เราเป็นทั้งพี่น้อง สหายร่วมเดินทาง และเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน

ด้วยการเสนอของอธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา (ขณะนั้น) ต่อที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ในคราวประชุมครั้งที่ 37(2/2010) วันที่ 13/2/2011 โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายกสภามหาวิทยาลัย ได้มีมติอย่างเอกฉันท์มอบ ปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ Y.A. Bhg. Tun Dr. Mahathir bin Mohammad ตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรี ประเทศ มาเลเซีย (ในขณะนั้น) ด้วยเห็นว่า Y.A.Bhg. Tun Dr. Mahathir bin Mohammad (ในขณะนั้น) ได้สร้างคุณประโยชน์ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติอย่างอเนกอนันต์

ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสานสายสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างสองตำนานที่ยังมีชีวิตที่คนหนึ่งเคยเป็นเบอร์ 1 ของประเทศมาเลเซียกับอีกคนในฐานะนักวิชาการศาสนาตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ในวัย 94 ปี ท่านกุมบังเหียนประเทศมาเลเซียอีกครั้งชนิดหักปากกาเซียนทั้งโลก Yang Amat Berhormat Tun Dr. Mahathir bin Mohammad ในฐานะเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดกัวลาลัมเปอร์ ซัมมิต 2019 ระหว่าง 18-31 ธันวาคม 2562 จึงเรียนเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา เข้าร่วมประชุมร่วมกับนักวิชาการ 400 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลก พร้อมให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติตลอดระยะเวลาของการประชุม

“ในฐานะเพื่อนบ้าน ถ้าหากเขาเชิญเราไปเยี่ยมบ้านเขา แล้วเราปฏิเสธ ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรง เพราะอิสลามสอนให้เราให้เกียรติกับเพื่อนบ้าน ถึงแม้จะเป็นชนศาสนิกก็ตาม” อธิการบดีหรืออบีของชาว มฟน. กล่าวเบื้องหลังของการเข้าร่วมประชุมเคแอลซัมมิตในครั้งนี้

“เราจะต้องเรียนรู้จากผู้นำคนนี้ให้มากที่สุด” สิ่งที่อบีย้ำอยู่เสมอ

Yang Amat Berhormat Tun Dr. Mahathir bin Mohammad คือผู้สร้างแรงบันดาลใจสถาปนาเมืองการบริหารจัดการยุคใหม่ครบวงจรที่ Putra Jaya ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ในนามรัฐบาล

ในขณะที่ รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา คือผู้สร้างแรงบันดาลใจสำคัญสร้างมะดีนะตุสสลาม ภายใต้โครงการปัตตานี จายา ซึ่งกำลังดำเนินโครงการไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง บางโครงการก็ได้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แล้ว ที่สำคัญคือเป็นโครงการวากัฟที่อาสาโดยเอกชนเป็นหลัก

ความเหมือนที่ต่างกันระหว่างทั้งสองท่านคือ การแข่งขันทำความดีในฐานะผู้บุกเบิก และความมุ่งมั่นที่จะเห็นสังคมเจริญไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โดยอาศัยทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะพลังเยาวชนมาเป็นตัวขับเคลื่อนสู่สังคมสันติอย่างแท้จริงตลอดไป

เพียงแต่คนหนึ่ง มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ในขณะที่อีกคน เป็นเพียงปุถุชนที่ระดมสรรพกำลังความรู้และความสามารถทางวิชาการ นำเสนอความดีงามให้แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

“เราจะต้องเรียนรู้จากผู้นำคนนี้ให้มากที่สุด”

ขออัลลอฮ์ตอบแทนท่านทั้งสองด้วยความดีงาม

เขียนโดย : ผศ.มัสลัน มาหะมะ

เวลาพักผ่อนของนักสู้ผู้ทรหด ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี

“วันหนึ่ง ช่วงที่กำลังทำงานอยู่ที่มัสยิดอะตาบะฮ์ในกรุงไคโร และที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มอิควานมุสลิมีน ที่หิลมียะฮ์ ข้าพเจ้าได้รับโทรเลขฉบับหนึ่งขอให้กลับบ้านด่วน

ข้าพเจ้าทราบดีว่าบิดาป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะป่วยหนัก

