เหตุการณ์ผ่านไป 1 ปี เหยื่อแผ่นดินไหวมีบ้านพักฟรี

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2021 เป็นวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเอลาซิก เมืองทางภาคตะวันออกของตุรกี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมทั้งอาคารบ้านเรือนเสียหายยับเยิน

รัฐบาลตุรกีประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติพร้อมระดมความช่วยเหลือทั้งด้านการแพทย์ หน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครต่างทำงานหนักเพื่อบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนร่วมชาติที่ประสบภัยครั้งนี้

ประธานาธิบดีแอร์โดอานประกาศว่ารัฐบาลจะสร้างที่พักใหม่ให้แก่ผู้ประสบภัยภายใน 1 ปี และในวันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2021 รัฐบาลได้ปฏิบัติตามสัญญาด้วยการมอบบ้านใหม่ฟรีให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งนี้จำนวน 8,000 ยูนิค

เหตุร้ายผ่านไปแล้ว ความสูญเสีย ไม่มีวันกลับคืน แต่ชีวิตที่ปลอดภัย ก็ต้องต่อสู้ต่อไป

ปลื้มใจแทนชาวตุรกีจริงๆ


อ้างอิง

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงสหรัฐคนใหม่ผู้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมือง ของสหรัฐฯ

ชัยชนะของพรรคเดโมแครตทำให้แฮร์ริสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่กว่า 200 ปีของสหรัฐไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกและคนผิวสีชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา

รองประธานาธิบดีวัย 56 ปีเกิดที่เมืองโอคแลนด์ในรัฐแคลิฟอร์เนียในครอบครัวผู้อพยพ มีแม่ชาวอินเดียและ พ่อชาวจาไมกาที่เป็นศาสตรจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ หย่าร้างกันเมื่อเธออายุเพียง 5 ขวบ

และหลังจากนั้นแฮร์ริสก็ได้รับการเลี้ยงดูโดย คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่พ่วงด้วยตำแหน่งนักวิจัยมะเร็งและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนมาตลอด ซึ่งต่อมาแม่เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2009

หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลับฮาวเวิร์ดในกรุงวอชิงตันดีซีในปี 1986 และโรงเรียนกฎหมายแฮสติงส์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในปี 1989 แฮร์ริสก็สอบผ่านเนติบัณฑิตในปีต่อมาและเข้าทำงานเป็นอัยการผู้ช่วยในเขตแอละมีดาในรัฐแคลิฟอร์เนียบ้านเกิด

เส้นทางสู่สายการเมืองของแฮร์ริสได้เริ่มขึ้น ณ ที่แห่งนี้

ปี 2003 แฮร์ริสได้รับเลือกให้เป็นอัยการเขตของซานฟรานซิสโก กลายเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกในแคลิฟอร์เนียที่ได้รับตำแหน่งนี้

ต่อมาในปี 2010 เธอเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย และปี 2016 เธอเป็นผู้หญิงผิวสีคนที่สองและเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกของสหรัฐ

โจ ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2021 ในวัย 78 ปี ถือเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเขาน่าจะอยู่ในตำแหน่งนี้เพียงแค่วาระเดียว โดยที่นางแฮร์ริส อาจเป็นประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ในกรณีที่โจ ไบเดนเสียชีวิตหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เปิดทางโอนอำนาจให้รองประธานาธิบดีไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไป


ขอบคุณข้อมูล

https://www.posttoday.com/world/637506?fbclid=IwAR3SqV4zFBObKhhwnINJMjX-yo7OTw_quFg0p5v_1A2oZCESe53TuWd7dZ0

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

16 คุณูปการของทรัมป์ต่ออิสราเอล 16 ความอัปยศของประชาชาติมุสลิม

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงให้แก่อิสราเอล 16 ประการ ซึ่งเป็น 16 ประการของความอัปยศของประชาชาติมุสลิมโดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์และชาวซีเรีย ทั้ง 16 ประการนี้ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของชาวปาเลสไตน์และขาวซีเรียโดยสิ้นเชิง

16 ประการนี้ได้แก่

          1.      การรับรองอัลกุดส์เป็นเมืองหลวงอิสราเอล

เมื่อ 6 ธันวาคม 2017 โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอัลกุดส์เป็นเมืองหลวงอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชาติมุสลิมทั่วโลก

