ย้อนรอยประวัติศาสตร์อุษมานียะฮ์ ตอนที่ 3

ปามุกกาเล่ แปลว่าปราสาทปุยฝ้ายตั้งอยู่ในจังหวัดดีเดนิซลี ประเทศตุรกีห่างจากนครอิสตันบูลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 576 กิโลเมตร

เป็นเนินสีขาวของหินปูนสูง 160 เมตร ยาวเกือบ 3 กม. เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดจากธารน้ำใต้ดิน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในตุรกี

ในบริเวณนี้ยังมีเมืองโบราณฮีราโพลีส ( Hierapolis) ที่สร้างขึ้นราว 190 ปีก่อนคริสตกาล เมืองนี้เคยเจริญรุ่งเรืองสุดขีด ก่อนที่จะล่มสลายในศตวรรษที่ 7

ยูเนสโกประกาศให้ ปามุกกาเล่และเมืองโบราณฮีราโพลีส เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1986

ความสวยงามที่มีแอ่งน้ำร้อนธรรมชาติสีขาวโพลนอย่างเป็นลำดับชั้น ทำให้เพิ่มความสวยงามของทัศนียภาพชนิดลืมไม่ลงจริงๆ

เรามาถึงที่นี่ราวบ่าย 3 ในวันอันสดใส จึงมีโอกาสใช้เวลาเก็บความทรงจำที่นี่นานกว่า 2 ชม.

เราตัดสินใจค้างแรมที่นี่ ซึ่งกว่าจะได้โรงแรม ก็ต้องวนรถถามหาห้องว่างหลายที่เหมือนกัน สาเหตุเพราะไม่มีการจองโรงแรมล่วงหน้าเหมือนที่บูร์ซ่าและอิซมีร์

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ พร้อมๆกับความยากลำบาก จะมีความง่ายดายเป็นเงาเสมอ สุดท้ายเราได้โรงแรมที่สุดสบาย อยู่รวมกันได้ ถึง 6 คน ตั้งอยู่ในชุมชนมุสลิมปามุกกาเล่ ห่างจากเนินเขาปามุกกาเล่ประมาณ 5 กม.

เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย สตรีใส่ผ้าคลุม 100 % ทั้งหมู่บ้าน มีโรงแรมที่รับบริการเฉพาะลูกค้าที่พาครอบครัวเท่านั้น ไม่อนุญาตชายโสดเข้าพักได้ อันแสดงถึงความยึดมั่นในธรรมเนียมประเพณีและคำสอนของอิสลามอย่างเคร่งครัด

เราเข้าพักช่วงค่ำพอดี ถึงแม้มัสยิดอยู่ใกล้เพียง 200 ม. แต่เราพลาดละหมาดที่มัสยิดอย่างน่าเสียดายเนื่องจากฝนตกหนัก

รุ่งขึ้น เราไม่พลาดละหมาดศุบฮิที่มัสยิดชุมชนนี้ ประทับใจกับระเบียบการจัดแถวและการละหมาดของคนที่นี่ หลังอะซานเสร็จ ผู้คนจะทยอยเข้ามัสยิดจนเกือบเต็มมัสยิด ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมและเคร่งขรึมมาก ไม่มีการทักทายหรือพูดจาเสมือนแต่ละคนไม่เคยรู้จักมาก่อน มันเป็นบรรยากาศอันเงียบสงัดในมัสยิดแห่งหนึ่ง ถึงแม้มีผู้คนเป็นร้อยๆคน มีหลายคนที่อ่านอัลกุรอานและกล่าวซิกิร์ แต่บรรยากาศก็ยังคงเงียบสงัดเช่นเดิม