เมื่อข้าพเจ้าถึงไปยังหมู่บ้าน ก็รู้สึกสงสัย จากใบหน้าของหลายๆ คน

ร้านของเราที่เห็นได้จากระยะไกล
น้องชายยืนอยู่ที่หน้าประตู ข้าพเจ้าก็ตระหนักได้ว่าบิดาไม่สบาย จึงรีบตรงดิ่งไปที่บ้านในทันที

ถึงที่บ้าน ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่กำลังร้องไห้ ในขณะที่บิดานอนอยู่บนเตียงใกล้ๆ กับนาง

ข้าพเจ้าจับมือบิดา แล้วบรรจงจูบด้วยความรัก

พอเห็นหน้าข้าพเจ้า บิดาก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจ

ข้าพเจ้าเห็นขวดยาวางอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่า หมอมาแล้วและเขียนใบสั่งยาให้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาการของบิดาดีขึ้นก็ตาม

ข้าพเจ้าไปตามหมอมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาการของบิดาทรุดลงอีก เมื่อหมอมาถึงก็ไม่ได้พยายามปิดบังอะไรอีก ข้าพเจ้าจึงทราบว่าบิดาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะหลายโรค จนถึงขั้นไม่อาจจะรักษาเยียวยาได้อีก รวมทั้งเป็นโรคนิ่วรุนแรงจนไม่อาจปัสสาวะได้ อีกทั้งร่างกายก็ไม่พร้อมที่จะผ่าตัด

เราได้ผลัดเปลี่ยนกันดูแลบิดา
ในขณะที่คุณแม่ได้แต่พยายามรบเร้าให้เราไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการบิดาที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง แต่คุณหมอปฏิเสธไม่ยอมมา เพราะเขาหมดหวังที่จะรักษา

หลังเที่ยงวัน ข้าพเจ้าก็นอนหลับยาว เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับ และเฝ้าบิดาทั้งคืน

ข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆบิดา และละหมาดอยู่ใกล้ๆ

หลังจากละหมาดอีชา
ข้าพเจ้าได้เฝ้าสังเกต
คืนนี้ช่างเป็นคืนที่เงียบสงบยิ่งนัก
ทุกคนในบ้านล้วนหลับสนิทอันเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย

คงเหลือเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ยังตื่นอยู่
บิดากล่าวเบาๆ กับข้าพเจ้าว่า “พ่อกำลังจะตายแล้วนะ”

ข้าพเจ้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบ

ตะเกียงน้ำมันที่ถูกวางไว้ที่ข้างผนังบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเห็นเปลวตะเกียงกำลังสั่นไหววูบ
ข้าพเจ้าพูดกับตัวเอง “หรือยมทูตได้เข้ามาแล้วกระพือปีก จนกระทั่งเปลวตะเกียงสั่นวูบ”

ข้าพเจ้าเงี่ยหูฟัง ได้ยินบิดากำลังขอดุอาให้แก่ข้าพเจ้า ก่อนที่็จะเงียบหายไป อย่างถาวร

ในตอนเช้า ผู้ชายหลายคนได้หามศพของบิดา ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่จับเกาะอยู่กับเท้าของบิดาผู้จากไป นางจูบแล้วฝังใบหน้าลงในฝ่าเท้าของท่าน เหมือนกับคนใกล้สิ้นสติ

กว่าจะเอาศพบิดาให้พ้นไปจากการเกาะเกี่ยวของนาง ช่างแสนยากลำบาก

ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ อย่างที่สุด แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องอดทน

ถึงวันนี้ ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว หากข้าพเจ้าล้มครืน พวกเขาย่อมล้มตาม

ข้าพเจ้าจะต้องทำตัวให้เหมือนกับพ่อ ที่ต้องฝืนแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเชื่อมั่นในความเมตตาของอัลเลาะห์เท่านั้น

สายใยผูกพันของสมาชิกในครอบครัวช่างยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้ากล่าวกับคุณแม่และพี่น้องทุกคน ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปยังกรุงไคโรเพื่อเริ่มต้นทำงานอีกครั้งหนึ่งว่า ให้ถือว่าบิดายังไม่ตาย พี่จะดูแลทุกคนด้วยกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ จนกว่าน้องชายทุกคนจะสำเร็จการศึกษา และน้องสาวทุกคนได้แต่งงานออกเรือนไป

