ทางนำ อัลหะดีษ

นึกว่าจริง ที่แท้ปลอม [4]

รอบนี้ขอแตะเรื่องรักชาติหน่อยครับ

สมัยเด็ก ๆ แอดจำได้ว่า มีนักบรรยายจากกทม. ที่รู้จักในนาม มนัส เมริกัน (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือไม่) เดินสายทั่วมัสยิดใน 3 จังหวัดแดนใต้ โดยที่ท่านมักยกประโยคอาหรับท่อนหนึ่งว่า

حب الوطن من الإيمان

ความว่า รักบ้านเกิดเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา

เมื่อมีโอกาสเรียนในปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนา ประโยคนี้ก็มีการกล่าวถึงเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงการรักษ์บ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งมักจะท่องติดปาก และมั่นใจว่าประโยคดังกล่าวเป็นหะดีษนบี

ซึ่งในความเป็นจริง เป็นเพียงสำนวนอาหรับ พอๆกับ النظافة من الإيمان นั่นแหละ หาใช่เป็นหะดีษนบีแต่อย่างใด

แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปปฏิเสธความผูกพันกับบ้านเกิดนะครับ เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์ย่อมรักบ้านเกิดและมีอดีตอันงดงามกับมาตุภูมิอยู่แล้ว และไม่ใช่เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด แม้กระทั่งนบี ยามที่ท่านจะออกจากเมืองมักกะฮ์ในคราวอพยพไปยังมะดีนะฮ์ ท่านยังโอดครวญแสดงความรักต่อบ้านเกิดมักกะฮ์ เช่นเดียวกับเศาะฮาบะฮ์ชาวมูฮาญิรีน เมื่อได้ยินนบีจะไปทำอุมเราะห์ ต่างคนต่างดีใจที่ได้มีโอกาสกลับมาตุภูมิอีกครั้ง

ความรักต่อมาตุภูมิและถิ่นเกิดคือความรู้สึกปกติสามัญของผู้คน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม

เพียงแต่จะเชื่อมโยงกับการศรัทธา และแอบอ้างนบีว่า เป็นผู้กล่าวประโยคดังกล่าว อันนี้แหละไม่ถูกต้องครับ เพราะประโยคดังกล่าวหาใช่เป็นหะดีษ ค้นหาในตำราหะดีษที่ได้รับการยอมรับร้อยวันพันปี ก็ไม่มีทางเจอะเจอ เพราะมันไม่ใช่หะดีษครับ

ขอฝากเป็นพิเศษแก่นักกำปงนิยม อำเภอนิยม จังหวัดนิยม ท้องถิ่นนิยม ชาตินิยมทั้งหลายแหล่ ว่าจะยกประโยคนี้เพื่อเป็นหลักฐานว่า การรักถิ่นเกิดเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธาไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

ฝากไว้นะครับ เอ่ยถึงประโยคนี้ ห้ามบอกว่า นบีกล่าวหรือเป็นหะดีษนบีโดยเด็ดขาด

ปล. แอดมินรักและรู้สึกผูกพันกับบ้านเกิดเช่นกันครับ


โดย Mazlan Muhammad