ก่อนละหมาดประมาณ 10 นาที มีชายใส่สูทนั่งบนเก้าอี้แถวหน้า พร้อมบรรยาย ผู้เขียนไม่เข้าใจภาษาตุรกี แต่จากอัลกุรอานและหะดีษที่ท่านยกมาประกอบบรรยาย คาดเดาว่าเป็นเรื่องสร้างแรงบันดาลใจที่ต้องเขื่อมั่นในความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ อย่ารู้สึกท้อ ตราบใดที่เราช่วยเหลืออัลลอฮ์ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ แน่นอนพระองค์ย่อมช่วยเหลือเรา ท่านยังยกหะดีษที่กล่าวถึงผู้นำและกองกำลังที่พิชิตกรุงคอนสเตติโนเปิลอีกด้วย ด้วยพลังน้ำเสียงอันดุดันและมีพลัง ทำให้ผู้เขียนรู้สึกมีแรงบันดาลใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโดยเฉพาะในช่วงนั้น เป็นช่วงที่ทหารตุรกีกำลังปฏิบัติการตามแผนต้นน้ำสันติภาพทางตอนเหนือของตุรกีพอดี

หลังจากนั้นท่านใส่ชุดผ้าคลุมและหมวกอิหม่ามนำละหมาดต่อไป

หลังละหมาด ผู้คนยังสงบเสงี่ยมอยู่ในแถวจนกว่าอิมามจะดุอาเสร็จ พลันเสร็จดุอา ผู้คนลุกขึ้นทักทายมิตรสหายอย่างสนิทสนมในฐานะเพื่อนบ้านเรือนเคียง บางคนเดินคู่ๆออกจากมัสยิดอย่างเป็นกันเอง

เป็นบรรยากาศที่ผู้เขียนไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต แม้กระทั่งในนครอิสตันบูล

เราเดินออกจากมัสยิดพร้อมรับอรุณยามเช้าอันสดใส ที่มีเทือกเขาสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผู้คนเดินพลุกพล่าน เนื่องจากมัสยิดอยู่ ณ ศูนย์กลางชุมชน เดินไปนิดหน่อย ก็มีตลาดสดยามเช้า มีสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะผลไม้สดๆอย่างองุ่น ทับทิม มะกอก มะเดื่อ น้ำผึ้ง ที่มีชาวบ้านขนกับรถม้ามาขายริมถนนทีเดียว นอกจากนี้สินค้าประเภทเสื้อผ้า ของใช้จิปาถะก็ถูกวางขายตลอดทาง

มีคนบอกว่า หากจะรู้จักสภาพที่แท้จริงของชุมชนใด ให้ไปเที่ยวเล่นที่ตลาดสด วันนี้เราจึงมีโอกาสสัมผัสกับปามุกกาเล่อย่างแท้จริง

เดินกลับโรงแรม เห็นจักรยาน 3-4 คันจอดอยู่ พนักงานโรงแรมบอกว่า เชิญปั่นตามสบาย จึงมีโอกาสปั่นจักรยานชมบรรยากาศในชุมชนปามุกกาเล่ยามเช้า เพิ่มอรรถรสชีวิตอีกแบบหนึ่ง

เราเช็คเอาท์จากโรงแรมราว 10 โมงเช้า ต้องเดินทางใช้เวลานั่งบนรถเกือบ 6 ชม. สู่อิสตันบูล บรรยากาศระหว่างทางสวยสดงดงาม ประกอบกับถนน 6 เลนที่รัฐบาลตุรกีเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ทำให้เราได้รับความเพลิดเพลินตลอดทาง พร้อมกับการถอดบทเรียน

เรามุ่งหน้าสู่มหานครสองทวีป เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญ และเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เกิดทริปนี้

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

บางปู เป็นมากกว่าชุมชน

ชุมชนบางปู ต. บางปู อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี เป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นที่น่าค้นหาและศึกษาอย่างยิ่ง

ติดถนนสี่เลนออกจากเมืองปัตตานีไปตามเส้นทางนราธิวาสแค่ 10 กม. ก็จะถึงชุมชนนี้

มีมัสยิดอัตตะอาวุน สีขาวโดมสีฟ้า สวยตระหง่านถูกสร้างขึ้นที่ขั้นระหว่างถนนสี่เลนกับถนนในหมู่บ้าน อันเป็นเส้นทางหลักของผู้ใช้ถนนทั่วไปในอดีต