อัลเลาะห์ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้า ทำให้ทุกคำพูดของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลทุกคำโดยไม่ผิดเพี้ยน”

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือ ประวัติชีวิต
«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

#ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด_ฆอซาลี

เขียนโดย ‎Ghazali Benmad

งานเลี้ยงวันแต่งงาน ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี

หลังจากข้าพเจ้าได้ทำงานราชการ ก็ได้แต่งงาน

ซึ่งท่านหัวหน้าหะซัน อัลบันนา ได้เข้ามาเป็นธุระแก้ปัญหาที่ค่อนข้างยากลำบากในตอนแรก เพราะพ่อของหญิงที่ข้าพเจ้าเลือก ต้องการหาสามีให้ลูกสาวที่รวยกว่าข้าพเจ้า แม้เขาจะเป็นคนบ้านเดียวกับเรา แต่ก็เป็นข้าราชการในกระทรวงยุติธรรมประจำกรุงไคโร เขารู้ดีว่าเงินเดือนของข้าพเจ้า เพียง 6 ปอนด์ และข้าพเจ้ามอบให้แก่บิดาเสียครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ท่านหัวหน้าหะซัน บันนา ได้ทำให้พ่อของหญิงสาวคนนั้นมั่นใจว่า ข้าพเจ้าดีกว่าผู้อื่น และบอกว่าอนาคตเป็นเรื่องของอัลเลาะห์ และจะต้องดีอย่างแน่นอน

ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้สมรสกับนาง

หลังจากนั้นท่านหะซัน บันนาก็ได้พบข้าพเจ้า และถามว่า “เรื่องราวกับว่าที่พ่อตาของท่านไปถึงไหนแล้ว”

ข้าพเจ้าตอบว่า “สมรสเรียบร้อยแล้วครับ”

ท่านก็ว่า “ทำไมไม่บอกกันบ้าง ได้เรือก็ลืมแพ ได้ดีแล้วก็ลืมกันเลยนะ”

ท่านหัวหน้ากล่าวยิ้มๆ

ข้าพเจ้าตอบว่า “เราไม่ได้จัดงานเลี้ยงใดๆเลยครับ เพียงเลี้ยงน้ำหวานให้แก่เพื่อนๆไม่กี่คน แล้วพ่อตาก็ขยับขยายห้องให้กับข้าพเจ้ากับลูกสาวของเขาให้พออยู่กันได้นิดหน่อยครับ”

ว่าแล้วท่านหัวหน้าหะซัน บันนา จึงขอดุอาอ์ให้ข้าพเจ้าได้รับความเจริญจากอัลลอฮ์

ข้าพเจ้าอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับคู่ชีวิตของข้าพเจ้าร่วม 30 ปี อย่างคู่สมรสที่มีความสุขที่สุดในโลกคู่หนึ่ง

ข้าพเจ้าตอบแทนที่นางยอมรับในความอัตคัดขัดสนของข้าพเจ้า ด้วยการให้ได้อาศัยในบ้านหลังใหญ่ในภายหลัง ให้นางได้ลิ้มรสความหรูหรา ได้เหยียบย่ำไปบนผ้าไหมกำมะหยี่และกองเงินกองทอง

นางมีบุตรให้ข้าพเจ้า 9 คน ฝากไว้กับอัลลอฮ์เสีย 2 คน คงเหลือเพียง 7 คน แล้วนางก็ได้พรากจากข้าพเจ้าไปก่อนโดยไม่รอ

ข้าพเจ้าร่ำไห้จากส่วนลึกแห่งหัวใจ

ขอให้อัลลอฮ์เมตตาต่อนาง และให้นางได้พำนักอยู่ในสวนสวรรค์อันกว้างใหญ่ของพระองค์”

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือ ประวัติชีวิต
«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

#ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด_ฆอซาลี

เขียนโดย Ghazali Benmad

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี รักษาโรคด้วยการบริจาค

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี เล่าไว้ในหนังสือบันทึกชีวประวัติ قصة الحياة ของท่านว่า

ขณะที่เรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนศาสนาของสถาบันอัลอัซฮัร กรุงอเล็กซานเดรีย มีโทรเลขฉบับหนึ่งมาจากบ้านเกิด ขอให้รีบกลับบ้านด่วน

