ่าวผู้ศรัทธา

อิมามซะการียา กีไร อิมามประจำมัสยิดดารุลอามาน กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี หน่วยงานราชการทุกภาคส่วน ที่ได้อนุญาตให้มัสยิดดารุลอามาน โสร่งจัดละหมาดอีดิลฟิฏร์ ท่ามกลางการเฝ้าระวังการเผยแพร่ของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องทุกท่าน

มนุษยธรรมต้องมาก่อน

รัฐบาลตุรกีส่งความช่วยเหลือครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่สหรัฐอเมริกา โดยเครื่องบินประจำกองทัพอากาศตุรกีได้ลำเลียงความช่วยเหลือที่สนามบินกรุงวอชิงตัน

นายแอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกีกล่าวว่า เราได้มอบความข่วยเหลือด้านการแพทย์ไปยัง 54 ประเทศทั่วโลก จากประเทศบอลข่านไปถึงแอฟริกา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และถือเป็นหน้าที่ของตุรกีที่จะต้องปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมครั้งนี้

สหรัฐอเมริกาโดนวิกฤตโควิด-19 อย่างหนักหน่วง ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 1.1 ล้าน คนตายดุจใบไม้ร่วงเกือบ 2 พันรายต่อวัน

จุฬาราชมนตรีออกมาตรการผ่อนปรนละหมาดวันศุกร์

จุฬาราชมนตรีออกมาตรการผ่อนปรนการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะละหมาดวันศุกร์ พร้อมแนวทางปฎิบัติ

แต่ยังให้งดกิจกรรมทางศาสนาที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มทุกประเภท

โดยให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดใช้ดุลยพินิจร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด โดยขอคำปรึกษาหารือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ตามนัยของประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับที่ 5/2563 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2563

พร้อมแนะนำวิธีการและแนวทางมาตราการป้องกันอย่างรัดกุมและเคร่งครัด

การคะนึงคิดของผมคือให้โลกใบนี้ได้รับความดีงามของอิสลาม

Omandaily.om ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ฉบับวันที่ 29 /4/2020 ในคราวสัมมนานานาชาติว่าด้วยการพัฒนาศาสตร์กฎหมายอิสลามที่กรุงมัสคัต ประเทศโอมานระหว่างวันที่ 1-3/12/2019 โดยมีนักวิชาการด้านกฎหมายอิสลามทั่วโลกกว่า 50 คนเข้าร่วม

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เริ่มต้นการสัมภาษณ์ด้วยประโยคว่า “ทุกเสี้ยวนาทีในคะนึงคิดของผม คืออยากให้โลกใบนี้ได้รับความดีงามของอิสลามพร้อมยืนยันว่าความแตกแยกในหมู่มนุษย์ หาใช่มีสาเหตุอื่นใดนอกจากผลพวงการทำงานของมารร้าย(ชัยฏอน)

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ยังได้กล่าวถึงอิสลามว่า เป็นศาสนาแห่งความโปรดปรานและสันติ และความขัดแย้งในประเด็นข้อปลีกย่อยทางอะกีดะฮ์เนื่องจากความไม่เข้าใจในองค์รวมศาสนา และไม่สมควรทำเป็นสาเหตุแห่งความแตกแยก

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนียังได้กล่าวถึงมหาวิทยาลัยฟาฏอนีว่าในฐานะอธิการบดี เราได้ตั้งเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการนำสารอิสลามแห่งสันติไปยังสังคมในทุกระดับ ทุกคนสามารถเข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้โดยไม่เลือกเพศ ศาสนาและอายุ ในขณะที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนกิจการของชาวมุสลิมด้วยดีมาโดยตลอดและให้อิสระแก่ชาวมุสลิมปฏิบัติตามความเชื่ออย่างอิสระเสรี http://www.ftu.ac.th/

พร้อมนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนียังได้กล่าวถึงหนังสือที่ท่านเพิ่งเขียนเสร็จล่าสุดคือประชาชาติหนึ่งเดียววิถีชีวิตของชาวสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้ปิดท้ายการสัมภาษณ์ด้วยกล่าวย้ำอันตรายแผนการของมารร้าย (ชัยฏอน) ที่คอยยุแหย่ผู้คนให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชัง พร้อมระบุว่าการเรียนรู้เพื่อให้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมารร้ายเป็นสิ่งที่จำเป็นเหนือทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