ด้วยสภาพของหมู่บ้านติดทะเล อุดมด้วยป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งอยู่ใกล้กับชุมชนเมือง ทำให้ชุมชนที่นี่มีความตื่นตัวทั้งด้านการประกอบอาชีพและการพัฒนาชุมชน ที่ลงตัวและครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในชุมชน 3 จังหวัดชายแดนใต้

เพียงคุณสละเวลาแค่วันเดียวในวันพิเศษของคุณ เพื่อเรียนรู้และเข้าถึงชุมชนที่นี่ ขอการันตีว่า คุณจะประทับใจมนต์เสน่ห์ของบางปูตราบนานเท่านาน

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

เอาไหมล่ะ

เรื่องขำเช้านี้
ท้องฟ้ามืดครึ้มเช้านี้ มาทำให้แจ่มใสด้วยอารมณ์ขำดีกว่านะครับ เช้านี้เลยขอเสนอเรื่อง

เอาไหมล่ะ

ชัยค์อับดุลลอฮฺ อัลมุฏลัก สมาชิกอุละมาอฺอาวุโสประเทศซาอุดิอาระเบีย อายุ 60 ปี ศาสตราจารย์ฟิกฮฺเปรียบเทียบที่สถาบันชั้นสูงเพื่อการพิพากษา มหาวิทยาลัยอิสลามอิมาม ริยาด ท่านมีรายการทีวี ถามตอบประเด็นศาสนา และขึ้นชื่อว่ามีไหวพริบปฏิภาณในการตอบปัญหาศาสนาที่ผสมผสานด้วยมุกขำๆ ของท่านชนิดที่ผู้ฟังต้องขำกลิ้ง
ช่วงออกรายการทีวีวันหนึ่ง มีสตรีนางหนึ่งหลังจากถามเรื่องฟัตวาเสร็จแล้ว นางได้ขอร้องชัยค์เรื่องหนึ่ง


นาง : ดิฉันขอร้องให้ชัยค์ช่วยดุอาให้ฉันเป็นภรรยาของชัยค์อะรีฟีย์ (นักวิชาการหนุ่มชื่อดังก้องโลกชาวซาอุดี ) ด้วยนะค่ะ
ชัยค์ : ช้าก่อน ขอถามหน่อยว่า ที่นางเลือกชัยค์อะรีฟีย์เนี่ย เป็นเพราะความหนุ่มแน่นและหล่อเหลาของเขา หรือเป็นเพราะเขามีความรู้ทางศาสนามากมาย


นาง : เออ เพราะความรู้ทางศาสนาของเขาซิค่ะ
ชัยค์ : ถ้างั้น ชัยค์ศอลิหฺ สิดลาน (สมาชิกอุละมาอาอฺอาวุโสของซาอุดีอีกท่านหนึ่ง อายุประมาณ 70 ปี และเป็นอาจารย์สอนชัยค์อะรีฟีย์สมัยเรียนที่ม.อิสลามอิมามด้วย) มีความรู้ด้านศาสนามากกว่าชัยค์อะรีฟีย์หลายเท่า งั้นฉันจะขอดุอาให้นางได้เป็นภรรยาของชัยค์สิดลาน เอาไหมล่ะ
นาง : ???

ย้อนรอยประวัติศาสตร์อุษมานียะฮ์ ตอนที่ 2

จังหวัดอิซมีร์ มนต์เสน่ห์แห่งเมดิเตอร์เรเนียน อีกฉายาหนึ่งคือไข่มุกแห่งทะเลเอเจียน เมืองในอดีตยุคกรีกโรมันโบราณ ที่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ยุคเก่ามากมาย

(ผู้อ่านสามารถทำความรู้จักกับจังหวัดนี้ได้ที่เว็บไซต์ต่างๆ มากมาย ซึ่งผู้เขียนไม่พูดถึงรายละเอียดส่วนนี้)