ข้าพเจ้าทราบทันทีว่าจะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัว ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น

ข้าพเจ้ายิ่งเกิดความไม่สบายใจเมื่อเห็นจากระยะไกลว่าร้านบิดาของข้าพเจ้านั้นปิดอยู่

สองเท้าก้าวไปอย่างไร้ความรู้สึก ถึงบ้านก็เห็นบิดาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจากนิ่วในไตอันเป็นโรคประจำตัวของท่าน โดยที่ลูกๆ นั่งอยู่รายล้อม ไม่รู้จะทำอย่างไร แพทย์ได้ให้ยาระงับประสาทบางตัว แต่ความปวดของบิดาก็ยิ่งทวีมากขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ญาติๆ บอกว่าคงจำเป็นต้องผ่าตัดเอานิ่วออก

ข้าพเจ้าเดินไปเปิดร้านทำหน้าที่ในร้านแทนบิดา ข้าพเจ้ารู้เรื่องการทำงานในร้านเป็นอย่างดี เพราะในช่วงปิดเทอมได้ช่วยบิดาทำงานอยู่เสมอ

วันเวลาผ่านไปหลายวัน เราครุ่นคิดพิจารณาว่าจะทำอย่างไรดี

ในการรักษานั้น ค่ารักษาพยาบาลเกินกำลังความสามารถ ถึงกระนั้น แม้ว่าจะมีเงินค่ารักษา แต่การผ่าตัดในยุคนั้นไม่สามารถประกันความปลอดภัยได้ ลุงของข้าพเจ้าเสียชีวิตเนื่องจากการผ่าตัดในลักษณะนี้แหละ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี

ข้าพเจ้าครุ่นคิดจนเบลอ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวข้าพเจ้าค่อยๆ เล็กลง ข้าพเจ้าจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร มีที่เดียวที่ข้าพเจ้าจะพึ่งพิง อัลลอฮ์เท่านั้นจริงๆ

ข้าพเจ้าคุยกับผู้คนเหมือนอยู่ในภวังค์

ขณะนั้น มีชายคนหนึ่งมาขอซื้ออาหารบางอย่าง ข้าพเจ้ามอบของให้ไป เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า ตอนนี้ผมไม่มีเงินเลย และสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าพูดความจริง และว่า พรุ่งนี้จะนำเงินค่าอาหารมาให้

ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเขามีความจำเป็นจริงๆ จึงบอกไปว่า เอาของไปเถอะ ฉันให้

แล้วชายคนนั้นก็เดินจากไป เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

พอเขาออกไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ไปนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน พลางขอดุอาอ์ “โอ้องค์อภิบาลของข้า ศาสดาของพระองค์ได้กล่าวว่า “จงรักษาผู้ป่วยของพวกท่านด้วยการบริจาค” โปรดรักษาบิดาของข้าพเจ้าด้วยการบริจาคอันนี้เถิด”

ข้าพเจ้านั่งลงบนพื้นร้านแล้วร้องไห้ หลังจากนั้นราวๆ ชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ข้าพเจ้ารีบกลับไปในทันที ทั้งๆ ที่มีความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง

ถึงบ้าน ข้าพเจ้าตกใจที่เห็นบิดายืนอยู่ข้างประตู กล่าวว่า “ก้อนนิ่วหลุดออกมาแล้ว มันมีขนาดใหญ่กว่าเมล็ดถั่วขาวเสียอีก พ่อไม่รู้ว่ามันออกมาได้อย่างไร พ่อหายปวดแล้วละ”

และแล้ว เช้าวันต่อมาข้าพเจ้าก็กลับมายังมหาวิทยาลัย มาเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ตามปกติ”

#ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด_ฆอซาลี

#คมคิดชัยมุฮัมมัด_ฆอซาลี

เขียนโดย ‎Ghazali Benmad

ความทรงจำในวัยเด็ก ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี

ในวัยเด็ก ชีวิตข้าพเจ้าไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ถ้าจะมีก็เพียงนิสัยรักการอ่านเป็นพิเศษแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ข้าพเจ้าอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยไม่มุ่งเน้นวิชาใดเป็นการเฉพาะ ข้าพเจ้าอ่านแม้ในยามเดิน และอ่านแม้ในยามกิน

