เว็บไซต์ต้านข่าวลือภาคภาษาอาหรับ

เว็บไซต์ fatabyyano.net ก่อตั้งเมื่อปี 2014 มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบข่าวปลอมหรือข่าวลือที่เผยแพร่ในโชเชียลภาคภาษาอาหรับ พร้อมนำเสนอข่าวคราวที่ถูกต้องและมีแหล่งข้อมูลที่เป็นที่น่าเชื่อถือ

เว็บไซต์ดังกล่าวได้ระบุว่า ตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 (ไวรัสโคโรน่า) แพร่ระบาดในประเทศจีน มีข่าวเท็จมากมายที่ถูกนำเผยแพร่ในโลกโชเชียลภาคภาษาอาหรับที่ถูกเชื่อมโยงกับไวรัสร้ายนี้ ส่วนหนึ่งได้แก่

⁃ รัฐบาลจีนสั่งฆ่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ขยายเนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถรักษาได้

⁃ ชาวจีนจำนวน 20 ล้านคนรับอิสลาม หลังพบว่าชุมชนมุสลิมในประเทศจีนไม่มีการติดเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าว

⁃ รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการอาซาน และละหมาดในมัสยิดทั่วประเทศ เพื่อให้มุสลิมขอพรระงับการเผยแพร่ของไวรัสร้ายนี้

⁃ ประธานาธิบดีจีนได้ตะเวนเยี่ยมมัสยิดต่างๆทั่วประเทศจีน เพื่อรณรงค์ให้ชาวมุสลิมขอพรต่อพระเจ้า

⁃ รัฐบาลจีนสั่งฆ่าสุกรและนกจำนวนมาก เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ข่าวในลักษณะนี้ถูกนำเสนอโดยมีภาพและคลิปวิดีโอประกอบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ในความเป็นจริง ข่าวดังกล่าวล้วนเป็นข่าวปลอมที่ไม่มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนเลย

จึงขอความร่วมมือจากมุสลิมทุกคน ได้ระมัดระวังในการเสพข้อมูลต่างๆ และควรมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามคำสอนของหลักการอิสลามที่ได้กำชับมิให้มุสลิมตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม เพราะจะนำไปสู่การเป็นบุคคลที่เป็นจอมโกหกโดยไม่รู้ตัว

ทีมข่าวต่างประเทศ

Fake news ลวงให้เชื่อ หลอกให้แชร์

Fake news คืออะไร

คือ ข่าวปลอม ข่าวเท็จ ข่าวโกหก ข่าวลวง หรือข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ทำไมเราต้องรู้เท่าทันข่าวประเภทนี้
การแนะนำสิ่งปลอมว่าปลอม เป็นสิ่งที่ควรทำ แม้กระทั่งในดุอา นบียังสอนว่า

اللهم أرنا الحق حقا وارزقنا اتباعه وأرنا الباطل باطلا وارزقنا اجتنابه

“โอ้ อัลลอฮ ได้โปรดให้ฉันเห็นความจริงคือความจริง และโปรดให้ฉันได้ปฏิบัติตามความจริง โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดฉันเห็นความเท็จเป็นความเท็จ และให้ฉันได้ห่างไกลจากมัน”

การที่เรารู้ว่าจริงคือจริง และปลอมคือปลอม ถือเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ แม้กระทั่งในชีวิตประจำวัน

ในทุกวันนี้ สังคมเราโดนหลอกเพราะรู้ของจริงเป็นปลอม และรู้ของปลอมว่าจริงนี่แหละครับ

สิ่งปลอมจึงมีทั่วทุกวงการ

บ้านเราจึงมีหะดีษปลอม ธุรกิจปลอม ข่าวปลอม เผยแพร่มากมาย

ต่อไปนี้เราควรรู้ศัพท์ใหม่สำหรับคนบางคนว่า fake news คืออะไรนะครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.etda.or.th/content/living-in-the-fake-news-era.html

Fake news | ชาวจีน 20 ล้านคนรับอิสลามหลังพบว่าชุมชนมุสลิมไม่มีใครติดไวรัสโควิด-19 (โคโรน่า)