          2.      ยุติการเรียก”แผ่นดินที่ถูกยึดครอง”ในเขตเวสต์แบงค์และฉนวนกาซ่า

เมื่อ 20 เมษายน 2018 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ประกาศยกเลิกการเรียก”แผ่นดินที่ถูกยึดครอง” โดยเรียกเขตเวสต์แบงค์และฉนวนกาซ่าแทน

          3.      ย้ายสถานทูตสหรัฐฯจากเทลอาวีฟไปยังอัลกุดส์

เมื่อ 14 พฤษภาคม 2018 ทรัมป์ออกคำสั่งย้ายสถานทูตสหรัฐฯจากเทลอาวีฟไปยังอัลกุดส์ ซึ่งถือเป็นสถานทูตต่างชาติแห่งแรกที่ได้รับการสถาปนาที่เมืองอัลกุดส์

          4.      ยุติความช่วยเหลือด้านการเงินแก่รัฐบาลปาเลสไตน์

เมื่อ 2 สิงหาคม 2018 รัฐบาลสหรัฐฯประกาศยุติการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลปาเลสไตน์ โดยทรัมป์อ้างว่า เพื่อกดดันให้รัฐบาลปาเลสไตน์ยอมรับมาตรการของอิสราเอลที่สร้างนิคมตนเองในพื้นที่ชาวปาเลสไตน์

          5.      ตัดงบประมาณความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UNRWA

เมื่อ 3 สิงหาคม 2018 รัฐบาลสหรัฐฯประกาศตัดงบประมาณสนับสนุนสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งสหรัฐฯคือผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดที่ให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรนี้ โดยสหรัฐฯสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้สวัสดิการด้านการศึกษา พยาบาลและอื่นๆ กว่า 300 ล้านดอลล่าร์ต่อปี

          6.      ตัดงบประมาณให้ความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลชาวปาเลสไตน์ที่อัลกุดส์ตะวันออก

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2018 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศยุติการสนับสนุนทางการเงินแก่โรงพยาบาลปาเลสไตน์จำนวน 6 แห่งที่ให้บริการแก่ชาวปาเลสไตน์ ในเขตอุลกุดส์ตะวันออก

          7.      ปิดสำนักงาน องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ PLO ที่กรุงวอชิงตัน

วันที่ 10 กันยายน 2018 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศปิดสำนักงานองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ PLO ที่กรุงวอชิงตันพร้อมขับไล่เจ้าหน้าที่และคนงานออกจากสำนักงาน

          8.      ยุบสถานกงสุลสหรัฐฯที่เมืองอัลกุดส์

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2019 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศยุบสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่อัลกุดส์ โดยผนวกรวมให้อยู่ภายใต้การบริหารของสถานทูตสหรัฐฯที่เมืองอัลกุดส์แทน

          9.      รับรองอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลาน

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2019 ทรัมป์ประกาศรับรองอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลานที่อิสราเอลยึดครองจากซีเรียเมื่อสงคราม 6 วัน ปีค.ศ. 1967 และในโอกาสนี้อิสราเอลได้เปลี่ยนชื่อที่ราบสูงโกลานเป็นที่ราบสูงทรัมป์ทรัมป์แทน

          10.    ยกเลิกนับจำนวนนิคมอิสราเอลที่ผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2019 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกประกาศว่าจะไม่มีการนับจำนวนนิคมสร้างตนเองอิสราเอลที่สร้างขึ้นอย่างผิดกฎหมายในบริเวณที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์

          11.    ประกาศแผนสันติภาพข้อตกลงแห่งศตวรรษ

วันที่ 28 มกราคม 2020 ทรัมป์ประกาศแผนสันติภาพ”ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” ที่มีเป้าหมายยุติความขัดแย้งและกดดันให้ชาวปาเลสไตน์ยอมรับอธิปไตยของอิสราเอลเหนืออัลกุดส์ฝั่งตะวันออกและพื้นที่อีก 30 % ในเขตเวสต์แบงค์

          12.    รณรงค์แผนดำเนินงาน “การรื้อฟื้นความสัมพันธ์อย่างปกติ”ระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอล

เดือนกันยายน 2020 ทรัมป์ประกาศแผนสันติภาพ “การรื้อฟื้นความสัมพันธ์อย่างปกติ” ระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอลโดยมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์บาห์เรน ซูดานและมอร็อกโก เป็น 4 ชาติอาหรับนำร่องจับมือกับอิสราเอลดำเนินตามแผนสันติภาพนี้