อ่านเพิ่มเติม https://www.omandaily.om/?p=786386

โรงพยาบาลศูนย์แห่งที่ 4 ในตุรกี

เมื่อวันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2020 ประธานาธิบดีตุรกีนายแอร์โดอาน ได้เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลศูนย์แห่งใหม่ที่เมือง Basaksehir เมืองทางทิศตะวันตกของอิสตันบูลฝั่งยุโรป เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูลและอันดับ 3 ของประเทศ ถือเป็นการเปิดตัวในเฟสแรก ส่วนเฟส 2 คาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2020 นี้

โรงพยาบาลศูนย์แห่งนี้ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2016 ใช้คนงานที่ครอบคลุมฝ่ายต่างๆจำนวน 6,000 คน โดยสร้างขึ้นบนเนื้อที่กว่า 600 ไร่ที่เมือง Basaksehir โดยสามารถให้บริการผู้ป่วยจำนวน 32,700 รายต่อวัน พร้อมด้วย 2,640 เตียง

ฝ่ายประชาสัมพันธ์กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือเป็นผลความร่วมมือการลงทุนระหว่างภาครัฐบาลกับภาคเอกชนโดยมีวัตถุประสงค์ให้บริการและสวัสดิการทางการแพทย์แก่ประชาชนในนครอิสตันบูลและพื้นที่ใกล้เคียง

โรงพยาบาลศูนย์แห่งนี้ ได้ถูกออกแบบที่เชื่อมโยงกับระบบจราจรและการคมนาคมอย่างครบวงจร ทั้งทางบก ทางทะเลและอากาศ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาระบบจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ตัวอาคารได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว มีเจ้าหน้าที่และบุคลากรประจำการกว่า 10,000 คนในจำนวนนี้มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 4,300 คน เจ้าหน้าที่แผนกบริการจำนวน 4,050 คน บุคลากรสายบริหารสำนักงานทั่วไป 810 คนและอื่นๆ

ปัจจุบันทั่วประเทศตุรกีมีโรงพยาบาลจำนวน 1,518 แห่ง ประกอบด้วย 240,000 เตียงสำหรับผู้ป่วยทั่วไปและ 40,000 เตียงสำหรับผู้ป่วยเฉพาะ

โดยทีมข่าวต่างประเทศ

ที่มา : https://www.aljazeera.net/news/healthmedicine/2020/4/19/%D9%85%D8%AF%D9%8A%D9%86%D8%A9-%D8%B7%D8%A8%D9%8A%D8%A9-%D8%AC%D8%AF%D9%8A%D8%AF%D8%A9-%D9%81%D9%8A-%D8%AA%D8%B1%D9%83%D9%8A%D8%A7

แชมป์ MMA รับอิสลาม

Wilhelm Ott (37ปี) นักมวยดีกรีแชมป์ยุโรป MMA ชาวเยอรมัน เชื้อสายออสเตรีย ประกาศรับอิสลามหลังจากใช้เวลาช่วงกักตัวในบ้านศึกษาอิสลามจนในที่สุดพบกับทางนำที่แท้จริง

เหตุการณ์นี้ทำให้เราคิดได้ว่า ท่ามกลางความเลวร้าย ก็มีความดีงามเสมอ ในอัลกุรอานซูเราะฮ์อันนูร/11 กล่าวความว่า “ท่านอย่าคิดว่ามันเป็นความเลวร้ายสำหรับพวกท่าน แต่มันเป็นความดีงามให้แก่พวกท่านต่างหาก”

โควิด 19 คือมหันตภัยร้ายแรงของมนุษย์ในรอบ 100 ปี แต่มันคือโอกาสทองของ Wilhelm Ott ที่กลับสู่เส้นทางอันดั้งเดิมของตนเอง

الحمد لله الذي أنقذه من النار
ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ทำให้เขารอดพ้นจากไฟนรก


ดูข่าวเพิ่มเติม https://www.moroccoworldnews.com/2020/04/300023/austrian-mma-fighter-wilhelm-ott-converts-to-islam/

มองต่างมุมทีวีอัลจาซีร่าห์

Faisal Qasim นักจัดรายการทีวีอัลจาซีร่าห์ในรายการ มองต่างมุม ได้ตั้งประเด็นการพูดคุย เรื่อง จีนยุโรปและสหรัฐอเมริกา ระหว่างเผด็จการคอมมิวนิสต์จีนกับประเทศประชาธิปไตยแบบยุโรปและสหรัฐอเมริกา ฝ่ายไหนสามารถรับมือวิกฤติโควิด-19 ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญ 2 ท่านมาตอบประเด็น สรุปสาระหลักดังนี้