สื่ออาหรับเผยแพร่ข่าวชาวจีนจำนวน 20 ล้านคน รับอิสลามหลังพบว่าชุมชนมุสลิมไม่มีใครติดเชื้อไวรัสซึ่งถือเป็นข่าวปลอมที่ไม่มีแหล่งข่าวทางการใดๆนำเสนอ

ในความเป็นจริงเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดเชื้อไปยังทุกคนโดยไม่เกี่ยวกับภาษา ศาสนาและชาติพันธ์ุแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ สื่ออินโดนีเซียเผยแพร่ข่าวระบุว่าชาวอังกฤษจำนวน 3 ล้านคนรับอิสลามคราวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นข่าวลวงเช่นเดียวกัน

มุสลิมทุกคนดีใจเมื่อทราบข่าวการรับอิสลามของพี่น้องทั่วโลก แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นต้องรับฟังข่าวปลอมหรือ เป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอมในเรื่องนี้

WHO ตั้งชื่อ”ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” อย่างเป็นทางการ

WHO ตั้งชื่อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกชื่อที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แบบเฉพาะเจาะจง

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “โควิด-19” (Covid-19) ย่อมาจาก “coronavirus disease starting in 2019” หรือโรคที่เกิดจากไวรัสโคโรนาที่มีการเริ่มต้นในปี 2019

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/865929?

สำนักฟัตวาอิยิปต์ สั่งห้ามชาวอิยิปต์ ชมหนังซีรีย์อิงประวัติศาสตร์ของตุรกี

ดารุลอิฟตาอฺแห่งอิยิปต์ หรือสำนักให้คำวินิจฉัยทางศาสนาแห่งอียิปต์ได้ออกคำฟัตวา(ศาสนวินิจฉัย) สั่งห้ามชาวอียิปต์ติดตามหนังซีรีย์อิงประวัติศาตร์ของตุรกี 2 เรื่องได้แก่ โอทูรูล คืนชีพคืนแผ่นดิน และ หุบเขาเกรย์วูลฟ์ (Kurtlar Vadisi) โดยให้เหตุผลว่า ประธานาธิบดีแอร์โดอานต้องการปลูกฝังให้ผู้ชมคลั่งไคล้อาณาจักรอุษมานียะฮ์ในอดีต

ดารุลอิฟตาอฺแห่งอียิปต์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีแอร์โดอานพยายามโน้มน้าวให้ประเทศในตะวันออกกลางเชื่อว่า เคยเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของการปกครองยุคอุษมานียะฮ์

นอกจากนี้ดารุลอิฟตาอฺแห่งอียิปต์ได้ให้ข้อมูลว่า ในประเทศเยอรมันมีองค์กรอิสลามกว่า 15 องค์กรที่มีความเชื่อมโยงกับองค์กรอิสลามในประเทศตุรกีพร้อมระบุว่า องค์กรเหล่านี้มีความพยายามจะทำให้สังคมเยอรมันกลายเป็นสังคมอิสลาม ผ่านการเรียนการสอนในโรงเรียน และสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรมศาสนาในมัสยิดและศูนย์อิสลามทั่วประเทศเยอรมัน

โอทูรูล คืนชีพคืนแผ่นดิน เป็นหนังซีรีย์อิงประวัติศาตร์การก่อตั้งประเทศตุรกีที่เริ่มต้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยแอร์ทูรูล เป็นผู้วางรากฐานสำคัญให้แก่ลูกชายชื่ออุษมาน ที่ต่อมาได้สถาปนาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในโลกอิสลามนั่นคืออาณาจักรอุษมานียะฮ์ มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่า 3,000 ล้านคน พร้อมได้รับการแปลภาษาหลายสิบภาษาทั่วโลก

เป็นที่น่าสังเกตว่าดารุลอิฟตาอฺแห่งอิยิปต์ไม่ค่อยแตะต้องหนังซีรีย์ที่แสดงความรุนแรง ชู้สาวและการแสดงที่มีเนื้อหาขัดแย้งกับหลักการศาสนาโดยเฉพาะหนังซีรีย์ที่ฉายทั่วประเทศในช่วงเดือนรอมฎอนทุกปี