          13.    ให้ความคุ้มครองเขตนิคมสร้างตนเองของอิสราเอล

วันที่ 28 ตุลาคม 2020 อิสราเอลและสหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงให้ความคุ้มครองเขตนิคมสร้างตนเองของอิสราเอลที่สร้างขึ้นในเขตเวสต์แบงค์ฝั่งตะวันตกและที่ราบสูงโกลาน

          14.    อนุญาตให้ชาวสหรัฐฯที่อาศัยที่เมืองกุดส์แจ้งเกิดลูกว่าถือกำเนิดที่ประเทศอิสราเอล

วันที่ 29 ตุลาคม 2020 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศอนุญาตให้ทารกแรกเกิดของชาวสหรัฐอเมริกาที่ถือกำเนิดที่เมืองอัลกุดส์ ให้สามารถระบุในหนังสือเดินทางว่ากำเนิดที่ประเทศอิสราเอล

          15.    ประกาศว่า กิจกรรมที่ดำเนินการโดยกลุ่มเคลื่อนไหวทั่วโลกเพื่อรณรงค์คว่ำบาตร ลดการลงทุนและลงโทษต่อประเทศอิสราเอล (Boycott,Divestment and Sanction)

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศว่าแคมเปญ ที่ดำเนินการโดยกลุ่มเคลื่อนไหวทั่วโลกเพื่อรณรงค์คว่ำบาตร ลดการลงทุนและลงโทษต่อประเทศอิสราเอล (Boycott,Divestment and Sanction) จนกว่าอิสราเอลจะยอมปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศและยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ที่ริเริ่มโดยชาวปาเลสไตน์ในปี ค.ศ. 2005 ว่า เป็นมาตรการที่ไร้จรรยาบรรณและถือเป็นกิจกรรมที่เป็นศัตรูต่อคุณค่าอันสูงส่ง

          16.    ติดสติ๊กเกอร์บนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเขตนิคมสร้างตนเองว่าผลิตจากอิสราเอล

วันที่ 24 ธันวาคม 2020 สหรัฐอเมริกาเริ่มใช้สติ๊กเกอร์บนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเขตนิคมสร้างตนเองว่าผลิตมาจากอิสราเอล ทั้งๆที่เขตนิคมดังกล่าวถูกสร้างบนพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ที่อิสราเอลยึดครองอย่างผิดกฎหมายสากล

https://www.facebook.com/masjidabibakrphatna/videos/504118867390503

อ้างจาก

https://www.aljazeera.net/news/2021/1/20/هذه-مكاسب-إسرائيل-في-عهد-ترامب-على-حساب?fbclid=IwAR1zZgc7ouAv1JqO3S-mJ8cupCOOR_0X364aWDCHphZIuaK2tKgc2cztKcc

โดย Mazlan Muhammad

อาคารครอบครัวอิบรอฮีม ศูนย์กลางศาสนาสากล

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สร้างศาสนสถานสำคัญ 3 ศาสนา อิสลาม คริสต์และยิวโดยตั้งชื่อว่า อาคารครอบครัวอิบรอฮีม (Abrahamic Family House) ประกอบด้วยมัสยิดที่หันไปทางกะอฺบะฮ์ โบสถ์ที่หันไปทางทิศตะวันออก และซินนะกอก(โบสถ์ยิว)ซึ่งหันไปทางกรุงเยรูซาเลม โดยทั้ง 3 อาคารครอบด้วยหลังคาที่มีลักษณะเหมือนกัน เริ่มก่อสร้างปี 2019 และคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2022 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี นอกจากนี้ยังมีอาคารแสดงนิทรรศการและประชุมสัมมนาอีก 1 อาคาร

คณะกรรมการภราดรภาพมนุษย์ (The Higher Committee of Human Fraternity) ได้ฉลองครบรอบ 1 ปี แห่งการลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยภราดรภาพมนุษย์ ณ กรุงอาบูดาบี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกและอิมามใหญ่แห่งอัลอัซฮัร ชัยค์อาห์มัด ตอยยิบ โดยมีชัยค์อับดุลลอฮ์บินซัยด์ อัลนะห์ยาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้เกียรติเป็นสักขีพยาน