มาตุรกี 3-4 ครั้ง แต่ไม่เคยย่างกรายเข้าเมืองนี้สักที เที่ยวนี้เลยตั้งใจเยี่ยมชมเป็นพิเศษ ระยะทางอิสตันบูล – อิซมีร์ เกือบ 500 กม. แต่ด้วยถนนทางด่วนที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆ ทำให้เราใช้เวลานั่งบนรถเสมือนอยู่บนเครื่องบินประมาณ 5 ชม. ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลานานถึง 8 ชม. กว่า

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ เมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 รองจากอิสตันบูลและอังการ่านี้ นอกจากเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญของพรรค CHP ชนิดที่พรรค AK ไม่เคยชนะในการเลือกตั้งในทุกระดับแม้แต่เก้าอี้เดียวแล้ว ยังเป็นแหล่งกำเนิดของบิดาทางสังคมอย่างฟัตหุลลอฮ์ กุเลน นักการศาสนาสายศูฟีย์อันลือชื่ออีกด้วย

เราพักที่นี่ 2 คืนกับ 1 วัน ที่น่าแปลกคือไม่เคยได้ยินเสียงอะซาน ยกเว้นจากแดนไกลมากๆ ส่วนสภาพสังคมทั่วไปคือเสมือนเราอยู่ในยุโรปทุกกระเบียดนิ้ว จะหาสตรีที่ใส่หิญาบสักคนเป็นเรื่องที่ยากมาก

คิดอยู่ในใจว่า ผลงานของนักดาอีย์ข้ามโลกอย่างกุเลน มีมากน้อยแค่ไหน ทำไมเขาเติบโตในดงเซคิวล่าร์แบบเข้มข้นถึงระดับนี้ เคยทราบว่าเขาเคยบรรยายศาสนาตามผับบาร์ทั่วอิซมีร์ ถามว่าพอมีสานุศิษย์ที่สามารถต่อยอดด้านนี้บ้างไหม ทำไมพรรค AK จึงไม่สามารถเจาะฐานเสียงอันแน่นปึ๊กของพรรคเซคิวล่าร์อย่าง CHP ในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าในระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ หรือเหล่าสานุศิษย์ของกุเลน หาใช่ใครอื่นนอกจากเป็นฐานเสียงของ CHP เท่านั้น

CHP คือพรรคทายาทของเคมาล อะตาร์เตอร์ ผู้สถาปนาตัวเองเป็นบิดาแห่งชาวตุรกี สภาพของจังหวัดอิซมีร์และแนวคิดของชาวอิซมีร์เป็นยังไง คือกระจกส่องตัวตนที่แท้จริงของเคมาล อะตาร์เตอร์กที่ชัดเจนที่สุด

อิซมีร์เมืองที่น่าค้นหา พอๆกับผู้คนที่ค้นหาร่องรอยทางประวัติศาสตร์ยุคเซลจุกหรืออาณาจักรโบราณเอฟเฟซุสทีเดียว

2 คืนกับ 1 วัน เป็นเพียงองศาแรกที่ผมเพิ่งค้นพบจากวงกลมทั้งวงของอิซมีร์ครับ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://shorturl.at/eDOQU

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

ย้อนรอยประวัติศาสตร์อุษมานียะฮ์ ตอนที่ 1

บูร์ซ่าคือจังหวัดหนึ่งของตุรกีอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอนาโตเลียอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลมาร์มารา อดีตคือเมืองหลวงยุคแรกสมัยอุษมานียะฮ์ตั้งแต่ปีค.ศ. 1326 -1365 สุลตานหลายพระองค์ ถูกฝังศพที่นี่ รวมทั้งอุษมาน ฆอซีย์ ผู้สถาปนาอาณาจักรอุษมานียะฮ์

เป็นเมืองอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมที่สำคัญที่สุดในตุรกี ได้รับฉายาเป็นเมืองเขียวเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้และพืชเกษตรกรรมอันเขียวขจี

เรานั่งเรือข้ามฟากจากอิสตันบูลเพื่อเดินทางไปยังเมืองบูร์ซ่า ระหว่างอยู่บนเรือ สามารถชมวิวแผ่นดินสองทวีปบนดาดฟ้า พร้อมตื่นตาตื่นใจกับการให้อาหารนกนางนวลระยะประชิดที่บินไปบินมา ทำให้เวลาที่อยู่บนเรือกว่า 30 นาทีรู้สึกผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบรรยากาศยามดวงอาทิตย์ใกล้ตก ซึ่งเป็นวินาทีที่มีความสวยงามประทับใจไม่รู้ลืม