อ้างอิง http://mubasher.aljazeera.net/news/%D8%A7%D9%84%D8%A5%D9%81%D8%AA%D8%A7%D8%A1-%D8%A7%D9%84%D9%85%D8%B5%D8%B1%D9%8A%D8%A9-%D8%AA%D8%AD%D8%B0%D8%B1-%D9%85%D9%86-%D9%85%D8%B4%D8%A7%D9%87%D8%AF%D8%A9-%D9%82%D9%8A%D8%A7%D9%85%D8%A9-%D8%A3%D8%B1%D8%B7%D8%BA%D8%B1%D9%84-%D9%88%D9%88%D8%A7%D8%AF%D9%8A-%D8%A7%D9%84%D8%B0%D8%A6%D8%A7%D8%A8?fbclid=IwAR1aS4jQuymZLx6VvfMUwOmOMYHzxdAEFpH_cpTCKfD4OK5eOBJWpz4NAuE

สมาชิกรัฐสภาทั่วโลก ร่วมสัมมนาเครือข่ายสมาชิกรัฐสภาเพื่ออัลกุดส์ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

กัวลาลัมเปอร์, 8 กุมภาพันธ์ 2563 สมาชิกรัฐสภาโลกและผู้แทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกกว่า 500 คน ร่วมสัมมนานานาชาติครั้งที่ 3 “เครือข่ายสมาชิกรัฐสภาเพื่ออัลกุดส์” ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ One World Hotel, Petaling Jaya,KL, Malaysia.

Said Ibrahim Said Nuh ประธานจัดสัมมนากล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้สอดคล้องกับช่วงจังหวะที่ประเทศมาเลเซียและองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี ได้ประกาศจุดยืนปฏิเสธแผนสันติภาพทรัมป์ที่ประกาศยกปาเลสไตน์ให้แก่อิสราเอล หรือที่เป็นที่รู้จักในนาม”ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” (Deal of the Century)

“ในฐานะเจ้าภาพจัดสัมมนาครั้งที่ 3 และครั้งแรกของประเทศมาเลเซีย เราต้องขอขอบคุณที่มาเลเซียได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อหามาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” Said Ibrahim Said Nuh กล่าว

ดร. ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการมุสลิมศึกษาสถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในนักวิชาการจากประเทศไทยที่เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ได้เขียนใน Facebook ส่วนตัว เล่าบรรยากาศตอนเปิดพิธีโดย ตุน ดร. มหาเธร์ โมฮัมมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานในพิธีเปิด ว่า

“มานั่งฟัง “พี่ใหญ่” แห่งอาเซียนพูดถึงสถานการณ์ปาเลสไตน์ หลังทรัมป์เปิดเผยแผนสันติภาพตะวันออกกลาง หรือ Deal of the Century ท่านกล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่มีอะไรหรอก แค่ผู้นำสหรัฐอเมริกาชอบทำเรื่องผิดกฏหมายให้เป็นเรื่องถูกกฏหมาย หรือ “Legalize the illegal”

ดร. ศราวุฒิ อารีย์ ได้ยกคำพูดของนายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซียด้วยข้อความภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความหมายว่า

“แผนสันติภาพนี้ เป็นการยอมรับการยึดครองของอิสราเอล แต่เพิกเฉยต่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่”
————–
ตุน ดร. มหาเธร์ โมฮัมมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

นายแพทย์อนันตชัย ไทยประทาน รองประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี เปิดเผยว่า เครือข่ายสมาชิกรัฐสภาเพื่ออัลกุดส์ ก่อตั้งเมื่อปี 2016 มีสมาชิกรัฐสภาทั่วโลกกว่า 70 ประเทศเป็นสมาชิก มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือสมาชิกรัฐสภาทั่วโลก ในการปกป้องกันอัลกุดส์ ช่วยเหลือปัญหาปาเลสไตน์ต่อต้านการยึดครอง และแผนการสถาปนาอัลกุดส์ให้เป็นเมืองยิว ตลอดจนแก้ไขปัญหาการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนที่อัลกุดส์และปาเลสไตน์