คณะกรรมการภราดรภาพมนุษย์เป็นองค์กรอิสระที่ประกอบด้วยผู้นำทางศาสนา นักวิชาการด้านการศึกษา และผู้นำทางวัฒนธรรมจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมภราดรภาพมนุษย์ต่อคนทุกหมู่เหล่า มีภารกิจในการปฏิบัติตามปณิธานที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยภราดรภาพมนุษย์ทั่วโลก ด้วยการจัดการประชุมร่วมกับผู้นำทางศาสนา ผู้นำขององค์กรระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการดำเนินการที่จะสร้างโลกที่มีสันติภาพมากขึ้น เพื่อมนุษยชาติทั้งปวง คณะกรรมการภราดรภาพมนุษย์ยังจะทำงานเคียงข้างฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดตัวบทกฎหมายระดับประเทศ ที่เสริมสร้างความสำคัญของการเคารพซึ่งกันและกันและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการยังจะเข้ามาดูแลโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อปฏิบัติตามปณิธานที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยภราดรภาพมนุษย์ เช่น อาคาร Abrahamic Family House ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นที่กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อาคารครอบครัวอิบรอฮีม ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิชาการอิสลามสายอนุรักษ์ ที่มีทัศนะว่า การเชิญชวนให้ผู้คนมีความรักและปรองดองกัน ถือเป็นเจตนารมณ์ร่วมของชาวโลกและเป็นคำสอนหลักของศาสนา แต่การโน้มน้าวให้ผู้คนปฏิบัติตนในลักษณะเดียวกัน เป็นสิ่งที่ฝืนกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอิสลามที่มีคำสอนในเรื่องเอกานุภาพของพระเจ้า ในขณะที่อาคารครอบครัวอิบรอฮีมได้แสดงถึงการมีต้นกำเนิดอันเดียวกันของศาสนา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงนบีอิบรอฮีมไม่เคยเผยแพร่ให้มนุษย์สร้างภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า

ในขณะที่นักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่าอาคารครอบครัวอิบรอฮีมเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้ผู้คนยอมรับความแตกต่าง ใช้ชีวิตอย่างเป็นพี่น้องที่มีความรักและความเมตตาระหว่างกัน


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

อ้างอิง https://www.ryt9.com/s/anpi/3092709

5 เหตุผลที่โลกควรสนใจตุรกี

1. ตุรกีเคยเป็นเมืองหลวงโลกอิสลามยุคอุษมานียะฮ์ที่ครอบคลุม 3 ทวีป มีเคาะลีฟะฮ์ปกครอง 36 พระองค์ นานกว่า 600 ปี และเพิ่งล่มสลายไปไม่ถึง 100 ปี

2. ตุรกีกำลังเข้าสู่อ้อมกอดของอิสลามในทุกมิติอีกครั้ง หลังจากถูกบังคับให้ถอดถอนอิสลามชนิดถอนรากถอนโคนด้วยวิธีเผด็จการและโหดร้ายที่สุด

3. ตุรกีปัจจุบัน มีศักยภาพในการแข่งขันกับสังคมโลกได้อย่างน่าทึ่ง และสามารถพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

4. ตุรกีคือแหล่งพักพิงของผู้อพยพจำนวนมากกว่า 5 ล้านคน และกลายเป็นที่พึ่งพาของของผู้ถูกอธรรมและผู้เดือดร้อนจากทั่วทุกมุมโลก

5. ตุรกีคือ 1 ในสมาชิกนาโต้ที่มีกองกำลังใหญ่โตมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ แต่กำลังถูกสมาชิกนาโต้และสหภาพยุโรปกดดันเพื่อให้ตุรกีกลายเป็นเด็กใต้โอวาทตลอดไป


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

คนแรกในประวัติศาสตร์ผู้นำสหรัฐฯที่ถูกร้องถอดถอนจำนวน 2 ครั้ง

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยความผิดในข้อหาปลุกระดมมวลชนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยจะส่งญัตตินี้ให้กับวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อพิจารณาเป็นลำดับต่อไปว่าจะเห็นชอบหรือคัดค้าน