การอ่านมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้เรียกร้องสู่ศาสนาของอัลลอฮ์ และยังเป็นผนังทองแดงที่ทรงคุณค่าสำหรับนักฟิกฮ์และนักดะวะฮ์ทุกคน

การอ่านน้อยและความไม่รู้เรื่องราวรอบตัวที่เกิดขึ้น เป็นความผิดมหันต์สำหรับผู้พูดเกี่ยวกับศาสนา มาตรแม้นว่าจะเป็นคนดีก็ตามแต่

การอ่านความรู้ทั่วไปถือเป็นสิ่งเดียวที่สามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสังคม สถานการณ์และเรื่องราวต่างๆได้

นอกจากนั้น การอ่านยังสร้างมาตรวัดที่ถูกต้องสำหรับความคิดต่างๆ

หลายต่อหลายครั้งที่นักฟิกฮ์และนักดะวะฮ์บกพร่องอันเนื่องมาจากความด้อยข้อมูลในด้านความรู้ทั่วไป

การขาดความรู้ทั่วไปของนักวิชาการศาสนาอันตรายยิ่งกว่าการขาดเลือดของผู้ป่วยอาการโคม่า

ผู้เรียกร้องสู่ศาสนาของอัลลอฮ์ต้องอ่านทุกอย่าง

จะต้องอ่านตำราว่าด้วยศรัทธา
จะต้องอ่านตำราว่าด้วยการปฏิเสธศรัทธา
จะต้องอ่านหนังสือสุนนะฮ์และหนังสือปรัชญา

โดยสรุปแล้ว ดาอีย์ต้องอ่านวิชาการด้านต่างๆ ที่ทำให้ความคิดของคนแตกต่างกัน เพื่อทำความรู้จักกับสังคม ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อสังคม

แนวคิดที่ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้นำหรืออาจเป็นผู้กรุยทาง ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ประโยชน์จากทุกแนวความคิดและมัซฮับทางฟิกฮ์ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามอย่างเต็มประสิทธิภาพ และการใช้ประโยชน์จากข้อค้นพบทางการศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยา สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ตลอดจนการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด กับความความเข้าใจที่ถูกต้องต่ออัลกุรอานและสุนนะฮ์

ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อบทบัญญัติทางศาสนาอิสลาม หรือข้อบัญญัติที่ถูกต้องที่ควรค่าต่อการเชื่อมั่นยึดถือ จะเกิดขึ้นไม่ได้ นอกจากด้วยความรู้ที่กว้างขวาง มีพื้นฐานทางวิชาการทั้งที่เป็นความรู้ในอดีตและความรู้ร่วมสมัยอย่างเท่าทันและทัดเทียม

บางที อัลลอฮ์อาจบันดาลให้บรรพชนของเรามีสามัญสำนึกที่บริสุทธิ์และความเป็นอัจฉริยภาพที่สูงส่ง จนทำให้พวกเขาสามารถเข้าใจและตีความได้ถูกต้องเหมาะเจาะ

สำหรับพวกเราในยุคนี้ คงไม่อาจไปถึงระดับของพวกเขาได้ เว้นแต่ด้วยการร่ำเรียนอย่างหนัก เสมือนคนสายตาสั้น ที่จะต้องอาศัยแว่นตาเพื่อให้สามารถมองเห็นสิ่งที่จะอ่าน หรือใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อให้สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปจนไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือประวัติชีวิต قصة حياة

#ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด_ฆอซาลี

เขียนโดย Ghazali Benmad

นักสู้ผู้ทรหดได้เวลาพักผ่อน ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี

ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี ตอน…นักสู้ผู้ทรหดได้เวลาพักผ่อน

“วันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำงานอยู่ที่มัสยิดอะตาบะฮ์ในกรุงไคโร และที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มอิควานที่หิลมียะฮ์ ข้าพเจ้าได้รับโทรเลขฉบับหนึ่งขอให้กลับบ้านด่วน
ข้าพเจ้าทราบดีว่าบิดาป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะป่วยหนัก

เมื่อข้าพเจ้าถึงไปยังหมู่บ้าน ด้วยความรู้สึกสงสัย จึงสังเกตดูใบหน้าของทุกคนเพื่อหาคำตอบ