“ขอขอบคุณเครือข่ายสมาขิกรัฐสภาเพื่ออัลกุดส์และขอชื่นชมรัฐบาลมาเลเซียที่แสดงความจริงใจปกป้องอัลกุดส์และชาวปาเลสไตน์ด้วยความมุ่งมั่นมาโดยตลอด ในนามสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี จะนำประสบการณ์จากการสัมมนาครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับประเทศ ในการทำหน้าที่ปกป้องอัลกุดส์ต่อไป” นายแพทย์ อนันตชัย ไทยประทานกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวด่วน! กราดยิงโคราช เสียชีวิตหลายราย

เกิดเหตุทหารคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาพร้อมแม่ยายของผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต ที่นครราชสีมา จากนั้นได้ขับรถไปยังคลังอาวุธภายในค่ายทหาร ก่อนขับฮัมวี่พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากหลบหนีเข้าตัวเมือง และระหว่างทางได้ใช้อาวุธที่ขนมากราดยิงชาวบ้านที่สัญจรไปมาและตำรวจที่เข้าระงับเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากนั้นหลบหนีเข้าไปในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/thailand-51426918

Cr.สํานักข่าวไทย TNAMCOT
Cr. Thairath
Cr. matichon tv

หากชาวผิวขาวให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนที่แท้จริง ทำไมชนพื้นเมืองดั้งเดิมต้องสาปสูญไป

ออสเตรเลียเริ่มฟื้นฟูภาษาเเละวัฒนธรรมชาวอะบอริจินหลังจากหายภาษาชนพื้นเมืองสาบสูญไปเเล้วกว่าร้อยภาษา

ในอดีต รัฐบาลออสเตรเลียเคยจงใจที่จะกำจัดภาษาชนพื้นเมืองในประเทศให้หมดไป โดยมองว่าภาษาชนเผ่าของออสเตรเลียต่ำต้อยกว่าภาษาอังกฤษ

ย้อนไปในตอนที่ชาวอังกฤษเข้าไปตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียในราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีภาษาชนพื้นเมืองอยู่ถึง 250 ภาษา เเต่มาในปัจจุบัน มีภาษาชนพื้นเมืองหลงเหลืออยู่เพียงเเค่กึ่งหนึ่งเท่านั้น

บรรดานักรณรงค์กล่าวว่า การกอบกู้ภาษาชนพื้นเมืองออสเตรเลียไม่ได้เป็นการย้อนอดีต เเต่เป็นการอนุรักษ์ความภูมิใจทางวัฒนธรรม เเละความเป็นเอกลักษณ์ของชาวอะบอริจิน

Sarah Mitchell รัฐมนตรีด้านกิจการชนเผ่าอะบอริจิน เเห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า กฏหมายใหม่ที่ออกมาบังคับใช้จะช่วยให้ภาษาและวัฒนธรรมชนพื้นเมืองได้รับการดูแลเเเละฟื้นฟูขึ้นมาใหม่

กฏหมายใหม่เหล่านี้จะร้องขอให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางภาษาชนพื้นเมืองช่วยให้คำเเนะนำด้านนโยบายของทางการ เเละยังจะมีการตั้งศูนย์เพื่อความยอดเยี่ยมเเห่งใหม่ขึ้นมารองรับอีกด้วย

Ray Kelly นักวิชาการด้านภาษาชนพื้นเมืองอะบอริจิน ที่มหาวิทยาลัย New Castle ในออสเตรเลีย กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมาก เพราะคนในออสเตรเลียได้ถกกันมานานแล้วถึงสิทธิ์ทางภาษา เเละการปกป้องภาษาชนเผ่าอะบอริจิน

เเต่บรรดาคนชาวพื้นเมืองสูงวัยต่างเตือนว่าไม่ควรใช้อำนาจของตนมากเกินไปในการควบคุมการอนุรักษ์ภาษาชนเผ่า

Murray Butcher กล่าวว่าสำคัญมากที่อำนาจในการอนุรักษ์อยู่กับชุมชนของชนพื้นเมือง ไม่ใช่รัฐสภา ออสเตรเลียควรเริ่มต้นทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียที
เเละช่วยกันอนุรักษ์ภาษาพื้นเมืองของประเทศ มอบอำนาจให้กับประชาชนทำหน้าที่ปกป้องรักษาภาษาพื้นเมืองของพวกเขา เเละให้อำนาจคนพื้นเมืองมีสิทธิ์ในการตั้งเป้าหมายอนาคตของตนเอง