15 มกราคม 2564

Harun Yahya ซาตานในคราบนักเผยแพร่ศาสนาถูกตัดสินเข้าคุกกว่า 1,000 ปี

จันทร์ที่ 11 มกราคม 2021 ศาลตุรกีได้พิพากษาลงโทษจำคุก นายอัดนาน โอกตาร์ หรือที่รู้จักในนาม ฮารูน ยะห์ยา 1,075 ปี ในความผิดฐานต่างๆส่วนหนึ่งคือก่ออาชญากรรมทางเพศ

เช่นเดียวกันกับบรรดาสาวกของเขาอีก 236 คนโดยในจำนวนนี้มี 78 คนที่ถูกจับกุมแล้ว และถูกตัดสินคดีตามความผิดในข้อหาต่างๆเช่นแอบอ้างศาสนาและความเชื่อเพื่อการฉ้อโกง ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หลอกลวง บั่นทอนความมั่นคงของประเทศและก่อการร้าย

นายอัดนาน โอกตาร์ ถูกตำรวจจับกุม เมื่อเดือนมิถุนายน 2018 ในข้อหาก่อตั้งองค์กรอาชญากรรม ล่อลวงเด็ก ทำอนาจาร เป็นสายลับทางการเมืองและการทหาร แอบอ้างศาสนาเพื่อหลอกลวง กระทำก่อการร้าย บั่นทอนความมั่นคงของชาติ และพัวพันกับกลุ่มสายลับโมสาด อิสราเอล

นายอัดนาน โอกตาร์ อ้างตัวตนเป็นนักคิดและนักเผยแพร่อิสลามได้สร้างข้อกังขาในสังคมตุรกีและโลกอิสลามด้วยแนวคิดและการปฏิบัติที่ขัดแย้งกับหลักคำสอนอิสลาม เขาเคยประกาศตนเองเป็นอิมามมะฮ์ดีและยังสนับสนุนรัฐเถื่อนอิสราเอลอย่างหัวชนฝา

เขาเป็นผู้ดำเนินรายการในสถานีโทรทัศน์ช่อง A9TV ซึ่งรัฐบาลได้สั่งปิดแล้ว เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเผยแพร่รายการที่ฝ่าฝืนคำสอนอิสลาม โดยเฉพาะในรายการที่เขาออกอากาศพร้อมดารานักแสดงหญิงที่แต่งตัวโป๊เปลือยในวงเหล้า โดยเขาอ้างว่า กำลังเผยแพร่ศาสนาให้พวกนาง

นายอัดนาน โอกตาร์ นักวิชาการศาสนาแนวคิดวิปลาส ผู้ใช้คำสอนอิสลามเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ของตนและมีแผนร้ายต่อความมั่นคงของชาติ มีหลักฐานพัวพันและสนิทสนมกับองค์กรต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มสายลับโมสาด อิสราเอล

นายอัดนาน โอกตาร์ หนึ่งในกระบอกเสียงผู้เชิญชวนผู้คนสู่นรกญะฮันนัม บัดนี้เขาถูกตัดสินคดีบนโลกนี้แล้ว ก่อนการพิพากษาจากศาลแห่งอัลลอฮ์ในวันแห่งการพิพากษา เขาและบรรดาสาวกจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม หากเขาไม่กลับเนื้อกลับตัวสู่การเป็นผู้ศรัทธาโดยแท้จริง


โดยทีมข่าวต่างประเทศ

bip แอพใหม่จากตุรกี

Turkcell บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือชั้นนำของตุรกี ตั้งอยู่ในนครอิสตันบูลประเทศตุรกี ผลิตโปรแกรมส่งข้อความBiP สำหรับโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ซึ่งมีความปลอดภัยและไม่ต้องเสียค่าบริการ BiP ยังรองรับการส่งเสียง วิดีโอ ประชุมออนไลน์และสามารถแปลภาษาได้ 106 ภาษาด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

Turkcell เปิดเผยว่าบริษัทเริ่มเปิดใช้ให้บริการตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2564 โดยหลังจากเปิดบริการเพียงสองวันมีผู้สมัครรับบริการแล้วทั่วโลกกว่า 2 ล้านราย

ผู้บริหาร Turkcell กล่าวว่า เราเปิดบริการโปรแกรมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการติดต่อสื่อสารด้วยโปรแกรม WhatsApp ที่วางเงื่อนไขมากมายแก่ผู้บริการ ทำให้มีข้อจำกัดต่างๆ BiP จึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใข้บริการที่ต้องการความสะดวกและการติดต่ออย่างไร้จำกัด

Download
Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.turkcell.bip&hl=th&gl=US
Apple : https://apps.apple.com/us/app/bip-messenger-video-call/id583274826

สหรัฐฯกลียุค กรรมาธิการตุลาการจี้ปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งปธน.