เราค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน มีโอกาสพบปะกับนักศึกษาไทยหลายคนที่เรียนในเมืองบูร์ซ่า

รุ่งขึ้น สถานที่แห่งแรกที่เราไปเยี่ยมชมคือหมู่บ้าน Cumalikizik ห่างจากเมืองบูร์ซาไปทางตะวันตก ประมาณ 15 กม. ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสกลิ่นไอยุคอุษมานียะฮ์ในอดีต เพราะเป็นหมู่บ้านโบราณที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและรูปแบบอันดั้งเดิม สั่งสมคุณค่าทางประวัติศาสตร์กว่า 700 ปีตั้งแต่สมัยอุษมาน ฆอซีย์ ผู้สถาปนาอาณาจักรอุษมานียะฮ์

ทรงบ้านแต่ละหลังถูกสร้างชิดกันเป็นแถวระเบียบ ที่ถูกตัดด้วยถนนเข้าหมู่บ้านที่กว้างประมาณ 4 เมตร ส่วนใหญ่เป็นบ้าน 2-3 ชั้น ชั้นล่างเป็นเสมือนกำแพง สร้างด้วยหินแข็งแรง ไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องที่ใช้อาศัยช่วงฤดูหนาวรวมทั้งเป็นกำแพงป้องกันภัยจากการบุกของคนร้ายหรือศัตรูภายในตัว ส่วนชั้นสองเป็นไม้สำหรับใช้เป็นที่อยู่ช่วงฤดูร้อน สภาพหมู่บ้านจะสดสวยงดงามแค่ไหน เชิญดูภาพประกอบด้านล่างครับ

หลังจากนั้น เรามีโอกาสเยี่ยมชม Yesil Cami ( Green Mosque)หรือมัสยิดเขียว สาเหตุที่ชื่อนี้ เนื่องจากลวดลายบนกระเบื้องเซรามิกที่ตกแต่งด้านในตัวอาคารเป็นสีเขียว นอกจากมัสยิดแล้วยังมีโรงเรียนสอนเด็กเล็ก อาคารห้องน้ำสาธารณะ ห้องครัวและมะก็อมสุลตาน ที่เน้นสีเขียวตามสัญลักษณ์ประจำมัสยิด

ที่เซอไพรส์สุดๆ เมื่อเข้าไปในมัสยิดแห่งนี้ ได้มีผู้ชายคนหนึ่งที่แนะนำตัวเองเป็นอดีตคนอาซานและอิมามมัสยิดนี้ ชวนพวกเราไปยังอีกห้องหนึ่งในมัสยิดพร้อมอธิบายด้วยภาษาอาหรับสำเนียงตุรกี เขายังสาธิตการอาซานของแต่ละเวลาละหมาดซึ่งมีท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเสียงอันก้องกังวาล อันแสดงถึงความเอาใจใส่และความพิถีพิถันของชาวเติร์กต่อการอาซานและการละหมาดเป็นอย่างยิ่ง

เรามีโอกาสเยี่ยมชมมัสยิดอุลูญามี (Ulu Cami) สร้างโดยสุลตานบายาซิดที่ 1 ระหว่างปีค.ศ. 1396 -1399 เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมัสยิดแห่งนี้คือมีโดมทั้งหมด 20 ลูก ซึ่งเป็นไปตามคำบนบานของสุลตาน ที่ได้บนบานเนื่องจากครั้งหนึ่ง กองทัพฮังการีได้บุกรุกเข้ามายังดินแดนอุษมานียะฮ์พระองค์ซึ่งเป็นจอมทัพได้บนบานหลังละหมาดว่า หากมีชัยชนะในสงครามครั้งนี้ พระองค์จะสร้างมัสยิดจำนวน 20 หลัง เพื่อชุโกร์แด่อัลลอฮ์