Majdi Khalil (รูปซ้ายมือ) นักสิทธิมนุษยชนชาวอียิปต์ นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ พำนักที่สหรัฐอเมริกา ผู้เกลียดชังอิสลามและชื่นชมยกย่องตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวโจมตีจีนว่า เป็นต้นเหตุของวิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน และการที่จีนประกาศเปิดประเทศอีกครั้ง หลังมั่นใจว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของจีนตามนโยบายของระบบคอมมิวนิสต์ที่พยายามปกปิดสถานการณ์ที่เป็นจริงมาโดยตลอด เขายังเรียกร้องให้ยุโรปและสหรัฐอเมริกาดำเนินมาตรการลงโทษและให้บทเรียนอย่างสาสมแก่จีนในฐานะผู้รับผิดชอบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้

Anis Naqqash (รูปขวามือ) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองตะวันออกกลางชาวเลบานอนแกนนำองค์กรฟาตะห์ของอดีตผู้นำยัสเซอร์ อาราฟัต สนับสนุนกลุ่มหิสบุลลอฮ์ เลบานอนและอีหร่าน มีทัศนะว่าจีนประสบผลสำเร็จในการรับมือวิกฤติโควิด-19 และยังได้มอบความช่วยเหลือมากมายทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรป ถึงขนาดนายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้ประกาศลดธงสหภาพยุโรปและยกธงชาติจีนแทน เพื่อแสดงความขอบคุณในมิตรไมตรีของจีนที่ให้ความช่วยเหลือแก่อิตาลีในการรับมือวิกฤติหนักของชาติขณะนี้ ในขณะที่ยุโรปและสหรัฐฯ ล้มเหลวที่จะแสดงจุดยืนที่ดีต่อประเทศสมาชิก เขามีทัศนะว่า หลังวิกฤตโควิด-19 นี้ โลกจะพบความเปลี่ยนแปลงภาวะการนำครั้งยิ่งใหญ่ ที่ทำให้สหรัฐฯต้องยอมรับสภาพที่แท้จริงของตนเอง

โดย ทีมงานต่างประเทศ

เปิดตัวหนังสือคู่มือโควิด-19 ภาษามลายู-รูมี ผ่านประชุมทางไกล

เปิดตัวทางการหนังสือคู่มือเผชิญโรคระบาดโควิด 19 ภาคภาษามลายู อักษรรูมี ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video conference)

เมื่อวันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาในเมืองไทย รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เปิดตัวหนังสือคู่มือเผชิญโรคระบาดโควิด-19 ภาคภาษามลายู อักษรรูมี ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video conference) โดยมี ฯพณฯ YB. Dato’ Seri Dr. Zulkifli AL-Bakri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Dato’ Syeikh Haji Abdul Halim Abdul Kadir ประธานสภาอุละมาอฺมาเลเซีย และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังสือครั้งนี้

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอชุโกร์ต่ออัลลอฮ์ ท่ามกลางโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตร้ายแรงขณะนี้ ด้วยความร่วมมือจากสภาอุละมาอฺมาเลเซีย (Persatuan Ulama Malaysia-PUM) ได้เปิดตัวหนังสือ “คู่มือเผชิญโรคระบาด คำแนะนำเนื่องในวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) “ ภาคภาษามลายู อักษรรูมี ซึ่งได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ฯพณฯ YB.Dato’ Seri Dr. Zulkifli AL-Bakri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนา ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้เพิ่มความบารอกะฮ์และมีคุณค่ายิ่งขึ้น ขอขอบคุณ ฯพณฯ เป็นอย่างยิ่ง ขอขอบคูน Dato’ Syeikh Haji Abdul Halim Abdul Kadir ประธานสภาอุละมาอฺมาเลเซีย และพี่น้องทุกท่านจากมาเลเซียที่ให้เกียรติร่วมเปิดตัวหนังสือเล่มนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนามาเลเซียกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่มีโอกาสใช้ประโยชน์กับเทคโนโลยียุคใหม่ เปิดตัวหนังสือผ่าน Video conference ในวันนี้ ขอบคุณ รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ที่ได้เขียนหนังสือที่มีคุณค่ายิ่ง พร้อมนำเสนอหลักคำสอนและแนวปฏิบัติที่สามารถเป็นคู่มือสำหรับมุสลิมและชนต่างศาสนิกทุกคน ในการเผชิญกับวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ ขอบคุณสภาอุละมาอฺมาเลเซียที่ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้

“ด้วยนามของอัลลอฮ์ ข้าพเจ้าขอเปิดตัวหนังสือ “คู่มือเผชิญโรคระบาด คำแนะนำเนื่องในวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เขียนโดย รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ตั้งแต่บัดนี้ จงมุ่งหน้าต่อไป ด้วยความบารอกัตของอัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงตอบแทนด้วยความดีงามแก่ทุกท่าน “ รมว. กิจการศาสนามาเลเซียกล่าวทิ้งท้าย