นับเป็นวันมืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกา เมื่อม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกอาคารรัฐสภา ขวางสภาคองเกรสรับรองไบเดนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อวันพุธที่ 6 มกราคม 2021

รองปธน.ไมค์ เพนซ์ ประณาม บอกเป็นวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐสภาสหรัฐฯ ขณะสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ รับรองไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว

ในขณะที่กรรมาธิการฝ่ายตุลาการสหรัฐฯออกโรงจี้ให้สภาคองเกรสมีคำสั่งปลดทรัมป์พ้นตำแหน่งประธานาธิบดี อ้างเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

นายชาร์ก ชูเมอร์ ประธานกรรมาธิการตุลาการแห่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกากล่าวว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ทรัมป์ไม่มีความชอบธรรมดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแม้แต่วันเดียว พร้อมระบุจะดำเนินคดีทรัมป์หากรัฐบาลไม่ปลดเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เปิดทางโอนอำนาจให้รองประธานาธิบดีไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไป

บทบัญญัติดังกล่าว อนุญาตให้รองประธานาธิบดีขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีได้ หากประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เช่น เมื่อประธานาธิบดีอยู่ในสภาพเป็นบุคคลไร้ความสามารถเนื่องจากอาการป่วยทางกายหรือทางจิต  ซึ่งจะต้องอาศัยเสียงส่วนมาก 2 ใน3 ทั้งจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานาธิบดีจะเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานาธิบดี ไปจนกว่าจะได้ข้อสรุป

ในขณะเดียวกัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นางแนนซี่ เพโลซี่ ระบุทรัมป์อันตรายต่อประเทศของเรา และเราไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้เขายุยงกลุ่มผู้สนับสนุนเขาอีกต่อไป

ในขณะที่ นายคริสต์ เวนโฮลัน สมาชิกวุฒิสภาฯ เรียกร้องให้ปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะการมีอำนาจของเขาเปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่ทำลายความมั่นคงของประเทศ เขายังระบุว่า ทรัมป์ได้ละเมิดสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ และจมเป็นต้นเหตุให้เกิดความรุนแรงและโกลาหล ทำให้เกิดการสูญเสียด้านจิตวิญญาณ

ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นายโมเรล บาวเซอร์เรียกร้องให้ลงโทษทรัมป์และกลุ่มผู้สนับสนุนที่ก่อจลาจลครั้งนี้ เขายังระบุว่าเป็นการโจมตีของก่อการร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา พร้อมได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเวลา 15 วัน จนถึงวันที่โจ ไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 มกราคม 2021 นี้

ทางด้านแกนนำรัฐบาลหลายคน ได้ชิงลาออกจากตำแหน่ง เพื่อประท้วงการตัดสินใจของทรัมป์ครั้งนี้


อ้างอิง

https://www.aljazeera.net/news/politics/2021/1/7/%D8%B9%D9%82%D8%A8-%D8%A7%D9%84%D8%AA%D8%B5%D8%AF%D9%8A%D9%82-%D8%B9%D9%84%D9%89-%D8%A8%D8%A7%D9%8A%D8%AF%D9%86-%D8%A7%D8%B3%D8%AA%D9%82%D8%A7%D9%84%D8%A7%D8%AA-%D9%81%D9%8A?fbclid=IwAR0WSSKTFTiJoRB0_jkTNzMMqPrmwGv9p0FPWKKq1jat_X5ZCkB8c25Elkw

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ผู้ประท้วงบุกระงับการประชุมรับรองผลการเลือกตั้งอเมริกา

ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หลายหมื่นคน  รวมตัวกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 6/1/2021 ในบริเวณใกล้เคียงทำเนียบขาว เพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งโจไบเดนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตเป็นผู้ชนะ

จากนั้นผู้ประท้วงมุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา ในเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังประชุมร่วมกับวุฒิสภา ที่จัดประชุมร่วมกันเพื่อรับรองผลการลงคะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี  ผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปในอาคาร ซึ่งนำไปสู่การระงับการประชุมและความโกลาหลวุ่นวายและการจลาจล


รูปภาพจาก TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