ผลสงครามครั้งนี้ พระองค์ได้รับชัยชนะ จึงตัดสินใจสร้างมัสยิดจำนวน 20 หลังตามที่ได้บนบาน แต่เนื่องจากงบประมาณไม่มากนัก พระองค์จึงดำริสร้างมัสยิดเล็กๆจำนวน 20 หลัง มุฟตีสมัยนั้น จึงให้ข้อเสนอว่า หากรวบรวมงบประมาณที่จะใช้สร้างมัสยิดเล็กๆ 20 หลัง มาสร้างมัสยิดใหญ่เพียงแห่งเดียวจะมีความเหมาะสมมากกว่า พระองค์ทรงเห็นด้วย จึงสร้างมัสยิดนี้ โดยออกแบบสร้างโดมจำนวน 20 ลูก เพื่อแทนมัสยิด 20 หลัง

ภายในมัสยิด มีบริเวณหนึ่ง ถูกสร้างเป็นแอ่งเก็บน้ำเพื่ออาบนำ้ละหมาด มีรั้วกั้นอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมเซลจุก

ในมัสยิดแห่งนี้ ยังมีมุมเก็บผ้าคลุมกะอฺบะฮ์ หลังจากสุลตานสะลีมที่ 1 แห่งอาณาจักรอุษมานียะฮ์สามารถผนวกรวมอิยิปต์และหิญาซได้ในปี 1516 ซึ่งหลังจากนั้นเพียงปีเดียว คือ ค.ศ. 1517 กษัตริย์มะมาลิกแห่งอิยิปต์ได้ถวายผ้าคลุมกะอฺบะฮ์แก่สุลตานสะลีมที่ 1 ซึ่งพระองค์ได้เก็บไว้ที่มัสยิดแห่งนี้ ทั้งนี้เพื่อประกาศว่า นับตั้งแต่นั้นมา พระองค์คือคอลีฟะฮ์มุสลิมีน อย่างเป็นทางการ

ผ้าคลุมกะอฺบะฮ์ผืนนี้ ถือเป็นผ้าคลุมกะอฺบะฮ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เนื่องจากมีอายุกว่า 500 ปีจึงมีบางส่วนชำรุดและฉีกขาด รัฐบาลตุรกีได้ซ่อมแซมอย่างปราณีตและเก็บรักษาในมัสยิดแห่งนี้ในเรือนกระจกที่มีอุณหภูมิคงที่ที่สามารถรักษาผ้าคลุมกะอฺบะฮ์ผืนนี้ตราบนานเท่านาน

รอบๆบริเวณมัสยิด มีบาซาร์ตามสถาปัตยกรรมอุษมานียะฮ์ ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะเสื้อผ้าไหม พรม สะญะดะฮ์ เครื่องเงิน เครื่องตกแต่งบ้านและของชำร่วยมากมายสวยงาม ผู้เขียนขอแนะนำว่า หากจะช้อป ก็ให้ละลายทรัพย์ที่นี่ เพราะราคาจะถูกกว่าในอิสตันบูล 4-5 เท่าทีเดียว แถมได้สินค้าประเภทแฮนด์เมดได้อย่างสมราคาอีกด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะจับจ่ายที่ Grand Bazar ที่อิสตันบูล ขอบอกเลยว่าต้องคิดหลายตลบ และต้องกล้าพอที่จะต่อรองราคาชนิดถล่มทลายทีเดียว

เวลาที่เหลือเราใช้เวลาเที่ยวชมสถานที่ต่างๆเพื่อเก็บความทรงจำดีๆที่บูร์ซ่า ก่อนที่ออกเดินทางต่อไปยังเมืองอิซมีร์ มนต์เสน่ห์แห่งทะเลเอเจียน อาณาจักรโบราณแห่งเอฟเฟซุสต่อไป