ภาษาชนพื้นเมืองอะบอริจินมีอายุย้อนไปนับหลายพันปี เเละไม่ได้ใช้เป็นเพียงเเค่เครื่องมือในการสื่อสาร เเต่สะท้อนถึงความเชื่อและธรรมเนียมโบราณ และเป็นส่วนสำคัญมากของประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่ของคนออสเตรเลียชนเผ่าอะบอริจิน

คนออสเตรเลียเชื้อสายชนพื้นเมืองถูกเรียกว่า First Nations people นับเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของออสเตรเลีย คนชนเผ่าอะบอริจินประสบกับปัญหาทางสุขภาพมากกว่าคนออสเตรเลียผิวขาว มักเสียชีวิตก่อนวัย ประสบปัญหาว่างงานสูง และมีจำนวนมากที่ถูกจองจำในคุก

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)

ที่มา : https://www.voathai.com/a/australia-aboriginal-language/4085134.html?fbclid=IwAR0V8aBBIWfS6pRF1Is5IYUmazEb-ZZZjxL1vw-J2aLZ8hP_nKxGRVhprUc

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ค่าเงินซูดานดิ่งตกเป็นประวัติการณ์

อัลจาซีร่าห์รายงานค่าเงินปอนด์ซูดานดิ่งตกเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 45 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ขณะที่ในตลาดมืด มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่าง 95-100 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ซึ่งถือเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนระดับอ่อนค่าที่สุดในประวัติการณ์ของซูดาน ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาแพงขึ้นอีกเท่าตัว

ซูดานเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หลังประกาศแยกเป็นประเทศใหม่ของซูดานทางภาคใต้ในปี 2011 พร้อมกับการสูญเสีย 3/4 แหล่งผลิตน้ำมัน ซึ่งถือเป็นรายได้สำคัญของประเทศ

ทางด้านนายกรัฐมนตรีซูดาน นายอับดุลลอฮ์ ฮัมดูกแถลงว่า ประเทศซูดานไม่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันให้กับค่าเงินในประเทศ

ในสมัยรัฐบาลอุมัร บาขีร์ (ปี 2561) ค่าเงินซูดานอยู่ที่ 30 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ขณะที่ในตลาดมืดมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่าง 45-50 ปอนด์ซูดานต่อ 1 ดอลล่าร์ ทำให้ทหารลุกขึ้นปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลอุมัร บาขีร์ โดยอ้างว่าจะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้น แต่ปัจจุบัน ซูดานประสบวิกฤติทางเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าเดิม

อ้างอิง
http://mubasher.aljazeera.net/news/%D9%84%D9%85%D8%A7%D8%B0%D8%A7-%D9%8A%D8%B3%D8%AA%D9%85%D8%B1-%D8%A7%D9%84%D8%AC%D9%86%D9%8A%D9%87-%D8%A7%D9%84%D8%B3%D9%88%D8%AF%D8%A7%D9%86%D9%8A-%D9%81%D9%8A-%D8%A7%D9%84%D9%87%D8%A8%D9%88%D8%B7%D8%9F

มุสลิมอเมริกันคนแรกที่ได้รับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจ

Ibrahim Mike Baycora มุสลิมอเมริกันเชื้อสายตุรกีเข้าพิธีสาบานตนต่อหน้าผู้ว่าราชการเมืองเพเทอร์สัน สหรัฐอเมริกาเพื่อรับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจประจำเมือง

Ibrahim Mike Baycora ถือเป็นมุสลิมคนแรกในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับตำแหน่งนี้

เมืองเพเทอร์สัน เป็นเมืองหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ชาวอาหรับและมุสลิมทั่วโลกอยู่อาศัยเป็นจำนวนมากจนถูกขนานนามว่าเป็นเมืองอาหรับในสหรัฐอเมริกา

รู้จักเมืองแพเทอร์สัน เมืองอาหรับในสหรัฐอเมริกา