ข้าพเจ้าเห็นร้านของเราแต่ไกล
เห็นน้องชายยืนอยู่ที่หน้าประตู ก็รู้ดีว่าบิดาไม่สบาย จึงรีบตรงดิ่งไปที่บ้านในทันที

ที่บ้าน ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่กำลังร้องไห้ ในขณะที่บิดานอนอยู่บนเตียงใกล้ๆ กับนาง

ข้าพเจ้าจับมือบิดาแล้วบรรจงจูบด้วยความรัก

พอเห็นหน้าข้าพเจ้า บิดาก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจ

ข้าพเจ้าเห็นขวดยาวางอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่า หมอมาแล้วและเขียนใบสั่งยาให้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาการของบิดาดีขึ้นก็ตาม

ข้าพเจ้าไปตามหมอมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาการของบิดาทรุดลงอีก เมื่อหมอมาถึงก็ไม่ได้พยายามปิดบังอะไรอีก ข้าพเจ้าจึงทราบว่าบิดาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะหลายโรค จนถึงขั้นไม่อาจจะรักษาเยียวยาได้อีก รวมทั้งเป็นโรคนิ่วจนไม่อาจปัสสาวะได้ อีกทั้งร่างกายก็ไม่พร้อมที่จะผ่าตัดได้

เราได้ผลัดเปลี่ยนกันดูแลบิดา
ในขณะที่คุณแม่ได้แต่พยายามรบเร้าให้เราไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการบิดาที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง แต่คุณหมอปฏิเสธไม่ยอมมา เพราะเขาหมดหวังที่จะรักษา

หลังจากเที่ยงวัน ข้าพเจ้านอนหลับยาว เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับ และเฝ้าบิดาทั้งคืน

ข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆบิดา และละหมาดอยู่ใกล้ๆ

หลังจากละหมาดอีชา
ข้าพเจ้าได้เฝ้าสังเกต
คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ
ทุกคนในบ้านล้วนนอนหลับสนิทเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย

คงเหลือเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ยังตื่นอยู่

บิดากล่าวเบาๆ กับข้าพเจ้าว่า “พ่อกำลังจะตายแล้วนะ”

ข้าพเจ้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบ

ตะเกียงน้ำมันถูกวางไว้ที่ข้างผนังบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเปลวตะเกียงกำลังสั่นไหว
ข้าพเจ้าพูดกับตัวเอง “ยมทูตได้เข้ามาแล้วกระพือปีก จนกระทั่งเปลวตะเกียงสั่นไหว”

ข้าพเจ้าเงี่ยหูฟัง ได้ยินบิดากำลังขอดุอาให้แก่ข้าพเจ้า ก่อนที่็จะเงียบหายไป อย่างถาวร

ในตอนเช้า ผู้ชายหลายคนได้หามศพของบิดา ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่จับเกาะอยู่กับเท้าของบิดาผู้จากไป นางจูบแล้วฝังใบหน้าลงในฝ่าเท้าของท่าน เหมือนกับคนใกล้สิ้นสติ

กว่าจะเอาศพบิดาให้พ้นไปจากการเกาะเกี่ยวของนาง ช่างแสนยากลำบาก

ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ อย่างที่สุด แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องอดทน

วันนี้ ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว หากข้าพเจ้าล้มครืน พวกเขาย่อมล้มตาม

ข้าพเจ้าจะต้องทำตัวให้เหมือนกับพ่อ ที่ต้องฝืนแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดนอกจากความหวังในความมตตาของอัลเลาะห์เท่านั้น

สายใยผูกพันของสมาชิกในครอบครัวช่างยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้ากล่าวกับคุณแม่และพี่น้องทุกคน ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปยังกรุงไคโรเพื่อเริ่มต้นทำงานอีกครั้งหนึ่งว่า บิดายังไม่ตาย พี่จะดูแลทุกคนด้วยกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ จนกว่าน้องชายทุกคนจะสำเร็จการศึกษา และน้องสาวทุกคนได้แต่งงานออกเรือนไป

อัลเลาะห์ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้า ทำให้ทุกคำพูดของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลทุกคำ ตัวอักษร”

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือ ประวัติชีวิต
«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

เขียนโดย Ghazali Benmad