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

อ่านเพิ่มเติม
https://www.turkpress.co/node/15006

https://ar.m.wikipedia.org/wiki/%D8%A8%D9%88%D8%B1%D8%B5%D8%A9_(%D9%85%D8%AF%D9%8A%D9%86%D8%A9)

https://ar.m.wikipedia.org/wiki/%D8%A7%D9%84%D8%AC%D8%A7%D9%85%D8%B9_%D8%A7%D9%84%D8%A3%D8%AE%D8%B6%D8%B1_(%D8%A8%D9%88%D8%B1%D8%B5%D8%A9)

https://www.turkpress.co/node/36778

LUKSEUA ASSALAM

Kami Lukseua Assalam
งานชุมนุมลูกเสือโรงเรียนอิสลามนานาชาติ IPSIS Camp pertama
——————-
Dengan berbekal iman mendasar. ด้วยเสบียงความศรัทธาอันมั่นคง
Dengan hubungan yang terjalin mesra. ด้วยสายสัมพันธ์กับพระเจ้าอันแนบแน่น
Dengan kefahaman yang mantap ceria. ด้วยความเข้าใจศาสนาอันลุ่มลึก
Dan amalan yang terus sentiasa. และด้วยการปฏิบัติตนที่สม่ำเสมอ
Inilah warga Lukseua As-salam. นี่คืออัตลักษณ์ของลูกเสืออัสสลาม
Kami membentuk budaya kesukarelawan. เราปลูกฝังวัฒนธรรมจิตอาสา
Kami memupuk kemahiran hidup gemilang. เราเสริมสร้างทักษะชีวิตอันรุ่งโรจน์
Kami membina insan berwawasan. เราบ่มเพาะมนุษย์ที่มีวิสัยทัศน์
Kami menyahut seruan Ummah Wahidah. เราตอบรับเสียงเรียกแห่งประชาชาติเดียวกัน
Lukseua As-salam itu pengorbanan. ลูกเสืออัสสลามคือการเสียสละ
Lukseua As-salam itu perjuangan. ลูกเสืออัสสลามคือการมุ่งมั่นใฝ่สัมฤทธิ์
Lukseua As-salam itu persaudaraan. ลูกเสืออัสสลามคือภราดรภาพ
Lukseua As-salam menjana perdamaian.(x 2 kali) ลูกเสืออัสสลามคือเบ้าหลอมแห่งสันติภาพ
Oleh itu, Mari semua ด้วยเหตุนี้ มาเถอะ
Kita warga Lukseua As-salam . เราชาวลูกเสืออัสสลาม
Berjiwa tangkas dan berilmu. จงมีจิตใจเข้มแข็งเปี่ยมความรู้
Tegakkan syiar Islam. จงทำให้สัญลักษณ์แห่งอิสลามคงมั่น
Untuk sepanjang zaman. ตราบชั่วกาลนิรันดร์
————-
Nukilan : Ibnu Desa
29 Zulhijjah 1440
30 Ogos 2019
Wisma Mara 14.00 ptg.

Jeritan Anak Yatim | เสียงร่ำไห้เด็กกำพร้า

JERITAN ANAK YATIM
Munsyid : Rahmat Jala
Lirik : Ibnu Desa
Melodi & Akapella : Abuyusuf Almenara
………..
Hidupku sebatang kara. ชีวิตฉันโดดเดี่ยวเดียวดาย
Tanpa belaian ayah bunda. ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่คอยค้ำชูลู่โอบ
Menjalani hidup penuh derita. ชีวิตโอดครวญแสนลำบาก
Tiada tempat mengadu, tiada tempat bermanja. ไม่มีแล้วคนคอยปกป้อง ไม่มีแล้วคนคอยห่วงใย
Ku lihat kawan- kawan sebaya. ฉันเห็นเพื่อนในวัยเดียวกัน
Tawa riang bersama keluarga. หัวร่อสุขสันต์พร้อมครอบครัว
Dibelai dan dimanja. ได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอม
Alangkah bahagianya mereka. ชีวิตของพวกเขาช่างสุขีจริงหนอ
Oh Ayah, Oh Ibu. พ่อจ๋า แม่จ๋า
Mengapa kamu cepat pergi. ทำไมท่านด่วนจากฉันไป
Meninggalkanku seorang diri. ทิ้งลูกอยู่คนเดียว
Hidupku sunyi, bertemankan sepi. ชีวิตฉันเหงียบเหงา ระคนว้าเหว่
Oh Ayah, Oh Ibu. พ่อจ๋า แม่จ๋า
Dimanakah tempatku mengadu. ฉันจะร้องรำพึงได้ที่ไหนบ้าง
Menumpang hidup yang penuh liku-liku. ขอประทังชีวิตที่เต็มด้วยอุปสรรคมากมาย
Mungkinkah ini suatu ujian. หรือว่านี่คือบททดสอบ
Yang mengajarku erti ketabahan. ที่สอนฉันให้รู้ความหมายของความอดทน
Ya Allah, Ya Rabbi โอ้อัลลอฮ์ โอ้พระเจ้าของฉัน
Ku pohon restu dariMu. ฉันขอเมตตาของพระองค์
Bantulah hidupku ini ได้โปรดช่วยเหลือฉันใช้ชีวิต
Menempuhi sisa hidup yang sementara. เผชิญกับวันเวลาที่เหลืออยู่อันไม่จีรัง
——————-
Nukilan: Ibnu Desa
15 Zulhijjah 1440
5.30 ptg.
Wisma Mara.

ชะบ้าบแห่งอิสลาม

อนาชีด : ชะบ้าบแห่งอิสลาม
ศิลปิน : Syihab
เนื้อร้อง : Ibnu Desa
อะคาเปล่า/ ทำนอง : Abu Yusuf AL- Menara
———-
ความจริงในวันนี้
คือความฝันวันวาน
ความฝันในวันนี้
วันพรุ่งนี้จะเป็นความจริง
มือที่กอดอดีตมากไป
ไร้พลังสร้างปัจจุบันได้
ลุกขึ้นมา ทำความดีไว้
ชนรุ่นใหม่วัดกันที่ผลงาน
จงฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง
แม้นหนทางเต็มไป
ด้วยขวากหนาม ด้วยจิตอาสา
ด้วยความบากบั่น มุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป
إنهم فتية آمنوا بربهم وزدناهم هدى
ชะบ้าบแห่งอิสลาม ชะบ้าบแห่งอิสลาม
เยาวชนแห่งความหวัง
จงแบกอะมานะฮ์อันยิ่งใหญ่
สานต่อภารกิจนี้
ด้วยใจที่บริสุทธิ์งดงาม
หน้าที่มีมากกว่าเวลา
ความเมตตาใหญ่กว่าอกุศล
ลุกขึ้นเถิดโอ้เยาวชน
มารวมพลขับเคลื่อนเพื่ออิสลาม
ชะบ้าบแห่งอิสลาม
الله مقصدنا الرسول أسوتنا القرآن منهاجنا الجهاد سبيلنا السلام منتهانا
ชะบ้าบแห่งอิสลาม ชะบ้าบแห่งอิสลาม

Arrahmaniah Madrasati Jannati

Sejarah bermula Di sebuah desa purba
Datang seorang ulama
Bersenjata ilmu berbekal jiwa waja
Menabur bibit iman kepada anak nusa
Lahirlah Arrahmaniah sekolah kami tercinta
Zaman berlalu musim berubah
Yang patah tumbuh, yang hilang berganti
Kini hijau putih berkibar megah
Melakar nama kepersada dunia
Tingginya gunung, tinggi lagi cita-cita kami
Luasnya samudera, luas lagi wawasan kita
Madrasati Jannati Madrasati jannati
เราจะอุทิศตนเพื่ออัลลอฮ์
เราจะอุทิศใจเพื่อศาสนา
โรงเรียนบำรุงอิสลาม
สร้างศรัทธาต่อสังคม
فيا مدرستي ابعثيني
إلى مستقبل زاهر
بالقرآن منهاجنا
وبسنة نبينا قدوتنا
نحو مرضات ربنا
مدرستي جنتي مدرستي جنتي
————-
Nasyid : Madrasati Jannati
Munsyid : Tanjung Mutiara FTU & Abdul Mubin
Lirik : Ibnu Desa
Melodi & Acapella : Abu Yusuf AL-Menara